โรงแรมดุสิตธานี ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของสีลมที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ด้วยอาคารสูงอันเป็นเอกลักษณ์ที่นับเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในย่านนี้เมื่อครั้งเปิดบริการเมื่อหลายสิบปีก่อน จนถึงปัจจุบันที่โรงแรมได้ปิดตัวเพื่อปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดตามยุคสมัย เพื่อให้ดุสิตธานีเป็นที่ยืนหยัดอีกครั้ง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดถึงก็คือห้องอาหารต่าง ๆ ของทางโรงแรมที่รสชาติดีเหลือเกิน เพราะพอโรงแรมปิดปรับปรุงยาวไปอีกหลายปี ก็เหมือนเราจะต้องร้องเพลงรอที่จะได้กินห้องอาหารเหล่านั้นด้วย แต่ในที่สุดเราก็ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป เพราะโปรเจ็กต์ "บ้านดุสิตธานี" ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วใน ซ. ศาลาแดง ที่จะรวมเอาห้องอาหารในโรงแรมกลับมาให้บริการอีกครั้ง ประเดิมด้วย Dusit Gourmet (ดุสิต กูร์เมต์) ก่อนใครไปเลย


เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็น "บ้านศาลาแดง" เดิม ที่มีพื้นที่กว้างมาก ๆ และในพื้นที่ยังมีอาคารหลายอาคารตั้งอยู่ ทางดุสิตธานีจึงดัดแปลงพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นบ้านดุสิตธานีเสียเลย โดยยกเอาห้องอาหารหลากหลายในโรงแรมดุสิตธานีที่อยู่ในความทรงจำของเราหลาย ๆ คนมารวมกันไว้ที่นี่ที่เดียวให้หายคิดถึงกันไป แต่ต้องบอกก่อนว่าโปรเจ็กต์นี้เพิ่งเริ่ม ดังนั้นจึงมีเพียง Dusit Gourmet เท่านั้นก็เสร็จสิ้นในเวลานี้ แต่ขอบอกเลยว่าภายในเดือน ต.ค.-พ.ย. นี้ ทุกร้านภายในบ้านดุสิตธานีจะเสร็จครบทุกร้านแล้วนะ


ตัวบ้านของ Dusit Gourmet นั้นตั้งอยู่ริมถนนศาลาแดงเลย โดยใช้เป็นบ้านหลังเล็กริมรั้วสีขาวหน้าตาน่ารัก ที่ทางโครงการไม่ได้เข้าไปปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก ยังคงเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้อยู่ โดยเน้นการตกแต่งข้างในใหม่หมดแทนในสไตล์ที่ขอเรียกว่า "Cozy Rustic" เห็นบ้านหลังเล็ก ๆ แบบนี้ แต่เขามีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัวและน่านั่งมาก ๆ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วน ได้แก่
ส่วน Social Room ส่วนนี้คือส่วนแรกที่เราจะได้พบเมื่อผลักประตูเข้ามาในร้านเลย เป็นพื้นที่ส่วนหลังที่ตั้งอยู่กลางบ้าน มีเคาน์เตอร์อาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟตลอดเวลา ทางร้านอยากให้พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นกันเอง เราชอบที่ตรงนี้ให้อารมณ์ดิบ ๆ ด้วยการโชว์ปูนเปลือยที่เพดาน ให้เห็นฝ้ากันโต้ง ๆ ไปเลย แต่ด้านล่างก็ตกแต่งกันแบบจริงจัง ทั้งเคาน์เตอร์หินอ่อน โต๊ะไม้ การใช้ไฟโทนอุ่น และพื้นไม้ที่เป็นไม้ดั้งเดิมของตัวบ้านเลย

เมื่อเดินไปทางซ้ายจะเข้าสู่ส่วนที่สองคือ Secret Room ส่วนนี้จะถูกทาผนังให้เป็นสีเหลืองทอง มีการใช้ซุ้มไม้โค้งแบบดิบ ๆ มาจัดวางเป็นจุด ๆ ความเจ๋งในส่วนนี้คือเฟอร์นิเจอร์บริเวณโซนนี้จะถูกขนมาจากโรงแรมดุสิตธานีเดิม เลือกชิ้นที่เข้ากับดีไซน์บ้านหลังนี้มาใช้ร่วมกัน และประดับผนังด้วยรูปภาพทางประว้ติศาสตร์ของโรงแรมที่ผ่านมา ให้เป็นพื้นที่ที่เราสามารถดื่มด่ำประวัติศาสตร์ของดุสิตธานีให้หายคิดถึงกันไปได้
โซนสุดท้ายจะอยู่ทางขวาของตัวบ้านอย่าง Glass House ต้องบอกว่าพื้นที่นี้ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่จากบ้านหลังเดิม เลยจะดูโมเดิร์นขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขัดกับตัวบ้านเดิมแต่อย่างใด ตามชื่อเลยคือถูกต่อเติมออกมาเป็นห้องกระจกที่รับแสงธรรมชาติเต็ม ๆ เราชอบตรงที่กลาสเฮ้าส์นี้ตั้งหันหน้าเข้าไปยังส่วนสระว่ายน้ำของบ้าน (ที่อนาคตบริเวณนี้จะกลายเป็น Garden Bar บาร์แนวซัมเมอร์ริมสระเก๋ ๆ ด้วยนะ) ทำให้ดูชิลล์มากกว่าเดิมอีกด้วย ภายในห้องถูกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีเขียวทอง ที่เลือกสีนี้มาเพราะใกล้เคียงกับโมเสกที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานีนั่นเอง แถมยังเข้ากับสีเขียวของต้นไม้ข้างนอกด้วย

แม้ว่าขนมและเบเกอรี่ของ Dusit Gourmet จะขายดีเวอร์ แต่พอกลับมาเปิดในพื้นที่ใหม่อีกครั้งก็ไม่ได้มีแค่ขนมอย่างเดียวแล้วนะ เพราะเขายังเพิ่มเมนูอาหารที่ดีไซน์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เน้นไปที่เมนูเพื่อสุขภาพที่กินง่าย ๆ อร่อยด้วย เฮลท์ตี้ด้วย เราลองไปหลายเมนูอยู่เหมือนกันตั้งแต่ซูเปอร์ฟู้ดอย่าง Acai Bowl (240 บาท) ที่ทางร้านทำตัว Acai เองกับมือ แล้วใส่ผลไม้ทั้งแก้วมังกร, กล้วย, เบอรี่ต่าง ๆ และมะพร้าวเข้ามาแบบเต็ม ๆ ชามนี้คงไม่ต้องบอกถึงสรรพคุณ และเราขอแนะนำถ้าใครไม่ชอบกินหวาน อาซาอิของที่นี่น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยแหละ


Grilled Chicken Wrap (275 บาท) อีกหนึ่งเมนูขายดีของทางร้าน แรปชิ้นมหึมาที่ข้างในอัดแน่นด้วยสลอว์แบบเอเชียน อกไก่แบบไขมันน้อย เห็ดหอม หอมใหญ่ อะโวคาโด คลุกเคล้าในวาซาบิมาโยเพิ่มรสสไตล์เอเชีย แกล้มด้วยมะม่วงซัลซาที่กินคู่กันแล้วอร่อยเข้ากันดี อีกจานเก๋ ๆ คือ Panini Tuna Melt (275 บาท) ที่ทางเชฟจะนำทูน่าไปบดละเอียด ใส่เข้าไปในปานินีแบบเต็ม ๆ เพิ่มด้วยมะกอก แตงกวา หอมแดง และเชดดาร์ชีสแบบแน่น ๆ จุก ๆ ไปเลย พอใช้เป็นปานินีก็ทำให้แซนด์วิชชิ้นนี้ได้มิติใหม่ ๆ เข้าไปอีก


ส่วนสายเกาหลีเราอยากให้ลอง Rice Korean Bowl (270 บาท) เมนูหน้าตาดีสไตล์เกาหลีฟิวชั่น ข้าวเกาหลีหุงร้อน ๆ ล้อมด้วยบร็อคโคลี มะม่วงสุก สลอว์กะหล่ำม่วง กิมจิ อะโวคาโด อกไก่ไขมันน้อย เวลากินให้เทซอสสไปซีโคเรียนลงไปแล้วคลุกทุกอย่างให้เข้ากันคล้ายบิบิมบับ ขอบอกว่าจานนี้เราชอบจนต้องเกือบขออีกจาน ส่วนใครเบื่อเป็นข้าวแล้ว ก็สามารถสั่ง Soba Noodle & Kimchi Bowl (270 บาท) มาได้เช่นกัน เครื่องเคียงอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะเขาจะเสิร์ฟเส้นโซบะนุ่ม ๆ กับเต้าหู้ ผักโขมราดเดรสซิงโชยุ อะโวคาโด กิมจิมาโย โรยหน้าด้วยธัญพืช เวลากินให้ราดซอสสไปซีโคเรียนแล้วคลุกเช่นกัน


ส่วนสายของหวานเราคงไม่ต้องแนะนำมาก เพราะที่นี่เด็ดอยู่แล้วทั้งเรื่องเค้ก (ชิ้นละ 120 บาท) เบเกอรี่ (ชิ้นละ 90 บาท) หรือไอศกรีม (80 บาท) แต่วันนี้เราขอลอง Berry Waffle (170 บาท) วาฟเฟิลชิ้นหนา โรยหน้าด้วยเบอร์รี่ต่าง ๆ เคียงด้วยเนยสดและแยมผลไม้ ราดเมเปิ้ลไซรัปเพิ่มความหอมหวานสักนิด น่าจะถูกใจสายหวานได้ดี แต่ถ้าใครรักสุขภาพหน่อย ก็ลอง Call Me Honey (180 บาท) แก้วนี้ดู สมูทตี้ที่เอา Acai มาปั่นกับสตรอว์เบอรี่ กล้วย น้ำผึ้งป่า เกสรผึ้ง และนมแอลมอนด์เข้าด้วยกันจนเนื้อเนียนนุ่ม ดื่มแล้วชื่นใจดีเหมือนกัน


Soimilk Says: สิ่งหนึ่งที่เราปลื้มใจคือ พนักงานที่นี่ทั้งหมดล้วนทำงานอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมดุสิตอยู่ก่อนแล้ว นี่สื่อให้เห็นถึงความรักที่ผู้บริหารมีต่อพนักงาน ไม่ใช่เปิดบ้านดุสิตธานี และ Dusit Gourmet มาเพื่อให้เราหายคิดถึงเท่านั้น แต่ยังเพื่อให้พี่น้องที่เคยทำงานอยู่ด้วยกันมีงานทำโดยไม่ต้องอยู่เฉย ๆ และมีรายได้ นอกจากนี้ในช่วงตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป ที่บาร์กลางร้านจะเริ่มขายคราฟต์เบียร์และค็อกเทลด้วยนะ ไปนั่งชิลล์กันได้ทั้งวันทั้งคืนเลย เราแอบกระซิบให้รู้ว่า Garden Bar กำลังจะเปิดในไม่ช้านี้ และนอกจาก Dusit Gourmet แล้ว ในเดือน ก.ย. นี้จะเปิดบ้านอีกหลังอย่าง บ้านเบญจรงค์ สำหรับสายอาหารไทยดั้งเดิม และในเดือน ต.ค. เตรียมพบกับร้านอาหารเวียดนามอย่าง Tian Dong กันได้เลย เราว่าบ้านดุสิตธานีจะกลายเป็นจุดนัดพบใหม่ของย่านสีลมในเร็ววันนี้แน่นอน
Dusit Gourmet เวลาทำการ ทุกวัน 7:00-23:00 น. (บาร์เครื่องดื่มเปิดบริการ 17:00-23:00 น. และ Garden Bar เปิดบริการ 17:00-24:00 น.) บ้านดุสิตธานี ซ.ศาลาแดง สีลม โทร. 02-200-9009 www.fb.com/baandusitthani