เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับขนมกรุบกรอบอย่างข้าวเกรียบเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีเวอร์ชันล้ำกว่านั้น! วันนี้เราอยากพาไปรู้จักขนมที่คล้ายข้าวเกรียบที่ต่างจากที่เราคุ้นเคยกัน แถมยังมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “กรือโป๊ะ” อาหารที่เป็นอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นนราธิวาส ที่แบรนด์ Befish ได้นำมาสร้างสรรค์ให้ทานได้ง่าย และได้โครงการไทยเด็ด ที่ดำเนินการโดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้ามาช่วยกระจายสินค้ากรือโป๊ะแบรนด์ Befish ที่ร้านไทยเด็ดใน PTT Station ให้ผู้คนได้เอ็นจอยความอร่อยได้ทั่วไทยแล้วตอนนี้ เพราะปกติหากินได้ยากไม่ใช่เล่น ๆ
กรือโป๊ะเป็นอาหารทานเล่นที่ทำจากปลาทะเลสด ผลิตโดยการบดปลาทั้งตัวไม่ทิ้งก้าง เป็นที่นิยมในบริเวณภาคใต้ของไทยยาวไปถึงแหลมมลายูและในประเทศใกล้เคียง ถือกำเนิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นในการรักษาความสดของปลาไว้ เพราะในช่วงมรสุมที่ชาวบ้านออกเรือไปหาปลาไม่ได้ ก็จะหยิบกรือโป๊ะขึ้นมากิน ซึ่งปกติจะถูกจัดเก็บในรูปแบบแท่งคล้าย ๆ หมูยอ ก่อนที่จะนำมาหั่นบางและทอดเพื่อการบริโภค มักกินคู่น้ำจิ้มสูตรสำหรับกรือโป๊ะโดยเฉพาะ ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีสูตรทำกรือโป๊ะที่ต่างกันออกไป โดยในนราธิวาสจะโดดเด่นด้วยสัมผัสบางกรอบ เนื่องจากหั่นบางแล้วนำไปทอดเลย ต่างจากที่อื่นที่จะออกบางฟูเพราะมีการนำไปตากให้แห้งก่อน “กรือโป๊ะนรา” จึงมีเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใคร
สำหรับแบรนด์ Befish นั้นก่อตั้งโดยคนนราธิวาสแท้ ๆ ในปี พ.ศ. 2549 จากความต้องการให้คนทั่วไทยได้ลิ้มรสของอร่อยประจำท้องถิ่นให้ได้อย่างทั่วถึง จึงตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจอยู่เสมอจนถึงทุกวันนี้ มุ่งรักษาภูมิปัญญาดั้งเดิมไปพร้อมกับการสร้างสรรค์รสต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น
“คนส่วนใหญ่ชอบกรือโป๊ะของ Befish ที่กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์ ความยากของการทำกรือโป๊ะก็คือ ถ้าปลาไม่สดก็จะทำไม่ได้เลย ซึ่งกลิ่นปลาของกรือโป๊ะ Befish จะไม่คาวเลย ออกหอมกลิ่นทะเลชัด คนเลยติดใจกัน นอกจากนี้ เรายังใช้วิธีปรุงรสจากเครื่องปรุงอาหารจริง ๆ ไม่ใช่ผงปรุงรสสำเร็จรูป อย่างรสต้มยำ เราก็ใช้เครื่องต้มยำมาทำเป็นสูตรปรุงรสของเราเอง รสไข่เค็มก็ใช้ไข่เค็มแท้ ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำจิ้มของกรือโป๊ะ เราก็นำไปคดให้เป็นเครื่องปรุงรสแบบแห้ง เพื่อให้ทุกคนได้กินรสชาติดั้งเดิมอย่างสะดวก ตอนนี้ Befish ก็มี 6 รสแล้ว คือ รสดั้งเดิมที่จะได้กลิ่นหอมทะเลเต็ม ๆ รสสไปซี่ที่มีน้ำจิ้มผสมอยู่ รสไข่เค็ม รสต้มยำ รสสาหร่าย และรสสไปซี่หม่าล่า” คุณอุษา หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Befish เล่าถึงเสียงตอบรับจากลูกค้า
แต่แน่นอนว่า ด้วยทีมขนาดเล็กที่ตั้งใจปรุงขนมประจำถิ่นด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ การผลิต การจัดเก็บ และการขนส่งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องพบกับข้อจำกัดมากมาย การเติบโตในช่วงแรกจึงเป็นไปอย่างช้า ๆ มีวางจำหน่ายแค่ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง หลังจากเริ่มได้รับการสนับสนุนด้านบรรจุภัณฑ์จากหน่วยงานรัฐราวสิบกว่าปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์ของ Befish จึงเริ่มส่งออกไปยังจังหวัดที่ไกลขึ้น ซึ่งเสียงตอบรับก็เป็นไปด้วยดี และเริ่มมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเมื่อได้เข้าร่วมโครงการไทยเด็ดในปีนี้ เพราะได้รับทั้งการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ และการให้คำแนะนำด้านธุรกิจด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ จึงช่วยให้ Befish มีซัปพอร์ตในการรักษาคุณภาพและความตั้งใจไว้ได้พร้อม ๆ กับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ โดยทีม Befish ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการไทยเด็ดผ่านเพจเฟสบุ๊ก OR Official ด้วยตนเองหลังจากได้รับคำแนะนำจากหลายคนที่ทำธุรกิจคล้ายกัน เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้เติบโตยิ่งขึ้น และแม้จะเป็นเวลาไม่กี่เดือนที่ได้เข้าร่วมโครงการไทยเด็ด Befish ก็ได้เห็นยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนจากการที่ได้วางสินค้าทั่วทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งการเติบโตนี้ทำให้ทีม Befish ได้ปรับปรุงระบบภายในให้พร้อมกับการเติบโตในอนาคตอีกด้วย นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของทีมเล็ก ๆ ที่มีความตั้งใจยิ่งใหญ่
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มีแนวทางดำเนินธุรกิจที่เน้นความยั่งยืนที่เรียกว่า OR SDG ซึ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กให้เติบโต (S-Small) และด้วยเป้าหมายนี้ จึงเกิดเป็นโครงการไทยเด็ด เพื่อสนับสนุนคนตัวเล็กในทุกพื้นที่ ผ่านการส่งเสริมองค์ความรู้ให้วิสาหกิจชุมชนยกระดับสินค้าให้ผลิตได้อย่างมีมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายของผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ที่ร้านไทยเด็ดใน PTT Station ทั่วไทย เพราะการกระจายสินค้าเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้ประกอบการรายเล็กมักพบเจอ การสนับสนุนนี้ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโตได้อย่างมั่นคงขึ้น ส่งผลให้เกิดการเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่ต่าง ๆ โดยในปีนี้ โครงการไทยเด็ด ได้สร้างรายได้ให้กับหลากหลายชุมชนแล้วกว่า 130 ล้านบาท และมีแผนที่จะสร้างรายได้ให้ถึง 150 ล้านบาท และหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ก็คือ Befish นั่นเอง
สำหรับใครที่อยากลิ้มลองกรือโป๊ะนราแท้ ๆ ของ Befish ก็สามารถซื้อที่ร้านไทยเด็ดใน PTT Station ซึ่งในปัจจุบันมีถึง 300 กว่าสาขาทั่วประเทศ ไม่ว่าจะไปเยือนจังหวัดไหน ก็แวะซื้อสินค้าไทยเด็ดได้เลยทุกที่ รับรองว่าได้เจอของดีจากแต่ละจังหวัดเพียบ!
#OR
#โออาร์
#โครงการไทยเด็ด