เทศกาลศิลปะกลางเมืองที่จะมาปลุกกรุงเทพฯ ให้สว่างไสวด้วยศิลปะ งานนี้คนรักศิลปะจะได้ไปชื่นชมและถ่ายรูปกับ 10 โคมยักษ์ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยผลงานของ 10 นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่อย่าง The Fairy Dust Spell, Banana Blah Blah, Give Me Museums, Tuna Dunn, Fahfahs, The 3rd Daughter, Linghokkalom, Lili Tae, Wawawawin และ Jung Senarak 

 

และนอกจากจะได้ไปชมงานศิลปะที่ถูกถ่ายทอดลงบนโคมยักษ์แล้ว งานนี้ยังมีกิจกรรมให้เหล่าอาร์ตเลิฟเวอร์ได้ไปชุบตัวในบรรยากาศของศิลปะกันแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการชอปไอเทมอาร์ต ๆ ใน Art Market ช่วงสุดสัปดาห์ ปิกนิกฟังดนตรีชิลล์ ๆ จากดนตรีเปิดหมวกและมินิคอนเสิร์ตศิลปินดังในบรรยากาศสวนสีเขียว รวมไปถึงการตามล่าไอเทมของที่ระลึกจากงานนี้ที่เป็นเสื้อยืดแบรนด์ห่านคู่สกรีน 10 ผลงาน โดย 10 ศิลปินในเทศกาล

 

---

 

 

นิทรรศการที่จัดแสดงผลงานของ เทรย์ เฮิร์สต์ ศิลปินอเมริกันที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ที่ใช้รูปทรงที่คล้ายกับการเคลื่อนไหวของพลังงานลึกลับเหนือธรรมชาติและลวดลายอันลื่นไหล เพื่อสื่อถึงความทรงจำอันบิดเบือนที่เขามีต่อบ้านเกิดที่ทางตอนใต้ของรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ภายใต้ธีมกว้าง ๆ อย่างการจดจำ ศิลปินได้เข้าไปสำรวจการที่คนเราตีตัวออกจากสถานที่ที่เรียกว่าบ้านมาโดยตลอด และหนทางที่คนเราจำกัดเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนั้นผ่านทางงานจิตรกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการออกแบบรูปทรงทางสถาปัตยกรรม ศิลปินยังตั้งคำถามว่า เราจะสามารถพรรณนาถึงอดีตโดยใช้ภาษาอันหลากหลายของปัจจุบันได้หรือไม่?

 

---

 

 

ละครเวทีจากคณะละคร For What Theatre ที่เล่าเรื่องราวช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย…

 

ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทย คณะราษฎรทําการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง

 

กันยายน หลายปีต่อมา กลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งนัดพบกันในเดือนกันยา เพื่อฉลองวันเกิดให้กับคุณพัดลมเก่า ใครบางคนหายไป 

 

กันยายน หลายปีต่อมา ใครบางคนคล้าย ๆ คนที่หายไปกลับมา

 

กันยายน 2563 ประเทศไทย คณะราษฎร 2563 เรียกร้องการปฎิรูปและมีการประท้วงที่สนามหลวง

 

กันยายน อีกหลายปีต่อมา เพื่อนกลุ่มเดิมยังคงเจอกันในเดือนกันยา เพื่อฉลองวันเกิดคุณพัดลมตัวเก่า…

 

---

 

 

นิทรรศการที่จัดแสดงชุดภาพวาดบุคคลของของ โอ๊ต มณเฑียร ศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการศิลปินในพำนัก (Artist in Residence) ของ Tom of Finland Foundation โดยผลงานในนิทรรศการนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว The Sailor คอลเลกชันเสื้อผ้ากลิ่นอายเนวี่จากแบรนด์แฟชั่นสุดชิค Leisure Projects ที่ได้ร่วมกับ Tom of Finland Foundation ดึงแรงบันดาลใจจากผลงานของศิลปิน LGBTQ+ ยุคบุกเบิกอย่าง ทอม ฟินแลนด์ มาไว้ในคอลฯ นี้

 

---

 

 

นิทรรศการเดี่ยวของ ธนา โพธิ์ทอง ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสการเดินทางของชีวิต และค้นหาความหมายของการเติบโตแต่ละช่วงวัย ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายทั้งความสุข ความเศร้า เปลี่ยวเหงา สนุกสนาน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ทั้งในชีวิตจริงและในโลกแห่งจินตนาการ โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวละครเสือ ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ ความสง่างาม และความแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายใน

‍

ศิลปินได้บอกเล่าเรื่องราวของ 3 ช่วงเวลาสำคัญของมนุษย์ทุกคน ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ โดยช่วงวัยเด็กนั้นคือช่วงเวลาแห่งความฝันและจินตนาการที่บริสุทธิ์สวยงาม ช่วงวัยรุ่นคือช่วงเวลาที่ขับเคลื่อนด้วยพลังความกล้าหาญอันไร้ซึ่งความกลัว เพื่อไล่ตามความฝัน ความสำเร็จ และความปรารถนาอันยากที่จะคาดเดา สุดท้ายคือช่วงวัยผู้ใหญ่ที่มีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่ต้องแบกรับกับความกดดันจากสังคม ความรับผิดชอบในชีวิต และอารมณ์ที่ซับซ้อน

‍

นิทรรศการในครั้งนี้สะท้อนความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคลออกมาให้เห็นผ่าน 'เสือ' ที่ศิลปินเชื่อว่ามีอยู่ในตัวของทุกคน เพียงแต่เราอาจจะไม่รู้หรือยังไม่เคยทำความรู้จัก มาพบกับเสือที่อยู่ในตัวคุณเองได้แล้วที่นิทรรศการนี้ แล้วคุณจะได้หลงรักกับ 'เสือที่มากกว่าเสือ' ที่กำลังหลับใหลอยู่ในคุณ

 

---

 

 

นิทรรศการที่เป็นบอกเล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นที่จะลดระยะห่างของคำว่า 'เราและเขา' ให้ใกล้กันมากยิ่งขึ้น ผ่านการนำเสนอประเด็นปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กลุ่มชาติพันธุ์ได้พบ รวมถึงสร้างความเข้าใจในเรื่องราวของวัฒนธรรมเปิดโอกาสในการถ่ายเททางวัฒนธรรม และองค์ความรู้พื้นถิ่น เพื่อสร้างบทสนทนาร่วมกันต่อไป

 

ผลงานการจัดสภาพแวดล้อมและเสียงในนิทรรศการครั้งนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง นักออกแบบเสียง Hear & Found ศิลปินภาพถ่าย ศุภชัย เกศการุณกุล และนักออกแบบประสบการณ์ DuckUnit ที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบนิทรรศการที่สื่อสารผ่านเสียง Visual Performance เลือกสรรองค์ประกอบจาก ผู้คน เครื่องดนตรี จากถิ่นที่อยู่อันเป็นบริบทแวดล้อมของกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลาย อาทิ กลุ่มปกาเกอะญอ กลุ่มไทดำ กลุ่มไทกะเลิง กลุ่มกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มมูเซอ กลุ่มอาข่า กลุ่มอูรักลา โว้ย ฯลฯ เพื่อเป็นการเชื่อมมิติความหลากหลายดังกล่าวให้ผู้เข้าชมงานนิทรรศการได้เกิดความเข้าใจและได้สัมผัสถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย 

 

---

 

 

 

นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกโดย โบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย จิตรกรหญิงรุ่นใหม่ผู้เป็นที่กล่าวขานในวงการศิลปะจากการสร้างโลกเซอร์เรียลอันน่าตื่นเต้นบนผืนผ้าใบ นิทรรศการนี้จะพาผู้ชมโลดแล่นไปสู่จักรวาลแห่งชีวิตของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวการผจญภัย จินตนาการ สีสันสดใส และพลังความคิดสร้างสรรค์อันสดใหม่ซึ่งไร้ขีดจำกัด

 

เนื้อหาในนิทรรศการจะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กหญิงในชุดผ้าคลุมสีแดง ที่เข้าไปผจญภัยในไพ่ทาโร่ต์หลัก (Major Acarna) 22 ใบ โดยการเดินทางของเธอเริ่มต้นจากไพ่ The Fool ซึ่งเป็นไพ่หมายเลข 0 และสิ้นสุดที่ไพ่ The World ซึ่งเป็นไพ่หมายเลข 21 โดยในการผจญภัยครั้งนี้เธอต้องพบกับอุปสรรคนานัปการ ที่ชวนให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยไปกับผจญภัยของเธอ

 

---

 

 

 

อิเวนต์ดนตรีที่เป็นการรวมตัวกันของ 5 วงดนตรีน่าจับตาอย่าง Dara Rasmi, Wednesday, Known/Unknown, Androgenius และ Lipstick On Pig Mate คอดนตรีสายกลั่นและนักลองของที่รักการแสวงหาประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ ๆ ไม่ควรพลาดงานนี้เลยนะ

 

---

 

 

นิทรรศการกลุ่มที่จัดแสดงผลงานของศิลปินที่ตั้งใจนำเสนอบทสนทนาที่คั่นกลางระหว่างผู้ชมและผลงานนามธรรม ที่เป็นดังภาพสะท้อนบุคลิกภาพและความคิดผ่านมุมมองที่แตกต่างกันด้วยวัย ทัศนคติ และประสบการณ์

 

หลายต่อหลายครั้งที่ศิลปะนามธรรมได้ถูกตั้งคำถามถึงความหมาย หรือจุดประสงค์ของศิลปิน แม้ศิลปะนามธรรมจะปักหมุดหมายบนเส้นทางประวัติศาสตร์มายาวนาน ให้กำเนิดเป็นทฤษฎีต่าง ๆ มาอธิบายถึงคุณภาพและสุนทรียภาพ พร้อมพัฒนาการที่แตกแขนงเป็นหลายแนวคิด แนวปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ดี คำกล่าวถึงความงามที่ไม่เรียกร้องความหมาย หรือไม่เรียกร้องความสนใจในข้างต้น ก็ทำให้เกิดคำถามต่อการมีอยู่ของศิลปะนามธรรมที่โลดแล่นอยู่ในกระแสศิลปะร่วมสมัยในปัจจุบันที่มีกลวิธีสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

 

ศิลปะนามธรรมทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์จากการสั่งสมของวิธีคิด ความทรงจำ การทบทวนอย่างรอบคอบหรือแม้กระทั่งการตอบโต้อย่างฉับพลัน การทำงานของศิลปินกับการสร้างสรรค์ศิลปะนามธรรม อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการวางแผนเพื่อให้สภาวะที่ตอบสนองต่อการรับรู้เกิดขึ้นอย่างมีเป้าหมาย แม้บางครั้งความบังเอิญกับความเป็นไปได้นั้น เป็นสิ่งที่แทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ แต่ในช่วงเวลาของศิลปะร่วมสมัย งานศิลปะนามธรรมได้เดินทางมาถึงจุดที่ไม่ใช่เพียงการแสดงออกของทัศนธาตุ แต่ได้กลายเป็นการเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ขึ้นกับเทคนิค กระบวนการ หรือวัสดุอีกต่อไป

 

---

 

 

อิเวนต์เอาใจนักอ่านที่มาพร้อมกิมมิกเก๋ไก๋ โดยเน้นที่การชวนหนอนหนังสือให้หยิบหนังสือที่อ่านจบแล้วไปแลกกันอ่านกับนักอ่านคนอื่น ๆ ในพื้นที่ที่เปิดให้หนอนหนังสือทุกคนได้มาคอนเน็กต์พบปะกับคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันผ่านการแลกหนังสือกันอ่าน พร้อมด้วยกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่มาร์เก็ตหนังสือมือสอง ไปจนถึงเวิร์กชอปงานศิลปะจากกระดาษและหนังสือทำมือ

 

---

 

 

การแสดงเดี่ยวโดย ฟารีดา จิราพันธุ์ ที่เคยฝากความประทับใจมาแล้วใน เทศกาลละครกรุงเทพ 2021 และด้วยกระแสตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้น ฟารีดาจึงนำการแสดงชุดนี้กลับมาอีกครั้ง โดยเพิ่มรายละเอียดและความสนุกมากขึ้นกว่าเดิม นี่คือการแสดงที่จะชวนทุกคนย้อนกลับมามองชีวิตของผู้หญิงภายใต้ฮิญาบ

 

---

 

 

 

นิทรรศการที่เสนอด้วยเทคนิค Interactive Projection Mapping จากผลงานศิลปะของเด็กในชุมชนย่านช้างม่อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นย่านที่กลุ่มศิลปิน TMRCM อาศัยและทำงานอยู่ ซึ่งกลุ่ม TMRCM เองได้รับแรงบันดาลใจด้านเทคนิคจากการเห็นวิธีการจัดแสดงงานจิตรกรรมของจิตรกรระดับโลกอย่าง วินเซนต์ แวนโก๊ะ และ โคลด โมเนต์ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผลงานยุคก่อนเหล่านั้นถูกนำมาปรับขยายกลายเป็นพื้นที่ ๆ ห่อหุ้มผู้ชมเอาไว้ เสมือนเป็นโลกอีกใบให้ผู้ชมได้เข้าไปหลุดเข้าไปอาศัยและสัมผัสเรื่องราว ด้วยแรงบันดาลใจทางเทคนิคนี้จึงเกิดเป็นโลกเสมือนจากผลงานของจิตรกรตัวน้อย พร้อมด้วยเรื่องราวน่ารักสดใส ที่เชิญชวนให้เราเองย้อนไปหาช่วงวันเวลาวัยในความทรงจำ 

 

 

---