DAO刀 TU涂 FOOK福 (อ่านว่า เด๋า ตู๋ ฟุค) ชื่อร้านเต็ม ๆ ฉบับอ่านออกเสียงยากนี้มีที่จากการผสมคำจีนความหมายดีรวมกันถึง 3 คำ ซึ่งตั้งใจบิดมาจากภาษาอังกฤษของคำว่า down-to-food (แน่นอนว่าเรียกย่อ ๆ ว่า DTF น่าจะถนัดปากมากกว่า)
หากจับเซนส์การแปลงคำจากอังกฤษ-จีน-ไทย แล้วหันมาพินิจพิเคราะห์หน้าตาโปสเตอร์ร้านและฟอนต์สะดุดตาตั้งแต่หน้าประตู ใครที่เป็นสายวินเทจสักหน่อยคงพอจะเดาทางได้ไม่ยากว่าทำไมบรรยากาศองค์รวมของร้านอาหารเปิดใหม่บนถ.จักรพรรดิพงษ์ ย่านหลานหลวง ร้านนี้ถึงชวนให้นึกถึงฟีลลิ่งจากหนังเรื่อง God Father เอามากขนาดนี้

อาคารห้องแถวหลังเก่าทอดตัวยาวเลียบถ.จักรพรรดิพงษ์แห่งนี้เป็นตึกเก่าอายุกว่า 60 ปี ที่ยังไม่เคยรีโนเวตหรือผ่านมือใครมาก่อน กลิ่นอายแบบ 60s แท้ ๆ ที่เป็นผลลัพธ์มาจากยุคหลังสงครามยังคงอบอวลชวนให้ค้นหาอยู่อย่างครบถ้วนในร้าน ไล่มาตั้งแต่สีผนังเก่า โครงสร้างซุ้มประตู ราวบันได ยันรถ Moris Ten คันเก่าที่จอดแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นมา ก็ยังจอดประจำตำแหน่งเดิมอยู่อย่างนั้น


ถ้าคนรุ่นใหม่คนอื่นมาเทกโอเวอร์พื้นที่แห่งนี้ เราคงไม่ได้เห็นการตกแต่งร้านที่เข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังยุค 60s แบบเรื่อง God Father ได้สมจริงขนาดนี้แน่นอน แต่ด้วยฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ของเจ้าพ่อวงการอาหารอย่าง คุณโจ็ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ เจ้าของร้านดัง ๆ หลายร้านในกรุงเทพฯ ไล่มาตั้งแต่ 7 Spoons, Hazel's Icecream Parlor and Fine Drinks, Pollen Baked Goods, Q&A, Lao Dtom Lao และโปรเจกต์เฉพาะกิจล่าสุดที่เพิ่งปิดไปอย่าง Pop-Up Canteen ในซ.ลาดพร้าว 15 ก็เลยทำให้สามารถ 'จบงาน' ออกมาเป็นร้านใหม่คอนเซปต์แน่นอย่างร้านนี้ได้ไม่ยาก
รอบนี้พี่โจ็กมาจับมือร่วมกับหุ้นส่วนจากร้าน Q&A รวมถึงเจ้าพ่อแห่งตลาดนัดวินเทจผู้ก่อตั้ง Made By Legacy อย่าง คุณวู้ดดี้-วุฒิ สมบูรณ์กุลวุฒิ เลยไม่น่าแปลกใจที่เฟอร์นิเจอร์วินเทจจากของสะสมของทั้งสองมาเฟียแห่งวงการอาหารและตลาดวินเทจจะถูกจัดวางไว้ทั่วร้านให้สายวินเทจอย่างเราได้ตาหูเหลือกทันทีที่ก้าวเข้าร้าน รวมถึงของเก่าที่หลงเหลืออยู่ในตึกเก่าหลังนี้ก็ยังคงถูกเก็บไว้อย่างดี และถูกจับนำมาตกแต่งในหลาย ๆ มุมของร้าน

ตัวบาร์ยาวถูกจัดวางไว้ห้องด้านในสุดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำการเสิร์ฟเครื่องดื่มมีดีกรี อาทิ โลคัลเบียร์จากจีน แซงเกรียสูตรพิเศษ และค็อกเทลที่ถอดแบบมาจากยุคแก๊งสเตอร์ครองเมืองในปี 1950-1960 ที่ทั้งพี่โจ็กและพี่วู้ดดี้บอกว่าเจอกันแน่เร็ว ๆ นี้ (หลังรัฐบาลปลดล็อก) โดยใครที่ไปเยี่ยมเยียนร้านในช่วงนี้ก็สามารถโฟกัสไปที่เมนูอาหารแบบเพียว ๆ ก่อนได้เลย เราชอบการวางคอนเซปต์อาหารของร้านนี้ที่ตั้งใจจะเสิร์ฟอาหารสไตล์ Sino-Southeast Asian โดยใช้รากอาหารจีนเป็นหลัก ผสมผสานกับจานคลาสสิกจากฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง อาหารเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงไทยเข้าไปอีกนิด ใส่กลิ่นอายตะวันตกตามสมัยยุคโลกศิวิไลซ์ช่วง 60s ลงไปอีกหน่อย พร้อมจัดจานหน้าตาสวยงามตามท้องเรื่องมาในพอร์ชันไซซ์ทาปาสไว้แชร์กันกับครอบครัวและเพื่อนฝูงตามสโลแกน Family Hungry Place
ได้ยินแค่นี้เราก็โดนตกด้วยการสั่งแทบจะทุกอย่างในเมนูมาชิมจนท้องแทบแตกแล้ว!


เริ่มจาก Five Spice Roasted Duck (320 บาท) เป็ดย่างโอ่งมังกรที่ผ่านขั้นตอน confit มาก่อนจนเนื้อนุ่มหนังกรอบ พร้อมกลิ่นหอมของเครื่องยาจีนทั้ง 5 ตามสูตรพะโล้แบบจีนที่ถูกต้อง พร้อมอีกเมนูหลักที่ควรสั่งอย่าง Golden Calamari (240 บาท) หมึกทองคำซอสไข่เค็มที่ทวิสต์มาจากปลาหมึกผัดไข่เค็มธรรมดา แต่แต่งเติมความแฟนซีลงไปด้วยการทำชุบแป้งทอดปลาหมึกให้เป็นคาลามารีมันซะเลย

ส่วน Fish Fillet In Soup (280 บาท) ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะจะสั่งมานั่งล้อมวงกินกันหลาย ๆ คน เพราะถึงแม้เนื้อปลาเก๋าจะไม่ได้ใหญ่มากขนาดกินอิ่มทั้งหมู่บ้าน แต่น้ำซุปสตูว์ที่เคี่ยวมาจากกระดูกปลาน้ำลึกตามสูตรที่พี่โจ็กเรียกว่า 'ปรุงแบบคนจีนอยากทำอาหารฝรั่ง' ก็คือทีเด็ดที่เราสามารถขอหมั่นโถวจากพนักงานมาจิ้มกินได้จนพุงกาง

ปิดท้ายด้วยของทานเล่นที่ชนะใจเราไปในวันนี้ กับ Eggplant Fries (120 บาท) เฟรนช์ฟรายสไตล์โลกตะวันออกที่ใช้มะเขือยาวมาทอดแทนมันฝรั่ง และ DFC (120 บาท) นักเก็ตเป็ดในตำนานที่น่าจะตีตลาดแบรนด์คู่แข่งชื่อใกล้ ๆ กันได้ด้วยนักเก็ตเนื้อเป็ดบดที่มีคาแรกเตอร์รสชาติเฉพาะตัว เสิร์ฟพร้อมซอสฮอยซินรสติดหวานกำลังดี


Soimilk Says: จริง ๆ ถ้ามี 100 คะแนนก็อยากให้ร้านนี้แบบ 100 เต็มไม่หักเลย เพราะทั้งการตกแต่งที่ไปสุดทางสายวินเทจตั้งแต่โครงสร้างที่เก่าจริงแบบไม่ต้องทาสีผนัง ไอเทมตกแต่งที่บ้าพลังขนาดวางรถทั้งคันไว้กลางร้าน ไปจนถึงบรรยากาศที่เหมือนหลุดเข้าไปในภัตตาคารยุคนั้นจริง ๆ ส่วนทั้งพาร์ตอาหารและเครื่องดื่มก็ไม่ขอหักคะแนนเช่นกัน แต่อยากบวกเพิ่มให้อีกนิดจากการใส่กิมมิกลูกครึ่งฝรั่งปนจีนลงไปในจานอาหารเบสอาเซียนทุกจานได้อย่างกลมกล่อม เป็นร้านเปิดใหม่อีกหนึ่งร้านที่เราไม่อยากให้รอปลดล็อกแล้วค่อยไป เพราะถ้าเขาเปิดพาร์ตบาร์เต็มตัวเมื่อไหร่ บวกกับโซนห้องลับชั้นบนและพื้นที่นั่งเอาต์ดอร์หลังร้าน เรารับรองว่าร้านแตกแน่นอนเด้อ!
DTF: Family Hungry Place ถ.จักรพรรดิพงษ์ เวลาทำการ ทุกวัน 16:00-22:00 น. โทร. 02-121-7485 FB.com/DTFBKK