ไม่บอกก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้เหล่า Sheeple หรือ iSheep (สาวก Apple) ทุกคนคงตื่นมาใต้ตาเป็นหมีแพนด้ากันถ้วนหน้า เพราะหลังจากที่คาดคะเนและเดาสุ่มกันมาร่วมปี ในที่สุดเมื่อคืนนี้ทาง Apple ก็ได้ประกาศเปิดตัวทุกรุ่นในซีรีส์ iPhone 14 ไล่มาตั้งแต่ iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในงาน Apple Event แถมมาด้วยข้อมูลเบื้องลึกที่ทำเอาเหล่า Sheeple หลายคนอ้าปากค้าง
เราเองในฐานะหนึ่งคนที่รอคอยการมาถึงของ iPhone 14 อย่างใจจดใจจ่อ (เชื่อว่าชาวซอยมิลค์หลายคนก็รอเหมือนเรา!) ก็เซอร์ไพรส์กับการเปิดตัวในครั้งนี้มาก ๆ เพราะมีทั้งสิ่งที่เราคาดไว้ว่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว และสิ่งที่คาดไม่ถึงสุด ๆ จนต้องขอเอาจดรวมไว้ตรงนี้เลยทีเดียว เผื่อใครกำลังเล็งจะซื้อซีรีส์ใหม่นี้อยู่ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยคาดเดาล่วงหน้าเหมือนเรา!
สีม่วงคือเฉดใหม่
เรื่องสีของตัวบอดี้เป็นหนึ่งในเรื่องน่าลุ้นที่สุดในทุกปีสำหรับชาว iSheep อยู่แล้ว แต่ที่หลายคนเดาไม่ถูกแน่ ๆ คือรอบปีนี้เขาเลือกใช้เฉดสี 'ม่วงเข้ม' (Deep Purple) เป็นเฉดสีใหม่ที่จะมีเฉพาะในตระกูล iPhone 14 Pro เท่านั้น โดยจะมาแทนที่สี Sierra Blue อันโด่งดังของ iPhone 13 Pro ไปโดยปริยาย เรียกว่าใครถือสีม่วงเข้มตอนนี้ ก็ให้รู้ไว้เลยนะคะว่าใช้รุ่นใหม่ล่าสุด!
ใช้งาน SOS ผ่านดาวเทียมได้แล้ว
หลังจากมีข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าฝั่ง Andriod กำลังจะมีการพัฒนาระบบให้สามารถเชื่อมต่อมือถือเข้ากับสัญญาณดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ลอยอยู่รอบโลกได้ เพื่อป้องกันปัญหาการใช้งานในพื้นที่เข้าถึงยากและขาดสัญญาณภาคพื้น ทำให้หลาย ๆ คนสามารถเดาทางได้เลยว่าฝั่ง iOS ของ Apple ก็จะต้องไม่น้อยหน้าเหมือนกัน และหวยก็ออกตรง ๆ 3 ตัวรวด เพราะนอกจากข้อมูลล่าสุดที่เปิดตัวมาว่า iPhone ในตระกูล 14 ทุกตัวจะสามารถขอความช่วยเหลือผ่านสัญญาณดาวเทียมได้แล้ว เรายังเดาถูกอีกด้วยว่า ในเมืองไทยยังไม่สามารถใช้งานความสามารถนี้ได้เช่นเคย 555 (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)
กล้องทรงพลังกว่าเดิม
อันนี้ทุกคนน่าจะเดาทางออกกันอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกตัวซีรีส์เลขใหม่ ก็จะโฆษณาความทรงพลังของกล้องที่ดีที่สุด ดีขึ้นทุกปี ดีจนอีก 10 ปี คงถ่ายติดดาวอังคารแล้วแหละมั้ง ซึ่งก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนไม่เข้าใจว่าที่มันดีและทรงพลังขึ้น มันจะดีกว่าเดิมแค่ไหนกันนะ? โดยคำตอบที่ได้จากงานเปิดตัวเมื่อคืน สรุปได้ว่ากล้องรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max นั้น ที่ว่ากันว่าสามารถทำให้คนธรรมดากลายเป็นตากล้องมือโปรระดับโลกกันได้เลยทีเดียว ด้วยกล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (จากเดิม 12 ล้านพิกเซลใน iPhone 13) แถมยังถ่ายภาพเป็นไฟล์ ProRaw ได้เลยด้วย
ส่วนตัวกล้องหน้าเองก็อัปเกรดไปเป็นกล้อง TrueDepth ซึ่งเป็นครั้งแรกของกล้องหน้าไอโฟนที่สามารถออโต้โฟกัสได้เอง ทำให้การเซลฟี่ในสภาพแสงน้อยและเซลฟี่รูปหมู่ง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายสเตป!
หน้าจอ Always On ครั้งแรกบน iPhone
นอกจากเรื่องของบอดี้และความสามารถของอุปกรณ์แล้ว สิ่งที่พ่วงมากับการเปิดตัวซีรีส์ iPhone 14 คือระบบปฏิบัติการ iOS 16 ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ Always On ทำหน้าที่คล้ายหน้าจอในช่วง Lock Screen แต่จะลดค่าความสว่างหน้าจอลงมาต่ำสุดโดยอัตโนมัติ และจะปรากฏ Notification ขึ้นมาประมาณ 10 วินาที เพื่อลดปัญหาการ Burn-in ของหน้าจอนั่นเอง
Dynamic Island บน iPhone 14 Pro
อันนี้เป็นอันที่ฉีกแนวทางการเดาของเรามาก ๆ เพราะหลังจากมีการแซวมาตลอดถึงการมีอยู่ของติ่งดำ ๆ ตรงแถบกล้องหน้าของ iPhone 13 Pro สิ่งที่เกิดขึ้นใน iPhone 14 Pro ในช่วงยุคของ ทิม คุก คือการเลือกแก้ปัญหาโดยไม่กำจัดติ่งดำ ๆ นี้ทิ้ง แต่แทนที่ด้วยงานดีไซน์อินเทอร์เฟซที่ล้อไปกับเจ้าติ่งสีดำที่ว่านี้ โดยใช้ชื่อเรียกสิ่งนี้ว่า Dynamic Island ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่าง เช่นการบอกสถานะการใช้งานร่วมกับ Airpods หรือขยายออกมาเป็นหน้าจอของ Siri ก็ได้ โดยจะมีไอคอนเป็นงานกราฟิกเท่ ๆ ตามสไตล์ Apple เขาล่ะ
ในที่สุดประเทศไทยก็อยู่ Tier 1 กับชาวโลกเขาซะที
ที่กรี๊ดและเหนือความคาดหมายมาก คือการขยับขึ้นมาเป็นประเทศโลก Tier 1 ในจักรวาล Apple ที่สามารถจับจองและซื้อสมาร์ตโฟนในตระกูล iPhone 14 ได้พร้อมประเทศใน Tier 1 ด้วยกันอย่าง อเมริกา, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อิตาลี, จีน, ออสเตรเลีย และแคนาดา เป็นต้น โดย iPhone 14 และ 14 Plus จะเริ่มให้สั่งซื้อล่วงหน้ากันได้เลยพรุ่งนี้ (9 ก.ย. 2022) และวางขายหน้าร้านในวันที่ 16 ก.ย. 2022 ส่วน iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ที่ราคาอยู่ที่ประมาณ 41,900 - 66,900 บาท จะเริ่มวางจำหน่ายช่วงวันที่ 16 ก.ย. เช่นกัน ถือว่านี่เป็นข่าวดีที่คาดไม่ถึงของสาวก iSheep อย่างเราแท้ ๆ
เลิกขาย iPhone 13 Pro
สุดท้ายคือการประกาศเลิกขายรุ่นท็อปก่อนหน้าอย่าง iPhone 13 Pro ตามสไตล์ Apple ที่พอจะจับทางได้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้เหล่า iSheep ที่กำลังจะเปลี่ยนมือถือ ตัดสินใจซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดได้ง่ายขึ้น ส่วน iPhone 13 ธรรมดา ก็ยังมีวางขายอยู่เหมือนเดิม! ใครที่กำลังตัดสินใจ เราแนะนำให้สอยรุ่นท็อป iPhone 14 Pro Max ไปเลยทีเดียว เพราะมันเจ็บแต่จบ!
