ลูกครึ่งราเมน ลูกครึ่งอิซากายะ
ด้วยความที่แต่เดิมในช่วงสมัยก่อนโควิด (ขอตั้งชื่อให้ว่าเป็นยุค Pre COVID-19 ก็แล้วกันนะ) ร้านอาหารในย่านสุขุมวิทแห่งนี้ของเชฟปาร์ค-ภัทรวิทย์ จันทร์ไทย เชฟชื่อดังในวงการ Young Generation Chef ของไทย เลือกใช้ชื่อแบบจำง่ายติดหูว่า Chim Ramen ที่เกิดจากความตรงไปตรงมาของจุดขายหลักในร้านอย่าง 'ราเมน' ผสมกับการเล่นคำพ้องเสียงกับคำว่า 'Shrimp' จากการมีวัตถุดิบหลักเป็นกุ้งออร์แกนิกจากฟาร์มส่วนตัวของที่บ้านเชฟปาร์คเอง พอช่วงยุคหลังโควิด (Post COVID-19) ความอยู่ไม่สุขและการหาทำ หาชิมไปเรื่อยของเชฟ เลยเป็นที่มาของการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ลูกครึ่งร้านราเมน ลูกครึ่งอิซากายะ ในชื่อร้าน Chim Ramen and Diner

แน่นอนว่าแค่เปลี่ยนชื่อร้านเฉย ๆ ยังไม่สะใจเชฟเท่าไหร่ เราเลยได้เห็นโลเคชันร้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ (แต่อยู่ใจกลางสุขุมวิท) แห่งนี้ ถูกจับมาแปลงโฉมใหม่หมดตั้งแต่ผนัังห้องครัว โซนเคาน์เตอร์บาร์ค็อกเทลลับ ๆ ด้านใน ยันสีบันไดหน้าร้าน เพื่อโมดิฟายมู้ดแอนด์โทนของร้านนี้ให้เข้ากันกับการเป็นพิกัดแฮงก์เอาต์ชั้นยอด ที่จะเปิดทุกสัมผัส ท้าทายทุกความเป็นไปได้ ให้เราได้ทดลองรสชาติใหม่ ๆ ของอาหารและบรรยากาศที่หาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วในโซนนี้!


มู้ดแอนด์โทนที่เน้นไปที่สีแดงจากไฟนีออน ตัดอารมณ์เข้าไปด้วยผนังสีเขียวแก่ และเพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยลายเพนต์ผนังรวมถึงลายกราฟิกจากหนังสือพิมพ์เก่า เลยเป็นเหมือนสิ่งชุบชูใจที่เปลี่ยนร้านราเมนในบรรยากาศเดิม ๆ ในช่วงก่อนโควิด ให้กลายเป็นร้านกินดื่มลูกครึ่งอิซากายะที่น่าพุ่งตัวไปทดสอบจินตนาการและทดลองความแปลกใหม่ในช่วงหลังโควิดแบบนี้เป็นที่สุด!
Experimental Culture Dining

นอกจากการรีโนเวตร้านใหม่หมดทุกกระเบียดนิ้วจนแทบจำร้านเดิมไม่ได้แล้ว ลิสต์เมนูอาหารของ Chim Ramen and Diner ก็มาได้มาเล่น ๆ แบบไก่กาปาจิงโกะ แต่นี่คือไฮไลต์ที่เพิ่มเข้ามาอีกเพียบจนใครที่เพิ่งเคยมาอาจคิดไม่ถึงเลยว่า แต่ก่อนที่นี่เข้าเป็นร้านราเมนมาก่อนนะเออ
เริ่มจากเมนูออร์เดิร์ฟที่เราแนะนำว่าทุกคนควรสั่ง อย่าง Chim's Tofu (125 บาท) เมนูมังสวิรัติที่ไม่ได้ไก่กาอาราเล่ แต่เป็นเต้าหู้ทอดซอสหัวหอมคาราเมลที่มีรสเผ็ดจัดจ้านกว่าหน้าตาในจานจนต้องซี้ดปาก ถือเป็นเมนูที่เปลี่ยนภาพจำเกี่ยวกับอาหารวีแกนแบบเลี่ยน ๆ เดิม ๆ ไปได้หน้ามือเป็นหลังมือ!


อีก 2 เมนู ที่เราไม่อยากให้พลาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ คือ Beef Yuke in Spicy Northern Style Chilli (165 บาท) ลูกผสมระหว่าง 'ยุเกะ' แบบญี่ปุ่น และ 'ลาบก้อย' แบบอีสานบ้านเรา เมนูเนื้อวากิวรสจี๊ดจ๊าดจัดจ้านจานนี้เลยมีชื่อเล่นขำ ๆ ในชีลครัวว่า 'Yukoy' ซึ่งเหมาะที่จะจับคู่กับค็อกเทลเมนูใหม่ของร้านอย่าง Isaan Fashion (260 บาท) ค็อกเทลเบสวิสกี้ผสมกับน้ำเชื่อมโฮมเมดที่สกัดมาจากข้าวคั่วและผักชีลาว
อีกเมนูอย่าง South Sea Ponzu Ika Wasabi (160 บาท) ถ้าใครเป็นคนที่ชอบกินทาโกะวาซาบิเป็นชีวิตจิตใจ เมนูนี้คือการเปิดโลกให้เราได้สัมผัสอีกเลเวลความอร่อยของหมึกไทย ด้วยการใช้หมึกหอมจากทะเลฝั่งสุราษฎร์ธานีที่ตกด้วยมือจากชาวประมงเรือเล็กที่เชฟปาร์คสนับสนุนมาตั้งแต่เริ่มอาชีพเชฟแรก ๆ ดองเข้ากับพอนซึแบบญี่ปุ่น และท็อปปิงด้วยวาซาบิดองรสเข้นข้นขึ้นจมูก ส่วนตัวเราชอบความกรุบกรอบของเทกซเจอร์ และรสชาติหมึกไทยเนื้อเด้งดึ๋งที่หาไม่ได้จากทาโกะวาซาบิตามร้านอิซากายะทั่วไป จับคู่เข้ากับค็อกเทลที่ครีเอตมาเพื่อเมนูนี้โดยเฉพาะอย่าง Yuzu Sour (280 บาท) เครื่องดื่มที่ทวิสต์มาจากเมนู Whiskey Sour แต่เพิ่มความแปลกใหม่ลงไปด้วยน้ำส้มยูซุและน้ำเชื่อมจากเลมอนและสมุนไพรภาคเหนืออย่างมะแขว่น



ตามมาด้วยจานหลักที่ให้ทั้งอารมณ์แบบอิซากายะ และความจริงจังตามแบบฉบับอาหารฝีมือเชฟรุ่นใหม่ อาทิ Grilled Salted Fish Ball (60 บาท) เนื้อปลาอินทรีจากสุราษฎร์ที่ถูกหมักจนเป็นปลาเค็ม นำมาผสมรวมกับหมูสับ ปั้นเสียบไม้กริลล์เบา ๆ จนกินเพลินแบบไม่รู้ตัว Crabmeat Jicama Sour Salab (140 บาท) ยำเนื้อปูที่คัดสรรวัตถุดิบมาจากทะเลไทยเกรดพรีเมียมอย่างทะเลแหลมศอก จ.ตราด เพิ่มเทกซเจอร์กรุบกรอบด้วยการใส่มันแกวลงไปเป็นไอเทมลับ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Chim's Ramen (335 บาท) ราเมนสูตรเฉพาะตัวของเชฟปาร์ค ที่สร้างชื่อให้เขาคนนี้ดังไปไกลทั่วประเทศ ซึ่งมีเบสน้ำซุปจากการเคี่ยวเปลือกกุ้งและปูที่เลี้ยงแบบออร์แกนิก จนได้น้ำสต็อกที่เข้มข้นจนซดไปแล้วรู้สึกได้ถึงกุ้งตัวเป็น ๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำซุป แถมด้วยกุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ ๆ ที่ท็อปปิงมาอีก 2 ตัว

ปิดท้ายด้วย 2 เมนูของหวานที่ซ่อนอยู่แบบลับ ๆ เหมือนไม่อยากให้คนสั่งอย่าง Apple Miso Caramel (145 บาท) แอปเปิลสดอบกับน้ำตาลจนเป็นคาราเมล เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรส Sea Salt Caramel จากบ้าน Guss Damn Good และของหวานที่เราอยากมอบรางวัลขนมหวานที่รักที่สุดในปีนี้ให้อย่าง Wasabi Pandan Custard With Brioche (125 บาท) ขนมปังบริออชกริลล์มาจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสสังขยาวาซาบิที่ไม่คิดว่าจะทำรสชาติออกมาได้กลมกล่อมลงตัวจนไม่น่าเชื่อขนาดนี้
Soimilk Says: เราชอบการก้าวข้ามการเป็นราเมนแบบเดิม ๆ รวมถึงข้อจำกัดของการเป็นอิซากายะแบบทั่ว ๆ ไป เพื่อซัพพอร์ตเกษตรกรและชาวประมงไทยให้ได้ส่งวัตถุดิบดี ๆ มาทำเป็นของกินดี ๆ ตามมาตรฐานทองหล่อได้แบบไม่แพ้ใคร และที่ต้องยกนิ้วให้สุด ๆ คืออินเนอร์การทดลองรสชาติใหม่ ๆ ไปเรื่อยของเชฟปาร์ค ที่ไม่หยุดอยู่แค่เมนูอาหารคาว แต่ยังลามไปถึงของหวาน รวมถึงเครื่องดื่มทั้งค็อกเทลและม็อกเทลที่มาจับคู่เข้ากันอย่างลงตัวภายใต้ร้านสวย ๆ ที่รีโนเวตใหม่ร้านนี้ ใครอยากไปร้านนี้ก็จองกันก่อนสักนิด เพราะด้วยพื้นที่จำกัด แถมเมนูยังอร่อยเวอร์วังขนาดนี้ เรากลัวว่าคนจะเต็มร้านถ้าคิดจะวอล์กอินเด้อ!
Chim Ramen and Diner ซ.สุขุมวิท 33 เวลาทำการ ทุกวัน 11:30-23:00 น. โทร. 02-204-3196 fb.com/chimramen