จริง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงช่วงนี้ที่กระแสข่าวเกี่ยวกับสภาวะสิ่งแวดล้อมโลกเปลี่ยนแปลง เพราะความเสื่อมโทรมของธรรมชาตินั้นค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทีละน้อย ๆ แบบที่เราไม่ทันได้รู้ตัว เผลออีกทีปัญหาธรรมชาติก็ผุดขึ้นมารุมล้อมเราเฉกเช่นทุกวันนี้ ในทะเลจะมีขยะมากกว่าสิ่งมีชีวิต น้ำแข็งขั้วโลกหายไปทีละส่วน หรือป่าไม้ถูกทำลายด้วยแรงมนุษย์และพลังจากธรรมชาติ ต่าง ๆ เหล่านี้ เราทุกคนล้วนเป็นต้นเหตุ

แม้จะเลี่ยงภัยที่มาเยือนไม่ได้ แต่เราชะลอความรุนแรงและฟื้นฟูให้ธรรมชาติกลับมารักษาตัวเองได้ บอกว่าง่าย ๆ เพียงเริ่มต้นจากตัวเราก็กลัวจะเลี่ยนกันมากไปกว่านี้ แต่คำ ๆ นี้ใช้ได้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกวันที่เราได้รับข่าวสารการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่นเดียวกันเราเห็นหลายหน่วย หลายองค์กร และหลาย ๆ คน กำลังต่อสู้เพื่อชะลอการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนถึงการช่วยเหลือกันเพื่อฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างแข็งขัน


หนึ่งในกิจกรรมที่ทาง TCP Spirit ผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำของไทยและของโลก อาทิ กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม และเพียวริคุ รวมทั้งแบรนด์ขนมขบเคี้ยวซันสแนค โดยโครงการนี้ต่อยอดมาจากโครงการ ‘กระทิงแดง สปิริต’ โครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืนผ่านกิจกรรมอาสาสมัครมายาวนานและ The Cloud สื่อสร้างสรรค์ผู้นำเสนอเรื่องราวดี ๆ สู่สังคม ร่วมกันสร้างกิจกรรมตัวอย่างให้เห็นชัดเจนเป็นดั่งแม่เหล็กดึงดูดพลังงานดี ๆ ให้มารวมตัวกันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง จากปีที่แล้วกับ ‘หมอต้นไม้’ ที่พาเหล่าอาสาไปเยือนความสำคัญของต้นไม้ใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ ครั้งนี้เหมือนเป็นภาคต่อที่พาเหล่าอาสาไปลุยกันที่จังหวัดน่าน ในกิจกรรม ‘พยาบาลลุ่มน้ำ’ กับไอเดียที่ว่า ถ้างานอาสาไม่ใช่เรื่องสนุก ทุกคนยังจะสมัครกันมาไหม ผลลัพธ์คือภาพการทำงานของอาสากว่า 100 คนที่ถูกคัดเลือกเข้ามาจากผู้สมัคร 4,000 กว่าคน กลายเป็นคำตอบให้แล้ว
พลังของป่า


ก่อนขึ้นรถอาสาทุกคนจะได้รับไอเท็มประจำกายเป็นกระเป๋าเป๋สีครามเข้มที่ทำจากผ้าหม้อห้อม ผลิตโดยศูนย์เรียนรู้ย้อมผ้าหม้อห้อมจังหวัดแพร่ ข้างในกระเป๋านั้นประกอบไปด้วย ตลับสำหรับใส่ ช้อน ส้อม ตะเกียบ เป็นอาวุธสำคัญสำหรับการใช้รับประทานอาหารแบบไม่ต้องใช้แล้วทิ้ง หมวกสุดน่ารักหนึ่งใบ เสื้อยืด TCP Spirit ที่ถักทอมาจากขวดพลาสติก 2 ตัว โดยเสื้อหนึ่งตัวนั้นจะผลิตโดยใช้ขวดพลาสติกมารีไซเคิ้ล 20 ขวด และมีผ้ากันเปื้อนเท่ ๆ ผลิตจากผ้าหม้อห้อมอีกหนึ่งผืน เมื่ออุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม พวกเขาพร้อมเริ่มต้นเดินทาง



เหล่าอาสาเดินทางด้วยการนั่งรถบัสผู้นำด้านบริการอย่าง นครชัยแอร์ จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดน่าน ด้วยระยะเวลาเดินทางกว่า 9 ชั่วโมง ถึงจุดหมายปลายทางตั้งแต่เช้าตรู่ แม้จะอิดโรยจากการเดินทางแต่ไม่มีสักคนบ่นเหนื่อย เดินทางต่อยังพิกัดแรกเพื่อไปเรียนรู้วิชาแบบ 'พยาบาลลุ่มน้ำ' กันสถานที่แรกคือ หน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย พวกเขาเหล่าอาสายังได้พบกับ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ที่เข้ามาร่วมเรียนรู้และทำกิจกรรมด้วยกันตลอดทั้งทริป ในฐานะ TCP Spirit Ambassador เป็นปีที่ 2 แล้ว


คืนก่อนเดินทางพายุโพดุลบริเวณทะเลจีนใต้พัดผ่านมายังประเทศไทย อิทธิพลของมันส่งฝนและแรงลมมาต้อนรับอาสาด้วยละอองน้ำปรอยสลับลมเบา ๆ พอให้ชุ่มช่ำตลอดช่วงเช้า แต่ไม่ใช่อุปสรรคใดอาสายังคงลุยกันต่อ เจ้าบ้านอย่าง ปรีชา รอดเพชร หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำสบสายกล่าวต้อนรับทุกคนด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาภูเขาหัวโล้นที่น่านก่อนจะได้รับการฟื้นฟูจนแทบทุกที่ปกคลุมด้วยสีเขียวครึ้มสลับอ่อนตลอดแนวเขา

หัวหน้าหน่วยเริ่มต้นเล่าย้อนกลับไปก่อนกำเนิดหน่วยจัดการต้นน้ำแห่งนี้ บริเวณพื้นที่จากเดิมเป็นเขาหัวโล้นและป่าไม้เสื่อมโทรมผลมาจากการบุกรุกผืนป่าเพื่อเข้าไปตัดต้นไม้ ทำสัมปทาน และทำเกษตรเชิงเดี่ยวใช้สารเคมีเป็นตัวเร่งเติบโต ส่งผลให้แหล่งต้นน้ำมีสารพิษเจอปนเป็นเหตุให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้น้ำจากต้นน้ำแห่งนี้ เมื่อต้นไม้ถูกทำลายไปมากปัญหาที่ป่าไม้ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากตามมากระทบกันไปทั้งประเทศ การฟื้นฟูป่าจึงเริ่มขึ้นเมื่อหน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย สร้างเครือข่ายชุมชนจากคนกลุ่มน้อยขยายพละกำลังรวมเป็นคนกลุ่มมากช่วยกันฟื้นฟูป่าด้วยวิธีการปลูกป่าเพื่อเลียนแบบธรรมชาติ เรียนรู้เข้าใจพืชพื้นถิ่นที่สามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่และปล่อยให้ป่าจัดการความสมบูรณ์ด้วยตัวเองโดยวิธีการแบบธรรมชาติ

ปัจจุบันเขาหัวโล้นเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้ขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก พืชเศรษฐกิจ และผลผลิตที่เลี้ยงชีพได้ ยังมีต้นน้ำใสสะอาดแหล่งสำคัญที่ไหลลงไปสู่ลุ่มน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตคนเมืองน่านได้อย่างหมดกังวล ทั้งยังจัดสรรการใช้ประโยชน์ป่าร่วมกันกับชาวชุมชนเพื่อการแบ่งปันที่จะไม่ทำให้เกิดการบุกรุกป่าอย่างที่ผ่านมาอีกด้วย หัวหน้าหน่วยกล่าวต้อนรับด้วยพลังงานที่ดี อาสาทุกคนเตรียมตัวเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ของหน่วยต้นน้ำสบสายด้วยระยะเดินเท้ากว่า 4 กม.
กม.1 เก็บน้ำให้อยู่กับดิน เก็บดินให้อยู่กับที่


ตลอดเส้นทาง 4 กม ของการเดินสำรวจ สัมผัส เรียนรู้ ไปกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญอย่าง อาจารย์แมน หรือ ผศ. ดร.ธนากร ลัทธิ์ถีระสุวรรณ อาจารย์ประจำหลักสูตรบัณฑิตศึกษาการจัดการป่าไม้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ นำทางให้ความรู้ ให้ข้อมูล หลายสิ่งอย่างที่ไม่เคยรู้กลับได้รู้ และดูเหมือนว่าเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไปโดยปริยาย เส้นทางนี้เราได้รู้จักหลักการปลูกป่า 5 ระดับ พื้นที่แห่งนี้จึงมีทั้ง ไม้ระดับสูง ระดับกลาง ระดับเตี้ย จนถึงเรี่ยดิน และไม้หัวใต้ดิน ซึ่งทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์มีประโยชน์เอื้อให้เกิดพลังของป่าอย่างยั่งยืน เรียกได้ว่าป่าคือ อาหารของคนและสัตว์ เป็นแหล่งสมุนไพร ป่ามีรากไม้ที่ยึดผนึกหน้าดินไม่ให้พังทลายลงเมื่อเวลาฝนมา ทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำจากขุนเขาไหลไปหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรและสู่ทุกชีวิต
กม.2 ช่องว่างระหว่างป่า

เหล่าอาสาได้เรียนรู้ความมหัศจรรย์ของการพลิกฟื้นคืนชีพความสมบูรณ์ของธรรมชาติด้วยตัวมันเอง ด้วยวิธีการที่ฟังแล้วจะต้องมองเห็นภาพว่าทำไมมันถึงพิเศษและทรงพลังเช่นนั้น วิทยากรพูดถึงช่องว่างระหว่างป่าที่เกิดจากพายุพัดพาให้กิ่งไม้หักโค่นนั้นเกิดช่องว่างให้แสงลอดผ่านเข้ามาได้ ไม้เบิกนำหรือบรรดาไม้ที่ชอบแสงต่าง ๆ จะเข้ามานำทีมตั้งต้นกำเนิดเมล็ด และอีกส่วนที่มาเสริมคือเมล็ดพรรณที่อาศัยปลิวตามแรงลม เมื่อต้นไม้เริ่มเกาะกลุ่มสร้างอาณาเขตมากยิ่งขึ้น เหล่าสัตว์ป่าจากถิ่นอื่นมาหาอาหารเข้ามาถ่ายอุจจาระ ไม้อื่น ๆ จึงเติบโต เป็นทอด ๆ ต่อมา ทั้งหมดดำเนินไปด้วยวิถีแบบการฟื้นฟูที่พึ่งพาตัวเองโดยแท้
กม. 3 เทคนิคฟื้นฟูป่าด้วยวิธี(เลียนแบบ)ธรรมชาติ

สิ่งง่าย ๆ เพียงแค่รู้ว่า ระบบนิเวศบริเวณนี้เป็นเช่นไร รู้ว่าป่าเป็นแบบไหน แล้วไม้อะไรสามารถปลูกแล้วเติบโตได้ นำไม้ดังว่ามาปลูกเพื่อเป็นโครงหรือเสาหลักดึงดูดพวกสัตว์ให้เข้ามาพื้นที่เพื่อช่วยกระจายเมล็ดพรรณต่อไป และปล่อยให้ป่าชุบชีวิตตัวเองตามวัฏจักรของธรรมชาติ โดยที่เรานั้นเป็นผู้ดูแลให้ป่าฟื้นฟูได้เร็วขึ้นด้วย การกำจัดวัชพืช ทำแนวกันไฟ หรือช่วยปลูกป่าทดแทนพื้นที่ซึ่งโดนบุกรุกและเสื่อมโทรมเกินเยียวยา งานเช่นนี้จึงต้องร่วมใจกับชุมชนบริเวณใกล้เคียงเพื่อสนับสนุนแรงให้ป่าฟื้นตัวเร็วขึ้นไปอีกขั้น
กม. 4 นักสืบสายน้ำ


ต้นน้ำดีดูที่ความใส ดูสิ่งมีชีวิตที่อาศัย ดูความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ กิจกรรมในช่วงกิโลเมตรสุดท้ายนี้ ชวนให้เหล่าอาสาได้เป็นนักสืบผู้สำรวจตรวจสอบว่า ในต้นน้ำที่สบสายนี้ เราพบสิ่งมีชีวิตชนิดอะไรอาศัยอยู่บ้าง จากนั้นให้นำน้ำจากแหล่งต้นน้ำมาเปรียบเทียบความใสกันโดยวัดความใสของน้ำจากแหล่งอื่น ๆ เช่น แหล่งน้ำยาว และลำน้ำน่าน เปรียบเทียบให้เห็นว่า จากต้นน้ำสู่ปลายทางที่คนใช้บริโภค น้ำที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร เช่นนี้แล้วกิจกรรมทั้งหมดตลอด 4 กม. จึงสรุปให้ทุกคนได้เห็นว่า ต้นน้ำที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อทุกชีวิตบ้าง
โคก หนอง นา โมเดล

วันแรกจบไปกับการได้เรียนรู้แหล่งต้นน้ำสำคัญที่หน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย วันที่สองหลังจากได้พักเอาแรงกันเต็มตื่นแล้ว อาสาทุกคนออกตัวเดินทางกันตั้งแต่เช้าเพื่อไปยัง ชุมชนต้นน้ำน่าน ชุมชนที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของ โคก หนอง นา โมเดล ขนาดพื้นที่ 60 ไร่ พิกัดที่หมู่บ้านคัวะ ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับการทำงานด้านเกษตรกร การจัดการน้ำ และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อการปรับตัวให้อยู่รอดกับวิกฤตภัยแล้งเรียกความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา

ชุมชนแห่งนี้มีผู้อำนวยการโครงการชุมชนหรือที่ทุกคนเรียกว่าเป็นแม่ทัพชื่อว่า กุล ปัญญาวงศ์ เกษตรกรหญิงอารมณ์ดี ที่ลุกขึ้นมาสร้างแบบอย่างจนเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยสร้างชุมชนที่มีพลังฟื้นฟูต้นน้ำน่าน จากเดิมผืนดินแปลงนี้เคยเป็นสวนยางพาราที่ปลูกแทนสวนผลไม้ สารตกค้างจากการใช้สารเคมี ส่งผลให้ที่ดินผืนนี้มีความเป็นด่างแข็งกระด้าง ยากต่อการเติบโตที่หลากหลายของเหล่าพรรณพืช คุณกุลค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพแปลงที่ดินป่วยไข้นี้ด้วยการเริ่มปลูกต้นไม้ในช่วงเข้าต้นฤดูฝน ยึดหลักแนวคิดป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการปลูกป่า 5 ระดับ คือ เพื่อกิน เพื่อใช้ สร้างที่อยู่อาศัย และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เวลาต่อมาเธอเริ่มปรับสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมต่อการเก็บน้ำ ขุดหนอง คลอง ปรับคันนาให้กว้างและลึก ใช้วิธีอย่างการขุดคลองไส้ไก่เพื่อเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้กับดิน ปลูกพืชผักไว้กิน ไม่นานในนาเริ่มมีปลา และเพียงเวลาไม่ถึง 3 ปี ระบบนิเวศในชุมชนแห่งนี้กลับมาสมบูรณ์ โดยสามารถยืนได้ด้วยตนเอง ทั้งยังแบ่งปันความรู้ให้อีกหลายคนได้เห็นและเข้าใจในผลที่ได้รับ ทุกวันนี้ชุมชนต้นน้ำน่านกลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของจังหวัดน่านและกลุ่มคนที่สนใจในการทำเกษตรที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากคุณกุลเล่าที่มาที่ไปของชุมชนแห่งนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่อาสาจะต้องลงมือทำงานจริง เพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้วิชาการทำเกษตรพึ่งพาตนเองได้ ในแบบฉบับของชุมชนต้นน้ำน่านแห่งนี้
คึกคัก คล่องแคล่ว ครื้นเครง

เมื่อนัดแนะแนวทาง นัดหมายวิธีการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาสากว่า 100 ชีวิต ถูกแบ่งออกเป็น 3 ฐาน ที่จะต้องแยกกันไปปฏิบัติงานอย่าง การทำแทงก์น้ำ ขุดคลองไส้ไก่ และทำหนองน้ำ ทั้ง 3 ฐานนี้คือองค์ความรู้ในการกักเก็บน้ำที่ชุมชนต้นน้ำน่านใช้นั่นเอง ตามอาสาไปดูในแต่ละฐานว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง
กลุ่มทำหนองน้ำ


กลุ่มนี้จะมีหลายสิ่งละอันให้พวกเขาชาวอาสาต้องช่วยกันทำโดยจะแบ่งย่อยลงเป็นกลุ่มเล็กทั้งหมด 3 กลุ่ม 1.ปลูกแฝก เพื่อชะลอน้ำป้องกันการพังทลายของหน้าดิน โดยเริ่มแรกอาสาจะต้องทำการปรับสภาพหน้าดิน วัดระยะช่องไฟ และปักแฝกลงไปบนคันดิน ด้วยสรรพคุณของรากที่โตในแนวลึก หญ้าแฝกจึงมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูทรัพยากรดิน เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุ ความชื้น และช่วยระบายน้ำและอากาศได้ดี อีกอย่างที่อาสาทีมนี้ได้ทำคือการ ใช้ฟางห่มลงบนหน้าดินที่ถูกปรับสภาพแล้วเพื่อเก็บความชุ่มชื้นของน้ำใต้ดินไว้ใช้ในช่วงเวลาที่อากาศแล้ง เมื่อความร้อนเจอกับความชื้นในดินจะเกิดการย่อยสลายนั่นหมายถึงจะมีการกำเนิดของสัตว์หน้าดิน ช่วยในการบำรุงดินให้สมบูรณ์ได้ บนคันนาเช่นนี้จึงสามารถปลูกพืชผักไว้กินเองได้ด้วย


2.คอกผักตบ อาสากลุ่มนี้ได้เรียนรู้วิธีการนำเอาไม้ไผ่มาประกอบกันให้เกิดเป็นคอก จากนั้นนำคอกที่สร้างขึ้นลงไปลอยในน้ำ โยนผักตบใส่ลงไปในคอก เพื่อให้ผักตัวการที่ทำให้น้ำเน่าเสียนี้สามารถบำบัดน้ำเคมีหรือน้ำไม่ดีจากแหล่งอื่น และยังช่วยให้สัตว์น้ำชนิดเล็กจำพวกลูก ๆ ทั้งหลายได้มีที่หลบซ่อนตัวจากสัตว์ผู้ล่า โดยปกติแล้วจะทิ้งผักตบให้ลอยน้ำไว้ประมาณ 45 วัน จากนั้นจะนำขึ้นจากน้ำมาคลุมคันดินหรือสามารถนำไปทำน้ำหมักรสจืดใช้สำหรับเป็นปุ๋ยให้ดินได้อีกด้วย โดยใช้หลักการที่เรียกว่า อธรรมปราบปธรรม ก็คือผักตบที่ชอบทำให้น้ำเน่ามาบำบัดน้ำไม่ดีอีกที


3.แซนด์วิชปลาหรือโรงอาหารปลา คือการสร้างแหล่งอาหารไว้ให้ปลา เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารของสัตว์น้ำ เริ่มต้นด้วยการใช้ไม้ไผ่มาสานให้เป็นทรงกลมปักลงไปในบ่อเอาฟางข้าวใส่ลงไปกดให้จมน้ำ ใส่ปุ๋ยคอก สลับอีกชั้นด้วยฟางกดให้จมน้ำอีกเช่นเคย จากนั้นจึงใส่ฟางสลับขี้วัวทับไปเรื่อย ๆ จนพอดีโครงไม้ไผ่ รอเวลา 3-7 วัน อาหารปลาจำพวก ไรแดง แพลงตอนจะถือกำเนิด ให้ปลาได้บุฟเฟ่ต์กันตามชอบใจด้วยวิธีการหาอาหารได้เองตามแบบธรรมชาติ
คลองไส้ไก่

ถือเป็นกลุ่มที่ต้องใช้พละกำลังพอสมควร เพราะอาสา TCP Spirit ทุกคนได้ใช้จอบขุดดินเพื่อให้เกิดเป็นคลองน้ำเล็ก ๆ หลายสาย คดโค้งไปมาเชื่อมต่อกัน เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เวลาฝนมาและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดินในพื้นที่ มีน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของ พืช ผัก ต้นไม้ ในแปลงที่ดินได้ตลอดปี
แทงก์น้ำไม้ไผ่


กลุ่มที่ต้องใช้คนเยอะและต้องมีกำลังมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ เพราะต้องสร้างแทงก์น้ำทำมือที่ทั้งโครงสร้างส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุจากธรรมชาติซึ่งหาได้จากท้องถิ่น เริ่มต้นจากการขุดดินให้ลึกลงไป 1.5 เมตร (ขนาดขึ้นอยู่กับความต้องการ) ตั้งไม้ไผ่ขึ้นเป็นโครงล้อมรอบเว้นช่องไฟเป็นวงกลมจากนั้นนำไม้ไผ่ผ่าเป็นซีกขนาดยาวมาสานไปรอบ ๆ จนสุดปลายโครง อาสาอีกส่วนผสมปูน ส่งต่อมาใช้ฉาบทั้งด้านในและข้างนอก ด้านล่างทำท่อระบายน้ำไว้ลำเรียงไปใช้ในครัวเรือนหรือตามประสงค์ ถือเป็นแทงก์น้ำที่ใช้งบประมาณต่ำ แถมยังมีประโยชน์ไว้กักเก็บปริมาณน้ำฝนใช้ในยามแล้งได้ดีอีกด้วย
TCP

ตลอดสองวันทุกคนลงแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่และต้องขอขอบคุณผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยและทั่วโลก นำเครื่องดื่ม ๆ มาสร้างความสดชื่นให้กับทุกคน ประกอบด้วยหลากหลายผลิตภัณฑ์รวมเป็น 8 แบรนด์ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังคือ กระทิงแดง, เรดดี้, โสมพลัส และวอริเออร์ กลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่คือ สปอนเซอร์ กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งก์คือ แมนซั่ม กลุ่มเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มคือ เพียวริคุ ยังมีขนมเตี้ยวเล่นเป็นผลิตภัณฑ์เมล็ดทานตะวันอย่าง ซันสแนคและยังมีกลุ่มหัวเชื้อเครื่องดื่มคือ เรดบูลรสดั้งเดิมอีกด้วย

สำหรับกลุ่มธุรกิจ TCP นั้นประกอบไปด้วยบริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าของกลุ่ม บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด รับผิดชอบในการทำตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม บริษัท ที.จี. เวนดิ้ง แอนด์ โชว์เคส อินดัสทรีส์ จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารจัดการตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติสำหรับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและ แบรนด์อื่น ๆ และ บริษัท เดอเบล จำกัด ดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและแบรนด์อื่น ๆ ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ TCP มีพนักงานกว่า 5,000 คน ในประเทศไทยและทั่วโลก
เปลี่ยนแปลงแบ่งปัน


แม้จะเป็นเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นสำหรับการเข้ามาใช้ชีวิตเป็นอาสาสมัคร TCP Spirit พยาบาลลุ่มน้ำ แต่หลายคนสนุกสนานที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม บางคนเกิดความเข้าใจในเรื่องของการจัดการน้ำ และอีกมากตั้งใจจะนำวิชาในห้องเรียนธรรมชาติจากทั้ง หน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย และ ชุมชนต้นน้ำ น่าน กลับไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในท้ายกิจกรรมนั้นเป็นการสรุปสิ่งที่ทุกคนได้ลงมือทำกันมาตลอด 2 วันเต็ม เพชร เป็นหนึ่งในอาสาที่ประทับใจในพลังงานของ 'พี่กุล' แห่งชุมชนต้นน้ำน่านที่เป็นเหมือนคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการจุดประกายสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับจังหวัดน่านได้ จนในทุกวันนี้มีคนเข้ามาร่วมอุดมการณ์มากมายจนกลายเป็นพลังงานขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน

สาวน้อยอย่าง วิว รู้สึกยินดีที่ได้รู้จักทุกคนไม่ว่าจะมาจากที่ไหนหรือทำอาชีพอะไร ทุกคนพร้อมที่จะลงมือทำงานไปด้วยกัน ร่วมกันแลกเปลี่ยนพูดคุยช่วยเหลือแบ่งปันพลังงานซึ่งกันและกัน เธอบอกว่าการได้มาเป็นอาสาในโครงการนี้ทำให้สามารถพัฒนาตนเองได้ไม่น้อย และ เปรม บอกว่าเขารู้สึกโชคดีที่ได้ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นอาสา เล่าว่าตนนั้นเรียนจบวิศวะชลประทานมา 4 ปี แม้จะรู้ว่าการสร้างเขื่อน ปลูกป่าเป็นอย่างไร แต่ไม่เคยรู้และเข้าใจสักนิดเลยว่า ชาวบ้านกับป่าและสายน้ำนั้นใช้ชวิตสัมพันธ์กันอย่างไร การได้มาเข้าร่วมวันนี้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความเป็นจริงของชีวิต ป่า และน้ำ เมื่อกลับไปแล้วเขาจะนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเรื่องการจัดการน้ำที่บ้านทางภาคใต้ให้ดีขึ้น

เบ๊นซ์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Benz Apache อินฟลูเอนเซอร์สุดฮาหนึ่งในสมาชิกของโครงการ TCP Spirit พยายาลลุ่มน้ำ #1 เล่าว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการทำงานอาสาแรกของเขา ชีวิตในเมืองนั้นไม่เคยรู้สึกหรือประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของน้ำ แม้จะเคยรับรู้ข่าวสารปัญหาของน้ำที่จังหวัดอื่น ๆ มามากมายก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะต้องเดือดร้อนเพราะยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติดี แต่การได้มาทำกิจกรรม พยาบาลลุ่มน้ำ ทำให้เห็นต่างออกไปว่า ปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องน้ำอาจจะเกิดกับคนรุ่นต่อ ๆ ไป และถ้าไม่เริ่มต้นแก้ปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไป

ปิดท้ายด้วย อเล็กซ์ เรนเดลล์ ในฐานะ TCP Spirit Ambassador 'เข้าแล้วออกยาก' เขาพูดเช่นนั้น เพราะว่า การได้เข้ามาเป็นอาสาหรือทำงานเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น เปลี่ยนจากการเป็นงานอดิเรกมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว อเล็กซ์มุ่งหวังถึงการได้เรียนรู้ พูดคุยรู้จักผู้คน เก็บเกี่ยวชั่วโมงบินที่ได้ทำงานอาสาหรือการสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงสิ่งดี ๆ มากพอ เพื่อนำองค์ความรู้ รวมถึงประสบการณ์ที่ได้รับมาไปถ่ายทอดเป็นพลังงานดี ๆ ให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ในวงกว้างและเข้ามาร่วมกันเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นต่อไป
คอนเทนต์โฆษณานี้สร้างสรรค์โดย Asia City Studio ให้เราช่วยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณและส่งต่อไปยังผู้อ่านอย่างตรงจุด ติดต่อเราได้ที่ studio.asia-city.com