Skip to main content
AdSense

Supanniga x Roots บ้านหลังที่สามของร้านอาหารไทยที่เรารัก

บ้านใหม่ในเมืองเก่าอันทรงเสน่ห์

Supanniga x Roots บ้านหลังที่สามของร้านอาหารไทยที่เรารัก
July 11, 2017 Bangkok time
ถ้าใครชอบทานอาหารไทยเป็นชีวิตจิตใจ เราเชื่อว่าต้องเคยแวะไปเยี่ยมเยือน Supanniga Eating Room หรือ ห้องอาหารสุพรรณิการ์ กันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ร้านอาหารไทยร่วมสมัยอันเลื่องชื่อทั้งในหมู่ชาวไทยและต่างชาติกับสูตรต้นตำรับคุณยายจากจังหวัดตราดและขอนแก่นที่ใครได้ลองก็ต้องติดใจ
 
 
ต้องเท้าความไปถึง Supanniga Home จังหวัดขอนแก่นนู่นเลยที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง เพราะคุณเอ้-ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์ ตั้งใจจะสืบทอดและฟื้นฟูอาหารตำรับคุณยายซึ่งเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นมาแล้วกว่า 80 ปี จึงร่วมมือกับคุณธัช-ธัชชัย นาคพันธุ์ (เบื้องหลัง Minibar Royale และ EST.33) นำหลากหลายเมนูอร่อยจากขอนแก่นส่งตรงสู่กรุงเทพฯ ด้วยการเปิด Supanniga Eating Room สาขาแรกที่ทองหล่อในปี 2555 ตามด้วยสาขาสาทรในปี 2558 และล่าสุดกับ Supanniga x Roots ที่เปิดบ้านอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นี้เอง
 
 
คุณธัชชัยเล่าให้เราฟังว่าต้องการให้ Supanniga แห่งนี้เข้าถึงได้ทุกไลฟ์สไตล์ อีกความแตกต่างจากสาขาก่อนๆ ก็คือแนวคิดแบบ All-Day Dining หรือร้านอาหารที่แวะเวียนไปทานได้ตลอดทั้งวันตั้งแต่สายจรดค่ำมืด ตัวเมนูอาหารไทยยังคงเครื่องครบรสจากทีมครัวเดียวกัน แต่ในส่วนของเครื่องดื่มนั้นได้ Roots โรสเตอร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟมาดูแลและสร้างสรรค์เมนูกาแฟสุดพิเศษสำหรับที่นี่โดยเฉพาะ รวมถึงค็อกเทลอีกหลายแก้วที่ได้ทีมมิกโซโลจิสต์จาก Vesper มารังสรรค์ให้ เหมือนรวมดาวของชาวกิน-ดื่มไว้ในที่เดียว

โมเดิร์นได้ในแบบสุพรรณิการ์

 
 
Supanniga x Roots ชนะกินขาดแบบสิบ สิบ สิบไปเลยด้วยที่ตั้งสุดซอยเพ็ญพัฒน์ 1 ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งหันหน้าเข้าหาวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารแบบพอดิบพอดี ไม่ต้องชะเง้อคอยาวหลายร้อยองศาเพื่อชมวิวแต่อย่างใด เราชอบการตกแต่งที่ขี้เล่นและโมเดิร์นขึ้นเมื่อเทียบกับสองสาขาแรกที่ค่อนข้างจริงจัง
 
 
ตัวร้านมี 2 ชั้น โดยด้านล่างเป็นพื้นที่ของครัวใหญ่และบาร์กาแฟจาก Roots เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนจะเป็นบริเวณที่นั่งแบบเปิดโล่งรับลมชิลๆ พร้อมกับบาร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์คอยให้บริการ
 
 
ถึงเราจะบอกว่าดูโมเดิร์นขึ้นมาก แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของ Supanniga เอาไว้อย่างครบถ้วยสมบูรณ์ด้วยลวดลายบนโต๊ะอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจักรเย็บผ้าของชาวอีสาน โต๊ะเล็กที่ประยุกต์มาจากที่ตากข้าวเหนียว รวมถึงสีเหลืองของดอกสุพรรณิการ์ที่แทรกแซมอยู่ในทุกส่วนของร้าน ไม่ว่าจะเป็นกระจกหลังบาร์กาแฟ เบาะเก้าอี้นุ่มๆ รวมถึงหมอนอิงน้อยใหญ่ โดยทั้งหมดนี้ได้ DIN Studio มาเนรมิตรให้นั่นเอง
 

อาหารไทยต้นตำรับจากขอนแก่น

 
 
สุพรรณิการ์ทุกสาขาคงมาตรฐานเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเมนูหรือรสชาติ เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่างชุดอาหารทานเล่นสุพรรณิการ์ (295 บาท) เป็นชุดรวมมิตรที่ประกอบด้วย "ม้าฮ่อ" หมูสับผัดกับถั่วลิสงบนกลีบส้มสด "เมี่ยงหยอง" ใบชะพลูสดห่อมะพร้าวคั่วเครื่องสมุนไพร โรยด้วยถั่วลิสงกรุบๆ หมูหยอง และส้ม และ "ข้าวตังน้ำพริกเผากากหมู" ข้าวตังทอดกรอบๆ จิ้มน้ำพริกเผาโขลกกับกากหมูและกุ้งแห้ง
 
 
หรือถ้าชอบเริ่มด้วยของหวานมากกว่าก็สามารถสั่งขนมครกสุพรรณิการ์ (150 บาท) 7 ฝากับเนื้อกะทิแน่นๆ โรยหน้าหลากหลาย อาทิ เผือก ข้าวโพด และหน้ากุ้ง เป็นต้น
 
 
 
พร้อมลุยจานหลักแล้วใช่ไหม? บอกเลยว่าเรามีความสุขมากกับการสั่งหมูชะมวง (240 บาท) มากินซ้ำๆ แบบไม่รู้เบื่อ นอกจากนี้ยังมีกะหล่ำทอดซีอิ้ว (170 บาท) ไข่ลูกเขย (170 บาท) น้ำพริกไข่ปูจิ้มกับผักสด (240 บาท) ถือว่าไม่ควรพลาด ทั้งหมดทั้งมวลนี้กินกับข้าวสวยร้อนๆ คือที่สุด
 

ของหวานไทยจากตัวจริงด้านขนม

 
คุณธัชชัยเล่าให้เราฟังอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาเลยว่า "ถ้าอะไรที่สุพรรณิการ์ไม่เก่ง เราก็จะสรรหาคนที่เก่งจริงๆ มาดูแล" ซึ่งในที่นี้คือขนมหวานที่ได้ หวานละมุน, Farm to Table และ MINIBAR มาสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ในแบบของตัวเอง
 
 
 
นอกจากขนมครกแล้ว เรายังถูกใจสังขยาอัญชันขนมปังนึ่ง (150 บาท) และเค้กใบเตยสาคูมะพร้าวอ่อน (150 บาท) โบราณเขาว่ากินคาวแล้วต้องกินหวาน ฉะนั้นก็จัดไปอย่าให้เสียนะ
 

เครื่องดื่มที่คราฟต์มาอย่างดี

 
 
อีกความตื่นเต้นก็คือกาแฟ 3 แก้วพิเศษที่ Roots ลงไม้ลงมือทำเพื่อ Supanniga โดยเฉพาะ แถมแต่ละแก้วก็ไม่ได้ได้มาง่ายๆ นะ เพราะคุณธัชชัยเล่าให้ฟังว่ามีการจัดประกวดแข่งขันกันในทีมบาริสตาของ Roots แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว
 
 
กาแฟทั้ง 3 ตัวเป็น Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็นทั้งหมด เหมาะกับอากาศอันร้อนแรงของบ้านเราจริงๆ เราชอบ Trio Cold Brew โคลด์บรูวสามเกลอ (120 บาท) เป็นพิเศษกับการผสมผสานอย่างลงตัวของช็อกโกแลต นมข้นหวานโฮมเมด และชาไทยใส่นม แนะนำว่าให้ดื่มแบบไม่คนก่อน จะได้รสชาติที่แตกต่างและแยกส่วนกันอย่างชัดเจน อีก 2 ตัวคือ Hanuman Cold Brew โคลด์บรูวหนุมานคลุกฝุ่น (140 บาท) ที่สกัดกับขนุนอบแห้ง ชาอู่หลง และชาหอมหมื่นลี้ เสิร์ฟมาพร้อมกล้วยตากให้เคี้ยวหนึบๆ และ Granita Cold Brew โคลด์บรูวน้ำแข็งไส (120 บาท) ที่มิกซ์กับน้ำตาลตโนและชาเขียวข้าวคั่วก็สดชื่นไม่แพ้กัน
 
 
ส่วนหลังบาร์นั้นยกให้เป็นหน้าที่ของค็อกเทลโดยทีม Vesper ที่บรรจงสร้างค็อกเทลใหม่ถึง 10 ตัวให้ Supanniga โดยเฉพาะ เราได้ลอง Sabai-Sabai สบาย-สบาย (360 บาท) ที่ให้ความสบายสดชื่นสมชื่อด้วย Rye Whiskey, Sweet Vermouth และ Lemongrass-infused Sherry และก็ยังมีม็อกเทล เบียร์ ไวน์ และแชมเปญให้เลือกด้วยเช่นกัน

 
 
สำหรับเราแล้ว Supanniga x Roots เป็นอีกร้านอาหารไทยที่ไม่ควรพลาด เพราะไปที่เดียวจะได้ทั้งรสชาติและบรรยากาศดีๆ ที่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน แอบบอกอีกนิดว่าเขามี Supanniga Cruise ล่องเรือทานดินเนอร์กลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย โดยเรือจะเทียบท่าที่ร้านนี้นี่แหละ ถ้าสนใจก็ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb.com/supannigacruise เลยนะ
 
Supanniga x Roots, 392/25-26 ถ.มหาราช สุดซอยเพ็ญพัฒน์ 1 ท่าเตียน เวลาทำการ ทุกวัน 11.30-22.30 น. โทร. 02-015-4224

AdSense
AdSense
AdSense