เราเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "ถึงโลกจะหมุนไปไวแค่ไหน แต่ยังไงของเก่าก็จะวนกลับมาโชว์ความเก๋าได้อยู่ดี" แต่ของเก่าที่ว่านี้ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุคน มีความโดดเด่นมากพอให้เป็นที่จดจำและควรค่าต่อการเก็บรักษา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั้น เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งสไตล์การแต่งตัว เราขอพาทัวร์งาน From Rags To Display จุดนัดพบของเหล่าคนรักของวินเทจที่อัดแน่นไปด้วยของหายากจากยุค '30s ถึง '90s จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 28-29 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมแล้วตามมาเลย!
From Rags To Display

งานจัดแสดงเสื้อผ้าและของวินเทจหายากที่เกิดจากความตั้งใจของกลุ่มนักสะสมชาวไทยนี้ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2557 ที่ร้านอาหารสไตล์อเมริกัน Buddy Boy's Diner (ตอนนี้ปิดกิจการไปแล้วนะ) ถือว่าเว้นช่วงไปนานพอสมควรสำหรับงานครั้งที่ 2 ในธีม "The Collectors" ที่ ตลาดนัดรถไฟเกษตร-นวมินทร์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ากันว่าไอเทมแต่ละตัวนั้นหายากสุดๆ บางอย่างมีแค่ไม่กี่ชิ้นในโลก ลองบวกลบคูณหารมูลค่าของทั้งหมดก็หลายสิบล้านบาท


Photo by Ekkaphap Chiramaniหลังจากรับริสแบนด์สำหรับเข้างานและผ่านซุ้มตรวจบัตรเป็นที่เรียบร้อย บอกเลยว่าเราถึงกับยืนอึ้งกันอยู่สักพัก เพราะรอบตัวของเราเต็มไปด้วยกลุ่มคนวินเทจที่แต่งตัวมาประชันกันแบบจัดเต็ม! เสื้อผ้ายีนส์บ้าง เสื้อฮาวายบ้าง รองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ และรองเท้าหนังเงาวับ เหมือนหลุดไปอยู่ในยุค '70s เลยแหละ
เราได้เจอกับคนทุกวัยตั้งแต่เด็กมัธยมไปยันคุณปู่คุณตารุ่นใหญ่ในวงการ ที่น่าสนใจกว่านั้นคือผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย หนุ่มๆ ทั้งหลายก็สามารถพิถีพิถันกับการแต่งตัวได้เหมือนกัน เพราะแฟชันและความสวยงามไม่ได้จำกัดว่าต้องคู่กับผู้หญิงอย่างเดียว
พื้นที่ตรงกลางเป็นลานเบียร์บรรยากาศสบายๆ มีโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งยาวให้นั่งสังสรรค์กัน ถึงแม้ในงานจะมีฟู้ดทรักและบูธของกินอยู่ไม่กี่เจ้า แต่พ้นประตูงานไปเพียงไม่กี่ก้าวก็มีร้านอาหารในตลาดรถไฟให้เลือกกินอีกเพียบ หายห่วงเรื่องปากท้องไปได้เลยจ้า
“วินเทจกับแอนทีค (Antique) นี่มันต่างกันนะ วินเทจส่วนมากจะมีอายุประมาณ 50-60 ปี ส่วนแอนทีคนี่เกิน 100 ปีไปเลย”
- พี่เอกภาพ สต๊าฟในงาน

ขอสารภาพว่าเราเข้างานมาแบบนิวบี้สุดๆ และไม่เคยคาดคิดว่าสังคมวินเทจในบ้านเราจะจริงจังถึงขั้นนี้ พี่เอกภาพ สต๊าฟใจดีเลยอาสาพาเราเดินดูคอลเลคชันหายากจากนักสะสมทั้งไทยและเทศ อาทิ ซัน เมธัส เทพนวล ช่างตัดผมจาก Smile Club ซึ่งนำของรักของหวงอย่างเสื้อผ้าเรทโทรสีฉูดฉาดจาก Versace กว่าร้อยชิ้นที่ใช้เวลารวบรวมกว่า 4 ปีมาให้เราได้ชมกัน


นอกจากนี้กลุ่ม Thai Vintage ยังนำเสื้อฮาวายทอมือทั้งตัวและ Salesman Sample หรือยีนส์จิ๋วต้นแบบสำหรับพ่อค้าในยุค 1900s จากอเมริกามาโชว์ในงานนี้เป็นครั้งแรก และSaleem Ghanchi หรือ Saleem G-rags 72 อีกหนึ่งนักสะสมมากประสบการณ์จากปากีสถานก็นำ Souvenir Jacket ที่โดดเด่นเรื่องลายปักมือโดยแม่บ้านญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจัดแสดงเช่นกัน
"สินค้าทุกชิ้นในร้าน BerBerJin เป็นของวินเทจจากอเมริกา ผมเลือกมากับมือตัวเอง"
- Yutaka Fujihara เจ้าของร้าน BerBerJin และผู้เขียน The 501XX – A Collection Of Vintage Jeans หนังสือเจาะลึกเรื่องกางเกงยีนส์ที่สร้างชื่อไปทั่วโลกในวงการวินเทจแฟชัน

เราเคยเข้าใจมาตลอดว่าของวินเทจต้องเป็นของใช้แล้วหรือของมือสองเท่านั้น จนกระทั่งพี่สต๊าฟใจดีคนเดิมแนะนำให้รู้จักกับสินค้า "Dead Stock" หรือสินค้าที่ผลิตในอดีตแต่ดันขายไม่ออก บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจึงต้องเก็บเข้ากรุหลังร้าน พอวันเวลาผ่านไปผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจของเก่ามากขึ้น สินค้าพวกนี้เลยกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังราคาสูงกว่าเดิมเพราะว่ามีคุณภาพครบสมบูรณ์และไม่เคยผ่านการใช้สอยมาก่อนด้วย

ที่ฮือฮาสุดๆ เห็นจะเป็นร้านวินเทจชื่อดัง BerBerJin ที่บินตรงมาจากญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเพื่องานนี้โดยเฉพาะ พร้อมกางเกงยีนส์ Levi’s จากหลายยุคหลายสมัยให้สาวกได้เลือกซื้อกัน ราคาแรงสุดอยู่ที่ตัวละ 640,000 บาท เป็นยีนส์สีขาวที่ตอนนี้เหลือแค่ 2 ตัวในโลกเท่านั้น!


Photo by Ekkaphap Chiramaniร้าน Smiths Vintage Club ก็ขนนาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าและแผ่นเสียงมาให้เสียทรัพย์กันถ้วนหน้า แถมยังยกขบวนรถมอเตอร์ไซค์ Triumph, Harley Davidson และ BMW สุดคลาสสิคมาให้ยลโฉมกันในงานอีกด้วย บอกเลยว่าครบเครื่องของจริง
ส่วนร้านวินเทจแถวหน้าอย่าง Rod’s Antique ของพี่ไพโรจน์ เจ้าของตลาดนัดรถไฟ และ 3 ทหารเสือจากสะพานหัวช้าง Bangklyn, Woodensubmarine และ คุณหมวยการแว่น ก็มาปล่อยของพร้อมกันที่งานนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีร้าน Daddy & Son, Old Head, She Has A Beard และอีกมากมาย เราไม่แปลกใจเลยที่ชาววินเทจทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคงไม่มีงานไหนใหญ่กว่านี้อีกแล้ว
“ผมว่าวงการวินเทจในไทยมันกว้างขึ้นนะ เพราะโลกโซเชียลนำคนที่รักในสิ่งเดียวกันมาหากัน ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าเอย เสื้อผ้าเก่าเอย ของแต่งบ้านเอย ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้น ผมว่าคนไทยนี่แหละเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในเอเชียเลย”
-พี่ไพโรจน์ เจ้าของตลาดนัดรถไฟและร้าน Rod's Antique

เรายังค้นพบอีกว่า พี่โรจน์ หนุ่มร่างใหญ่ใจดีเจ้าของตลาดนัดรถไฟก็คลั่งไคล้ของเก่ามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น อย่างรถโบราณที่เราเห็นกันในตลาดนัดรถไฟทุกสาขาต่างก็เป็นของสะสมส่วนตัวทั้งนั้น สำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจสะสมของเก่า พี่โรจน์ได้ฝากคำแนะนำดีๆ ไว้ว่า "ถ้าเราชอบของวินเทจจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องมีเยอะก็ได้ เริ่มเก็บจากสิ่งที่เราชอบและมีกำลังซื้อไหว ศึกษาไปเรื่อยๆ พอโตขึ้นและมีรายได้ก็ยังไม่สายที่จะสะสม"

ใครพลาดงานครั้งนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเราแอบได้ยินมาว่ากระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจมาก และอาจจะมีอีเวนต์ดีๆ ให้สาวกวินเทจได้มารวมตัวกันอีกในอนาคต รอติดตามที่แฟนเพจ From Rags To Display เลย ระหว่างนี้ก็ตามไปเดินเล่นที่ตลาดนัดรถไฟไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน