เอามาฝาก 19 ภาพโรงแรมบูติกสวยสุดชิคใกล้กรุงเทพฯ

ราคาเริ่มต้น: 3,900 บาท

 

ใกล้กรุงเทพฯ สุดๆ แล้วในลิสต์นี้ คือ โรงแรม Bangkok Tree House ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ห้องพักบนต้นไม้ของที่นี่ eco-friendly ดีต่อสิ่งแวดล้อม มีร้านอาหารออร์แกนิค และบรรยากาศสงบสุดๆ เหมาะสำหรับหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองไปจัด Staycation เป็นอย่างมาก ห่างจาก BTS เพียง 5 นาทีเองด้วยนะ! 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 3,840บาท++

 

ศาลาอยุธยาเป็นโรงแรมบูติกลักชัวรีแห่งแรกๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพห้องอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา และวิวของวัดพุทไธศวรรย์ที่สามารถเห็นได้จากห้องพัก คอนเซ็ปต์เดียวกันกับศาลารัตนโกสินทร์แหละ แต่จริงๆ แล้วดีไซน์ด้านในก็น่าประทับใจไม่แพ้กันนะ ทั้งลักษณะเหมือนเขาวงกตปูนเปลือยอิฐแดง ห้องสีขาวสะอาดสุดส่วนตัว และแกลอรีเล็กๆ ด้านใน ทั้งหมดมีเพียง 26 ห้องพักเท่านั้น 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 1,650 บาท 

 

เป็นอีกโรงแรมบูติกในอยุธยาที่น่าไปพักถ้ามีโอกาส มีลักษณะเป็น bed & breakfast มากกว่า ซึ่งบริเวณสระว่ายน้ำและห้องพักแบบ deluxe จะสามารถเห็นวิวของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาด้วย แต่ละห้องจะแบ่งเป็นธีมที่แตกต่างกันไป แต่จะกลมกลืนไปกับความเป็นกรุงเก่าของอยุธยาเป็นอย่างมาก ผู้เข้าพักสามารถยืมจักรยานไปปั่นทัวร์รอบๆ เมืองได้ด้วยนะ

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 3,599 บาท 

 

พัทยามีร้านอาหารใหม่ๆ บรรยากาศดีเยอะมาก อย่างที่เราเคยได้เล่าไป และโรงแรม U Pattaya ก็เป็นอีกหนึ่งโรงแรมบูติกที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ตั้งอยู่ริมหาดเงียบๆ ระหว่างจอมเทียนและบางเสร่ นอกจากจะเป็นโรงแรมดีไซน์เก๋ๆ ได้แรงบันดาลในมาจากหมู่บ้านชาวประมงแล้ว ยังมีความเป็นส่วนตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยความที่ห่างไกลจากโซนที่วุ่นวายของพัทยา แถมอาหารทะเลสดๆ ตรงหาดบางเสร่อร่อยมาก! อย่าลืมแวะไปรูฟท็อปบาร์ La Vela ด้วยนะ 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 2,500 บาท

 

เชือว่าคนส่วนใหญ่ต้องเคยไปเที่ยวอัมพวาซักครั้งแหละ ไม่ว่าจะจัดเป็นทริปหนึ่งวัน หรือจะพักซักหนึ่งคืน เราอยากแนะนำโรงแรมแห่งนี้เพราะว่าเป็นรีสอร์ทน่ารักๆ อีกแห่งที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะวิลล่าทั้ง 20 ห้องนั้นถูกตกแต่งโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีอีก 3 ห้องเรือนไทยร่วมสมัย ห่างจากตลาดน้ำอัมพวาเพียง 10 นาที ว่ากันว่าสามารถชมหิ่งห้อยตอนกลางคืนที่ท่าน้ำของรีสอร์ทได้ด้วยนะ! 

 

 

ราคาเริ่มต้น: 990 บาท

 

ราชบุรีเป็นเมืองอาร์ตอีกที่ๆ เราอยากแนะนำให้ไปเที่ยวนะ โดยเฉพาะช่วงนี้ยังมีงานเทศกาล Art Normal 2 (ตั้งแต่วันนี้-24 ก.ค.) ซึ่งเป็นการนำเสนอผลงานศิลปะให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนในเมือง ในปีนี้มีถึง 17 แห่งด้วยกัน ส่วนรีสอร์ท ณ เวลา นั้นมีลักษณะเป็นโรงแรมบูติกสไตล์โมเดิร์น แต่ผสมความวินเทนอยู่หน่อยๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ด้านใน มีการแสดงดนตรีโฟล์กบริเวณพูลบาร์ทุกคืนวันพุธและศุกร์ด้วยนะ เพิ่งเปิดบริการเมื่อต้นปีนี้เอง จะไปใช้เป็นสถานที่จัด outing ก็ไม่เลวเลย 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 3,500 บาท 

 

สวนผึ้งเป็นอำเภอที่ขึ้นชื่อเรื่องธีมรีสอร์ท ไม่ว่าจะเป็นทัสคานี นิวซีแลนด์ เวนิส ว่ามาเลย ส่วนตัวแล้วเราชอบโรงแรมอัศจารา รีสอร์ทที่ดีไซน์น่าประทับใจกว่าที่อื่น อาจจะห่างออกมาจากสวนผึ้งนิดหน่อย แต่เป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบมาก โดยห้องพักจะแบ่งเป็นประเภทวิลล่าสองชั้นที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์ไทยและบาหลีเข้าด้วยกัน และประเภทเรือนไทย ล้อมรอบไปด้วยลำธารและสามารถเห็นวิวของภูเขาบริเวณชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเราประทับใจในการออกแบบของเรือนไทยบริเวณล็อบบี้มาก นอกจากนี้ราคานวดแผนโบราณ และค็อกเทลของที่นี่ยังราคาเป็นกันเองอีกด้วย 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: ประมาณ 7,750บาท 

 

หัวหินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไปเที่ยวได้ตลอดปี อีกทั้งยังมีร้านอาหาร คอมมิวนิตี้มอลล์ และคาเฟ่ใหม่ๆ ที่น่าไปลองมากๆ อย่างที่เราได้เล่าไป โรงแรมบูติกแห่งนี้มีลักษณะที่แตกต่างออกไปด้วยการออกแบบสไตล์ไทยวินเทจลักชัวรี พร้อมกับวิวทะเลสุดส่วนตัว เป็นอีกทางเลือกที่แตกต่างจากที่พักสไตล์โฮสเทล และโรงแรมโมเดิร์นทั้งหลายนะ จองล่วงหน้ามีโปรโมชั่นลด 25% ด้วยนะ

 

 

 

เรียกว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมบูติกยอดนิยมในหัวหินก็ว่าได้ จุดเด่นอยู่ตรงบริเวณ lagoon pool ซึ่งมีความยาวหนึง 120 เมตร ผ่านห้องพักทั้งหมด 40 ห้อง แต่ละห้องจะส่วนตัวสุดๆ เพราะมีการออกแบบมาไม่ให้มีสองห้องไหนมีผนังติดกันเลย นอกจากนี้ยังมีห้อง Moon Deck Duplex Suite ที่มากับรูฟท็อปส่วนตัวสำหรับอาบแดด หรือจะนั่งดูดาวก็ได้ นอกจากนี้ห้องอาหารของที่นี่ก็ขึ้นชื่อเหมือนกันนะ มีทั้งอาหารไทยรสชาติดี และอาหารนานาชาติถูกปากที่เราคุ้นเคย  

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 3,500 บาท

 

ถ้าพูดถึงหาดส่วนตัวใกล้กรุงเทพฯ อีกแห่งที่น่าไปคือปราณบุรี ซึ่งนอกจากจะมีเลนปั่นจักรยานริมทะเลแล้ว ยังมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าบริเวณหัวหินมาก มีถนนคนเดินโบราณเมืองปราณที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์อีกด้วย จริงๆ หนึ่งในรีสอร์ทลักชัวรีบนหาดปากน้ำปราณคือโรงแรม Aleenta ประกอบไปด้วย 23 ห้องพัก ส่วนใหญ่แล้วจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ขอบอกว่าวิวพระอาทิตย์ตกของที่นี่สวยงามมาก เลยเป็นอีกแห่งที่เหมาะไปฮันนีมูน ตอนนี้มีบริการซันเดย์บรันช์ริมหาดตั้งแต่ 11:30-16:40น. เลยด้วยนะ  

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 5,500 บาท 

 

X2 เป็นเครือโรงแรมดีไซน์ที่เราชอบ X2 กุยบุรีอาจจะห่างไกลจากตัวเมืองซักหน่อย แต่มีหาดสุดส่วนตัวอยู่สำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวาย รวมทั้งห้องวิลล่าทั้ง 26 ห้องที่ออกแบบโดยคุณดวงฤทธิ์ บุนนาค ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ผนังหินเพื่อเพิ่มความอบอุ่นโดยธรรมชาติ และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ในพูลวิลล่า ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เอง 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 12,900 บาท (แพ็คเก็จโปรโมชั่นพิเศษทางเว็บไซต์) 

 

ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำปราณเหมือนกับ Aleenta เลยคือ Villa Maroc ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่อยากไปพักรีสอร์ทสไตล์โมรอคโค มีทั้งห้องประเภทพูลคอร์ทสวีท และพูลวิลล่า ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงแรมสไตล์อาหรับที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าราคาสูงไปหน่อยเราแนะนำให้ไปนั่งที่บาร์พร้อมจิบค็อกเทลริมหาดก่อนพระอาทิตย์ตก ขอบอกว่าชิวสุดๆ   

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 120,000 บาท (แพ็คเก็จพิเศษสำหรับ 3 วัน 2 คืน รวมอาหารเช้าสำหรับ 14 ท่าน)  

 

เห็นราคาแล้วอย่าเพิ่งช็อคไปนะ เพราะ Sunsky Villa Huahin มีลักษณะเป็นเหมือน home away from home วิลล่าแต่ละห้องขนาดใหญ่ถึง 1 ไร่ และประกอบไปด้วย 5 ห้องนอน มีทั้งบริเวณห้องนั่งเล่น และสระว่ายน้ำ infinity pool สุดส่วนตัว มีบริการบัทเลอร์ส่วนตัวและมินิบาร์รีฟิลด้วยนะ เหมาะพาเพื่อนแกงค์ใหญ่ๆ ไปเที่ยวแบบ exclusive สุดๆ  

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 8,300 บาท 

 

Cape Nidhra เป็นหนึ่งในโรงแรมเครือ Cape & Kantary Hotels ที่เราชื่นชอบ ด้วยความเป็นโรงแรมบูติกในหัวหินที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรู จึงทำให้เป็นส่วนหนึ่งของ Small Luxury Hotels of the World แต่ละห้องจะเป็นสวีททั้งหมด ตั้งแต่ sky pool suite ขนาด 80 ตารางเมตรพร้อมสระส่วนตัว จนไปถึง Nidhrarom Suite ขนาด 300 ตารางเมตร อีกทั้งยังใกล้กับสถานีรถไฟหัวหิน และตลาดกลางคืนด้วยนะ เป็นอีกที่ๆ เราอยากเก็บตังค์ไปพักซักครั้ง แค่เห็นวิวสระว่ายน้ำก็ละลายแล้ว 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: ประมาณ 4,000 บาท

 

ขอแถมที่พักในเครือศาลาอีกที่ เพราะเห็นภาพศาลาเขาใหญ่ทีไรแล้วอยากรีบขับรถหนีไปเที่ยวเขาใหญ่ทุกที (ไว้เราจะมาอัพเดตร้านใหม่ๆ เร็วๆนี้นะ) นี่คือโรงแรมบูติกแห่งแรกในเครือ ซึ่งประกอบไปด้วยห้องพักและพูลวิลล่าทั้งหมด 7 ห้องเท่านั้น นอกจากนี้ห้องอาหาร และบาร์ของที่นี่ยังได้ทิวทัศน์พาโนรามาจากเนินเขาแบบ 360 องศา เหมาะไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่เขาใหญ่อย่างแรง เอ้อ! สระว่ายน้ำ infinity pool ของที่นี่ก็สวยฟินสุดๆ จึงไม่แปลกใจที่ยังเป็นอีกโรงแรมยอดนิยมในเขาใหญ่จนถึงทุกวันนี้ 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 8,000 (รวมอาหาร 3 มื้อ)  

 

ส่วนถ้าอยากไปพักแบบธรรมชาติสุดๆ เราอยากแนะนำโรงแรมแห่งใหม่ เพิ่งเปิดบริการเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง เป็นดีไซน์รีสอร์ทที่สร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นเหมืองหินอ่อนในอดีต มีห้องสองประเภท: ชมหินผา และพิงหินผา ซึ่งทั้งสองห้องมีจุดเด่นอยู่ตรงที่หน้าต่างบานใหญ่ และผนังที่สร้างจากหินอ่อน แถมได้ทัศนียภาพของหุบเขาที่เงียบสงบ สวยงามมาก แพ็คเก็จต้องพักที่นี่รวมอาหารสามมื้อนะ แปลว่าเราไม่ต้องขับรถออกไปที่ไหนไกลเลย แต่ถ้าอยากหาที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ สามารถเดินทางไปชมงานศิลปะที่เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียมได้ ห่างจากที่พักเพียง 5 นาทีเท่านั้น  

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 3,000 บาท

 

อาจจะไม่ได้สไตล์ห้องพักลักชัวรี แต่เราชอบ Birders' Lodge ด้วยดีไซน์ของกระท่อมสไตล์โมเดิร์นทั้ง 5 หลัง ไซส์กระทัดรัดไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านโฮมสเตย์มากกว่า มีบริการจักรยานให้ปั่นเล่นในพื้นที่ได้ และมีบริการบาร์บิคิวส่วนตัวช่วงเย็นด้วยนะ แต่ถ้าเกิดว่าจัดเป็นทริปหนึ่งวันก็ยังสามารถไปใช้บริการคาเฟ่ของที่นี่ได้ บรรยากาศดีไม่แพ้กันเลย 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 6,699 บาท 

 

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาโรงแรม X2 River Kwai เพิ่งเปิดบริการห้องพักใหม่สไตล์ Floating Cabin ขนาด 65 ตารางเมตรถึง 6 ห้อง ตั้งอยู่ที่แม่น้ำแควน้อย แต่แตกต่างจากโรงแรมแพริมน้ำทั้งหลายด้วยดีไซน์สไตล์อินดัสเตรียลชิค ได้วิวธรรมชาติอันเงียบสงบของจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเต็มที่ แถมบริเวณ Moon Deck ชั้นบนนั้นเหมาะกับนนอนดูดาวในตอนกลางคืนมากๆ ส่วนห้องพักที่เป็นสไตล์ตู้คอนเทนเนอร์ก็เก๋ไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมี inifinity pool ริมแม่น้ำ และบริการห้องสมุดเล็กๆ อีกด้วย การันตีความเป็นส่วนตัว เพราะทั้งรีสอร์ทมีเพียง 14 ห้องเท่านั้น! ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ชั่วโฒงเท่านั้น แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์นั่งรถไฟไปกาญจนบุรีก็สามารถจติดต่อรถจากโรงแรมได้นะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจากสถานีธนบุรี

 

ราคาเริ่มต้นที่: 5,500 บาท 

 

โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำแควน้อย ให้ความรู้สึกผจญภัยมากเพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณช่องเขาขาด (ช่องไฟนรก) ลักษณะเป็นแคมป์รีสอร์ทซ่อนอยู่ในป่าไม้ในจังหวัดกาญจนบุรี ช่วงนี้มีโปรโมชั่น 25% ด้วยนะเมื่อจองห้องพักโดยตรง เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่รักธรรมชาติ 

 

 

ราคาเริ่มต้นที่: 6,300 บาท (รวมอาหารเช้าและเย็น) 

 

ถ้าใครที่กำลังมองหาประสบการณ์พักผ่อนริมน้ำแบบสงบๆ แต่ไม่อยากเดินทางไปไกลถึงเชี่ยวหลาน เราแนะนำให้ลองไปพักที่ Floathouse Riverkwai เพราะมีลักษณะเป็นวิลล่าบูติกลอยน้ำที่มีการออกแบบสไตล์ไทยด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่ละห้องมีบริเวณระเบียงส่วนตัวจึงสามารถเห็นวิวแม่น้ำได้จากเตียงเลย ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาและป่าไม้เขียวขจี นอกจากนี้ยังมีบริการเครื่องปรับอากาศ และฝักบัวแบบ rain shower ด้วยนะ แต่จะต้องนั่งเรือจากท่าเรือรีโซเทลไปเท่านั้นเพื่อที่จะเดินทางไปถึงที่พักได้นะ มีบริการออกเรือทุกชั่วโมงจนถึง 18:00น. ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชั่วโมง