Skip to main content
AdSense

เก็บตังค์ไปเที่ยวโปรตุเกส: Lagos, Lisbon และ Porto

จริงๆ แล้วบินจากกรุงเทพฯ ไปแถบเมดิเตอร์เรเนียนไม่ได้ราคาถูกหรอก แต่เราเชื่อว่านานๆ ทีถ้าเรามีโอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวทวีปอื่นบ้างก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยนะ เห็นคนส่วนใหญ่เคยไปสเปนกับอิตาลีมาแล้ว วันนี้เราเลยอยากมาเล่าให้ฟังถึงประเทศโปรตุเกส และสิ่งที่เราประทับใจเมื่อได้ไปเยือนสามเมืองหลักในช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน) พร้อมแล้วตามมาดูกันเลย 

ภาพโดย Paul Chu และ Yeoh Lailin 

เก็บตังค์ไปเที่ยวโปรตุเกส: Lagos, Lisbon และ Porto
May 7, 2016 Bangkok time
อากาศดีๆ ที่เมือง Lagos
 
Lagos เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศโปรตุเกส ตอนนั้นเรานั่งรถบัสจากเมือง Seville ทางตอนใต้ของสเปนไปในช่วงเดือนกรกฎาคม แดดร้อนกำลังดี แต่ไม่ร้อนจนเกินไปเพราะมีลมดีทำให้เย็นสบายตลอดเวลา อุณหภูมิในตอนนั้นจำได้ว่าไม่ต่ำกว่า 20 องศาระหว่างวัน เดินเล่นได้สบายยย (แต่กลางคืนอาจจะเย็นหน่อย หาแจ็คเก็ตเบาๆ เผื่อไว้ตัวนึงด้วยก็ดีนะ)
 
 
 
 
ทะเลที่สวยมาก แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่
 
 
อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนั้นไม่ได้เที่ยวทะเลมานาน เลยอาจจะมีความลำเอียงเล็กน้อย แต่น้ำทะเลของที่นี่สวยใสไม่ได้แพ้บ้านเราเลยนะ แถมคนยังไม่พลุกพล่านขนาดนั้นด้วยเพราะยังนักท่องเที่ยวน้อย ตอนนั้นเราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามหาดแล้วไปเจอมุมนึงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน เลยเหมือนได้ไปนอนเล่นบนหาดส่วนตัวเล็กๆ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าน้ำทะเลที่นี่เย็นมากบางครั้ง ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำในช่วงนั้น
 
 
ไปสุดขอบโลกที่ Sagres
 
600 ปีมาแล้วเขาเล่ากันว่าสุดปลายแหลม St. Vincent ที่เมือง Sagres นั้นเปรียบเสมือนสุดขอบเขตของโลก เพราะเป็นที่ๆ Columbus ได้ออกเดินทางไปค้นหาโลกใหม่ และเป็นจุดที่พระอาทิตย์ตกดินหายลับไปกับท้องมหาสมุทร ถ้าอยู่ใน Lagos แล้วเราสามารถนั่งรถบัสไปได้ (เช็คตารางรถบัสได้ที่ www.algarve-tourist.com) ตอนนั้นเราไปไม่ถึง (เสียใจมาก) เพราะฝนตกพอดีแต่สามารถเห็นได้จากไกลๆ แต่ถ้าวางแผนล่วงหน้าดีๆ เราว่ามันเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินจากโขดหินที่สวยสุดขอบจินตนาการอีกแห่งเลย
 
*ราคาตั๋วรถบัสอยู่ที่ 4.50ยูโรต่อเที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที
 
 
ความอาร์ตของเมืองริมทะเล
 
 
ด้วยบรรยากาศสบายๆ ให่ความรู้สึกเป็นกันเอง รวมทั้งงานศิลปะบนฝาผนังที่เราเจอตลอดทาง เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราติดใจ Lagos มาก เราแนะนำให้จองที่พักบน Airbnb ด้วยนะ จะได้อยู่ในบ้านพักสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนแท้ๆ แถมราคาโอเคมากเลย ลองไปเช็คราคากันได้ที่ th.airbnb.com
 
 
อาหารทะเลอร่อย ในราคากันเอง
 
เนื่องจากเป็นเมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียน และมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าที่อื่นในยุโรป (เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่) อาหารทะเลที่นี่จึงราคาถูกกว่าที่เราคาดไว้เยอะเลย ตอนนั้นเราสั่งข้าวผัด paella (ต้นกำเนิดมาจากสเปน) รสชาติถูกปาก แถมไม่แพงด้วยเมื่อเทียบกับไซส์บิ๊กเบิ้มอย่างที่เห็น 
*สนามบินที่ใกล้ Lagos ที่สุดคือ Faro Airport
 
 
ทาร์ตไข่ที่อร่อยที่สุดในโลก ณ เมืองหลวง
 
ตอนนั้นเราถือโอกาสเที่ยวตามเมืองหลักๆ ในประเทศในเวลา 9 วันที่เรามีเหลืออยู่ในทริป เลยเดินทางต่อไปที่ Lisbon รู้หรือเปล่าว่าที่นี่ดังเรื่องทาร์ตไข่มาก จะมีขายเหมือนเป็นเพสทรีตามท้องถนนทั่วไปเลย แต่เค้าว่ากันว่าทาร์ตไข่ของร้าน Pasteis De Belem นั้นอร่อยที่สุดในโลก! จะสังเกตได้ว่ามีคิวยาวเฟื้อยยยออกมานอกร้าน… ก็อร่อยดีนะ แต่แอบคิดว่าร้าน Lord Stow’s ที่มาเก๊าอร่อยกว่านิดนึง ต้องไปลองกันเองฮะถึงจะรู้
 
 
เข้าวัง Belem National Palace
 
 
ไหนๆ ก็มาอยู่ย่านเมืองประวัติศาสตร์กันแล้ว จะไม่เข้าวัง Belem National Palace หน่อยก็จะหาว่ามาไม่ถึง เป็นอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวมักจะต้องไป บอกไว้ก่อนนะว่าคิวยาวอีกเหมือนกันถ้าไปช่วงซัมเมอร์ ล่าสุดนี้ได้มีการต่อเติมพิพิธภัณฑ์ Presidency Museum เมื่อปี 2014 อีกด้วย เราว่าเป็นที่ๆเหมาะกับคนที่รักประวัติศาสตร์ แต่ส่วนตัวแล้วเราถูกใจที่อื่นๆ ในย่านนี้มากกว่า
 
 
สถาปัตยกรรมที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ที่ Jeronimos Monastery  
 
 
 
Jeronimos Monastery แห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ซึ่งเราไม่แปลกใจเลยเพราะสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายในเป็นสไตล์ Late Gothic Manueline ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ แล้ว เริ่มก่อส้รางในปีค.ศ. 1501 และใช้เวลาสร้างถึง 100 ปีเชียว แค่เราไปนั่งดูความประณีตของลวดลายของแต่ละซุ้มประตูก็เพลินแล้ว   
 
 
ตามไปขึ้นหอคอยที่ Torre De Belem  
 
 
เดินต่อมาไม่ไกลมากจะเจอหอคอยแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำ Tagus ซึ่งได้รับรองเป็นมรดกโลกอีกแห่งเช่นกัน จะสังเกตได้ว่าทั้งสองที่ๆ เรากล่าวมามีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ทางทะเลของประเทศ เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของยุคแห่งการสำรวจ หอคอยแห่งนี้สร้างด้วยหินปูน มีทั้งหมด 4 ชั้น และสามารถเดินขึ้นไปได้ ถือว่าเป็นหนึ่งใน Seven Wonders of Portugal ด้วยนะ   
 
 
อนุเสาวรีย์แห่งการสำรวจ
 
สร้างขึ้นในปี 1939 อนุเสาวรีย์ Padros dos Descobrimentos เป็นบริเวณที่นักเดินเรือสมัยก่อนออกเดินทางจากโปรตุเกสไปแถบเอเชียในสมัยศตวรรษที่ 15-16 ซึ่งทั้ง 33 รูปปั้นที่เห็นอยู่นั้นเป็นสัญลักษณ์ของผู้คนที่มี่ส่วนร่วมในยุคสำรวจ (มีทั้งผู้นำของยุคสำรวจอย่าง Henry the Navigator และ Vasco da Gama ผู้คนพบเส้นทางเดินเรือไปประเทศอินเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย) ใครสนใจประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเดินเรือก็สามารถไปที่ Museu de Marinha ได้อีกด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นมิวเซียมจังกี้ก็ยังสนุกได้อยู่ดีนะ    
 
 
เดินต่อไปที่จัตุรัสแห่งการค้า Terreiro do Paco
 
จตุรัสแห่งนี้อาจจะไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก เพราะหลายๆ ประเทศในยุโรปมักจะออกแบบมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่จุดนี้เป็นบริเวณที่พระมหากษัตริย์ Carlos I (กษัตริย์คนรองสุดท้ายของโปรตุเกสก่อนจะเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ) โดนลอบสังหารโดยเหล่าสมาชิกของพรรครีพับลิกันในปี 1908 นะ 
 
 
นั่งรถรางเที่ยวรอบเมืองบน Tram No. 28  
 
 
เราว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการทัวร์รอบเมือง Lisbon นะ ถ้าไปอยู่ในประเทศอื่นรถรางแบบนี้น่าจะเข้าพิพิธภัณฑ์ไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่ Lisbon มีเนินสูงชันอยู่ทั่วไปหมด (นึกถึง San Francisco สิ) การเดินทางด้วยรถรางแบบนี้จึงทำให้สะดวกขึ้นเยอะ ส่วนรถเบอร์ 28 เป็นคันที่โด่งดังที่สุดเพราะว่าครอบคลุมเส้นทางที่กว้างที่สุด (เริ่มจากทางเหนือของ Baixa ผ่านเขต Graca, Alfama, Chiado, Barrio Alto และ Estrela) ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาที
*สามารถซื้อตั๋วได้บนรถเลย ราคา 2.85ยูโรต่อเที่ยว หรือจะซื้อแบบ unlimited 24 ชั่วโมงในราคา 6 ยูโรก็ได้   
 
 
ไปนั่งดูฟุตบอลที่ฟู้ดคอร์ท Mercado da Ribeira Lisboa
 
ตอนนั้นเราโชคดีมากที่ไป Lisbon ช่วงแข่งบอลโลกพอดี เป็นการนั่งชมฟุตบอลที่สนุกมาก (ตอนนั้นดู Germany v Brazil…. สงสาร) แถมยังรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมที่สุดของคนในเมือง สังเกตได้เลยว่าเป็นที่แฮงค์เอาท์ของคนท้องถิ่นจริงๆ ถ้าย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 Mercado da Ribeira แห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในตลาดปลาที่ดังที่สุดในยุโรปเลยนะ
 
 
ชมกราฟิตี้อาร์ตทั่วตัวเมือง
 
 
 
เราชอบงานศิลปะตามผนังรอบๆเมืองเป็นพิเศษเลย มีทั้งงานที่เกี่ยวกับการเมืองสุดๆ จนไปถึงงานขีดเขียนฮิปๆทั่วไป เหมือนเป็นเซอร์ไพรส์ที่น่ารักดีเวลาเดินทัวร์รอบเมือง มีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด (คิดว่าเป็นงานศิลปะ หรือการทำลายทรัพย์สินของรัฐ อันนี้แล้วแต่ความเห็นส่วนตัวของแต่ละคน)  
 
 
อย่าลืมจัดทริปหนึ่งวันไปเที่ยวที่ซิงตรา (Sintra)
 
เป็นเมืองที่อยู่ในส่วนภูมิภาคของ Grande Lisboa เป็นเมืองที่โด่งดังในเรื่องสถาปัตยกรรมยุคโรแมนติกฟรุ้งๆ และเป็นเมืองมรดกโลกอีกที่ บอกได้เลยว่าไปแล้วรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์มาก! ซึ่งที่แรกที่เราแวะไปในเมืองคือ Palacio da Pena Sintra Portugal
 
 
 
 
เข้าบ้านขุนนาง Quinta da Regaleira
 
 
 
จริงๆใน Sintra มีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่ละที่ก็จะมีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกันไป ตอนนั้นเรามีเวลาไม่พอที่จะแวะทุกที่ แต่ในบริเวณนี้ประกอบไปด้วยโซนพระราชวัง โบสถ์โรมันคาทอลิค และสวนหย่อมอยู่ทั่วไป เดินหลงไปทั่วได้ทั้งวันจริงๆ เพราะอากาศกำลังดีและร่มรื่นมาก  
*นั่งรถไฟจาก Lisbon ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
 
 
มุ่งหน้าสู่ตอนเหนือไปจิบไวน์ที่ Porto
 
 
Porto เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองลงมาจาก Lisbon ส่วนตัวเราคิดว่าเป็นเมืองที่น่าสนใจมาก เพราะมีความเป็นเมืองใหญ่ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นพื้นเมืองอยู่ในตัว เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Douro
 
 
เราเอ็นจอยการเดินลัดเลาะไปตามซอยเล็กน้อยแทรกอาคารสีสันสดใสบนเนินริมน้ำมากๆ ได้เห็นความเป็นอยู่ของคนแถวนี้ไปในตัวเลย แต่อย่าหลงไปตอนดึกมากนะเพราะแอบเปลี่ยวอยู่เหมือนกัน ส่วนบริเวณริมแม่น้ำก็จะครึกครื้นเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนเดินไปมาตลอดทาง
 
 
นั่งรถรางอีกครั้งกันก่อนกลับ
 
 
 
นั่ง Porto Tram City Tour เป็นอะไรที่เพอร์เฟคมากสำหรับเรา เพราะว่าตอนนั้นมีเวลาน้อย แต่อยากเห็นตัวเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เปิดเส้นทางบริการอยู่ 3 สาย (สายที่ 1, 18 และ 22)
*ซื้อตั๋วได้บนรถเลย (2.50 ยูโรต่อเที่ยว, 8 ยูโรสำหรับ 24 ชั่วโมง unlimited pass -ใช้เข้าพิพิธภัณฑ์รถรางด้วยนะ)  
 
 
นั่งคาเฟ่ชิคๆ ที่ Majestic Cafe
 
 
อาจจะดูเป็นอะไรที่แรนด้อมนิดนึง แต่คาเฟ่แห่งนี้เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวชอบแวะไปถ่ายรูปนะ นั่นก็เป็นเพราะว่าคาเฟ่นี้เคยเป็นที่นัดพบของนักคิดและนักการเมืองที่สำคัญของประเทศในสมัยก่อน มีการออกแบบสไตล์อาร์ตนูโว เห็นแล้วอาจจะนึกถึงคาเฟ่ชิคๆ ในปารีส นักเขียนอย่าง JK. Rowling ก็เคยมานั่งเขียนต้นฉบับส่วนหนึ่งของ Harry Potter and the Philosopher’s Stone ที่นี่นะจะบอกให้!  
 
 
เดินข้ามสะพาน Dom Luis I 
 
 
สะพาน Maria Pia กับ Dom Luis I นั้นมักจะถูกสับสนว่าเป็นสะพานเดียวกัน ด้วยการออกแบบที่คล้ายคลึงกันเพราะเป็นสะพานเหล็กทั้งคู่ จริงๆ แล้ว Maria Pia นั้นออกแบบโดย Gustave Eiffel เชียวนะยู ส่วน Dom Luis I นั้นมีสองชั้น ตอนนั้นเราเดินข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำเพื่อไปลองชิมไวน์พอร์ทที่ Ferreira Porto แถมได้เรียนรู้วิธีการหมักบ่มไวน์พอร์ทชื่อดังของที่นี่ด้วยนะ    
 
 
Porto มีหาดอีกด้วย!  
 
ท้ายสุดนี้ถ้ามีเวลาก็ไปนั่งพักผ่อนริมหาดของ Porto ก็ได้นะ บริเวณ Foz เป็นจุดที่แม่น้ำ Douro เชื่อมต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก เราสามารถเดินเลียบทะเลไปได้ มีทั้งบาร์และคาเฟ่ริมหาดตลอดทาง หรือจะนั่งรถรางไปลงที่ Passeio Alegre ก็ได้ จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองรีสอร์ทริมทะเล ด้วยต้นปาล์มสองข้างทาง ถนนโล่งๆ ตรงกันข้ามกับบริเวณริมแม่น้ำอย่างสิ้นเชิง
 
 
อาจจะไม่เหมาะกับลงไปว่ายน้ำทะเลเพราะมีโขดหินเยอะ แต่คนให้พื้นที่มักจะมานอนเล่นบนหาดชิวๆ อาบแสงแดดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนกันให้เต็มที่

และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกการเดินทางของเรา หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวนะ :) 

AdSense
AdSense
AdSense