บทกวีแห่งคอร์สอาหาร

Kavee คือชื่อร้านไฟน์ไดนิ่งที่เราขอยกให้เป็นหนึ่งใน Hidden Gems ของกรุงเทพมหานครในช่วงปีนี้ เริ่มตั้งแต่ที่ตัวร้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พร้อมปริมาณโต๊ะที่เยอะพอตัวสำหรับร้านไฟน์ไดนิ่ง ความน่ารักคือร้านนี้เขาเลือกปักหมุดอยู่ในโลเคชันสุดลับใต้คอนโดหรูใจกลางย่านสุขุมวิท ตกแต่งร้านอย่างอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีอ่อน ให้มู้ดระหว่างความหรูหราเหมือนร้านอาหารในฝรั่งเศสด้วยบรรดาเครื่องแก้วและกระจก ผสมกับความเวลคัมเหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อนด้วยที่นั่งโซฟานุ่ม ๆ ในโทนสีสบายตา

อย่างที่หลาย ๆ คนน่าจะคาดเดาได้จากชื่อร้าน 'Kavee' นั่นคือคอนเซปต์หลักของอาหารที่ เชฟเต้ วรธน อุดมชโลทร ตั้งใจรังสรรค์ให้แต่ละคอร์สสอดคล้องกันเหมือนบทกวี แต่ที่หลายคนอาจจะคาดเดาไม่ได้ คือรสชาติของบทกวีบทนี้ ที่มีตั้งแต่รสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านจากวัตถุดิบไทยแท้ ไล่มาจนถึงรสชาติกลมกล่อมแบบสากลจากเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสแบบที่เชฟถนัดจากการที่เคยทำงานอยู่กับ เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่ร้าน Le Du มาก่อน
ดังนั้นการได้มาลิ้มรสบทกวีจำนวน 12 วรรค ซึ่งถูกแทนค่าออกมาเป็น 12 คอร์ส สุดเจริญหูเจริญตา (และเจริญพุง) จึงเป็นหนึ่งใน wish list ที่เราอยากชวนคนรักไฟน์ไดนิ่งมาลองให้ได้ภายในปีนี้ ก่อนที่เชฟจะเปลี่ยนบทกวีซะก่อน!
อาหารร่วมสมัยจากวัตถุดิบไทยที่นึกไม่ถึง


ความเท่ของคอร์สอาหารทั้ง 12 จานจากร้าน Kavee เริ่มตั้งแต่หน้าตาอาหารที่แทบดูไม่ออกว่าด้านในแฝงความเซอร์ไพรส์ไว้หนักมาก ๆ อย่างคอร์สแรกในชื่อ Trout Roe ก็เซอร์ไพรส์ตั้งแต่หน้าตาของบิสกิตทรงแท่งกระบอกที่ตั้งใจทำลายด้านนอกให้คล้ายไข่ปลาเทราต์ ด้านในสอดไส้ความครีมมี่และรสชาติเค็มปะแล่มที่เป็นเอกลักษณ์จากไข่ปลาเทราต์จริง ๆ ซึ่งเพาะเลี้ยงในประเทศไทย พร้อมแทรกรสเผ็ดเหมือนเป็นลูกโดดที่ทำเอาเราสะดุ้งและเซอร์ไพรส์มาก ๆ
ต่อด้วย Tiger Prawn คำสุดฟินที่เชฟให้กุ้งลายเสือออร์แกนิกจากจังหวัดตราด มาเสิร์ฟคู่กับเยลลี่จากปลาไส้ตัน มีเทกซเจอร์กรุบกรอบจากข้าวพองไว้เซอร์ไพรส์ตามลายเซ็นของเชฟ คำนี้ให้ฟีลเหมือนได้ชิมอาหารจานใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างกุ้งแช่น้ำปลาแบบไทยและทาร์ทาร์แบบฝรั่งเศส

อีกคำที่เราชอบมาก ๆ คือ Apple Snail คอร์สที่หยิบเอาวัตถุดิบพื้นบ้านอย่าง 'หอยโข่ง' จากจังหวัดสระแก้วในแถบภาคอีสานมาแปลงโฉมใหม่ด้วยเทคนิคร่วมสมัย โดยการนำหอยโข่งไปยัดไส้ไว้ในแป้งพัฟ เสริมรสด้วยใบกุ้ยช่ายเผา และโรยหน้าด้านเม็ดมะม่วงหิมพานต์บดละเอียด อารมณ์เหมือนกินเมนู Escarcot เลยทีเดียว

อีกเมนูที่ต้องขอชื่นชมในความใจถึงของเชฟ เพราะเป็นการนำวัตถุดิบอย่าง 'กบนา' มาเสิร์ฟบนโต๊ะไฟน์ไดนิ่ง! โดยเชฟนำขากบไปแช่ในน้ำเกลือก่อนเพิ่มเทกซเจอร์ให้กินง่ายด้วยการชุบแป้งทอด มีซอสมันปูช่วยเพิ่มรสเผ็ดร้อนและกลบกลิ่นคาว พร้อมครัมเบิลมันปูที่ช่วยเพิ่มความนัวและรสอูมามิให้จานนี้


ต่อด้วยเมนคอร์สของกวีบทยาวบทนี้ คือ Dry-Aged Khaoyai Duck ที่นำเป็ดดรายเอจมารมควันด้วยฟางข้าว เซอร์ไพรส์เบา ๆ ด้วยตับเป็ดชิ้นใหญ่ห่อผักเสิร์ฟเคียงมาข้าง ๆ และเซอร์ไพรส์หนัก ๆ ด้วยเนื้อเป็ดที่นุ่มและฉ่ำเนื้อมาก ปกติเรามักจะเคยชิมแต่เนื้อเป็ดที่เหนียวและเคี้ยวยาก แต่จานนี้เชฟทำออกมาได้ดีมากจริง ๆ และอีกจานคือ Full-Blood Wagyu นำเนื้อส่วน Striploin ของวัววากิวสายพันธุ์แท้จากออสเตรเลียมาเสิร์ฟคู่กับเห็ดตุ๋นน้ำมันพริก พูเร่มะเขือม่วง และซอสสมุนไพรผสมเครื่องเทศมากกว่า 10 ชนิด

ในส่วนของหวานที่รีแอกต์จากทุกโต๊ะคือกรีดร้องมาก ๆ เพราะเชฟจับเอา 'แม่เป้ง' มดตัวใหญ่จากแถบอีสาน มาทำเป็นไอศกรีม ให้เทสต์โน้ตคล้าย ๆ มอลต์และมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมคัสตาร์ดที่ทำจากแก่นตะวัน ข้าวพอง และแผ่นแคนดี้กรอบจากน้ำตาลมะพร้าว
Soimilk Says: เราชอบที่เชฟแอบใส่ความเซอร์ไพรส์ไว้ในทุกคำ ตั้งแต่เซอร์ไพรส์เล็ก ๆ แบบเดาทางได้ ไปจนถึงเซอร์ไพรส์เบอร์ใหญ่ที่ไม่มีใครคิด เป็นไฟน์ไดนิ่งที่ฉีกกฎกรอบการรังสรรค์อาหารแบบเดิม ๆ เพิ่มเติมคือถึงแม้จะใช้เทคนิคสารพัดสารพันแบบอินเตอร์ แต่ก็ยังหวนกลับมาใช้วัตถุดิบโลคัลได้อย่างน่ามหัศจรรย์และบันเทิงปากมาก ๆ ใครอยากลองลิ้มรสบทกวีบทนี้ ก็ควรรีบจองที่นั่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เพราะเขาจะเปลี่ยนเป็นกวีบทใหม่ช่วงปีหน้าแล้ว!
Kavee ชั้น 1 คอนโด Ideo Morph 38 ซ.สุขุมวิท 38 เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 18:00 - 22:00 น. (ปิดวันจันทร์ – จองล่วงหน้าเท่านั้น) โทร. 080-995-9095 @kaveerestaurant