หลายคนคงคุ้นเคยกับร้านกาแฟเก๋ ๆ กลางซอยเย็นอากาศของ Craftsman ที่ตั้งอยู่ในคอมมูนิตี้เก๋ ๆ อย่าง Yarden กันอยู่บ้าง ความเก๋ของร้านคือใช้บ้านเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 มาตกแต่งแบบยังคงสภาพเดิมของตัวบ้านไว้แทบทั้งหมด แต่ใส่ความเป็นปัจจุบันเข้าไปด้วยการตกแต่งและข้าวของเครื่องต่าง ๆ แทน (อยากรู้มากกว่านี้ลองอ่าน 6 คาเฟ่และร้านนั่งสบาย ๆ ในแถบเย็นอากาศ ดูได้) มาสาขาใหม่ Craftsman ก็ยังคงหยิบเอาสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์มาเป็นตัวชูโรงเช่นเคย คราวนี้ร้ายถึงขนาดยกร้านกาแฟเข้าไปอยู่ในบ้านที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เคยอยู่กันเลยทีเดียว


ว่าแต่ใครในที่นี้ไม่รู้จักศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีบ้างนะ ? ถ้าอย่างนั้นเราขอท้าวความถึงท่านสักนิดก่อนแล้วกัน (จะได้จิบกาแฟที่นี่อินขึ้นกว่าเดิมอีกสิบเท่า) ใครเป็นศิษย์มหาวิทยาลัยศิลปากรต้องรู้จักท่านแน่นอน ศาสตราจารย์ศิลป์ถือเป็นชาวต่างชาติ (ท่านเป็นคนอิตาลี) ที่มีคุณูปการต่อวงการศิลปะไทยอย่างแท้จริง เพราะท่านเข้ามาช่วงที่วงการศิลปะตะวันตกกำลังแพร่หลายในประเทศไทยมาก ๆ ตอนนั้นท่านก็คิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะให้คนไทยสามารถสร้างผลงานรูปแบบตะวันตกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งช่างตะวันตก ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างงานของตัวเองได้ ไม่ใช่ลอกเลียนตะวันตกไปเสียหมด เลยเกิดโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึ้น ซึ่งกลายเป็นโรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง และเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่สร้างบุคคลศิลปะมาประดับประเทศเยอะแยะอย่างในปัจจุบันนี่แหละ...ถ้าให้เล่าแบบละเอียดน่าจะยาวมาก ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของท่านดูนะ
ส่วนบ้านหลังขนาดกำลังดีสีเหลืองสวยสไตล์ไทยผสมวิคตอเรียนกอธิคที่ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานซังฮี้นี้คือบ้านหลังแรกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ในช่วง 8 ปีแรกที่ท่านย้ายมาอยู่ในประเทศไทย เป็นบ้านหลังที่ท่านย้ายมาอยู่กับคุณพาโอลา แองเจลินี และให้กำเนิดลูกสาวอิซซาเบลล่า และลูกชาย โรมาโน ที่กรุงเทพฯ และอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน ก่อนที่ท่านจะพาครอบครัวกลับอิตาลี แล้วท่านกลับมาประเทศไทยใหม่อีกครั้งคนเดียว และไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อีก ที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของศาสตรจารย์ศิลป์ และปัจจุบันคือจุดเริ่มต้นของสาขาใหม่ของ Craftsman ด้วย


Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่ง เกิดขึ้นจากการที่มีศิษย์เก่าชาวศิลปากรแวะไปดื่มกาแฟที่ร้านสาขาแรก แล้วจึงชวนคุณแวว-เนตรนภา นราธัศจรรย์ เจ้าของร้านว่าอยากมาเปิดสาขาใหม่ที่บ้านอาจารย์ฝรั่งแห่งนี้ไหม และหลังจากคำชักชวนนั้นเพียง 1 เดือน ร้านแห่งนี้ก็เกิดขึ้นทันที (เร็วสุดอะไรสุด) แม้บ้านหลังนี้จะอยู่ในพื้นที่ของกองทัพบก แต่ด้วยความตั้งใจของท่านผู้อำนวยการที่อยากให้สถานที่และทหารใกล้ชิดกับประชาชนได้มากขึ้น ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น บวกกับตัวท่านเองเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว และเห็นจากการดูแลสถานที่ของ Craftsman x Yarden ที่เอาใจใส่เป็นอย่างดี จึงไว้ใจให้คุณแววมาปรับเปลี่ยนชั้น 1 ของบ้านหลังนี้ทั้งหมดให้เป็นคาเฟ่ ส่วนชั้นสองของบ้านจะเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ และพิพิธภัณฑ์ของศาสตรจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ดูแลโดยกรมศิลปากรแทน
คุณแววใช้หลักการตกแต่งคล้ายกับที่ Yarden คือแทบไม่แตะต้องอะไรตัวอาคารเลย ปล่อยให้เป็นไปตามที่เป็นอยู่ แล้วเลือกเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จากแบรนด์ Niiq ซึ่งเป็นแบรนด์ของเธอเองมาประดับให้เข้ากัน เฟอร์นิเจอร์ที่นี่จึงมีส่วนประกอบด้วยไม้เป็นหลักเพื่อให้เข้ากับตัวบ้าน พื้นบ้าน และสีสันที่คุมโทน ไปจนถึงเคาน์เตอร์ที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยการออกแบบของ Niiq เอง ก็หยิบจับเอาเส้นสายเรขาคณิตที่ลดทอนมาแล้วให้ดูเรียบง่าย ไม่แย่งความงามของเส้นสายรอบบ้านที่มีอยู่แล้วอย่างเสาบ้านหรือกรอบหน้าต่างไป

ตัวเครื่องดื่มนั้นก็ได้บาริสต้าอย่างคุณบิ๊ก-ณรงค์ศักดิ์ โรจนเกียรติพงศ์ ที่อยู่กับ Craftsman มาตั้งแต่แรกเริ่มช่วยควบคุมให้ ที่นี่เลือกใช้เมล็ดกาแฟที่ดีในปีนั้น ๆ มาเบลนด์ อย่างปีนี้เราจะได้ชิมเมล็ดกาแฟจากห้วยห้า แม่ฮ่องสอน นำมาเบลนด์กับเมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปียและอเมริกากลาง ให้เป็นเฮาส์เบลนด์ที่มีรสไม่ไทยจ๋ามาก



สำหรับสายสโลว์ก็สามารถไปนั่งที่ Slow Bar ด้านหลังเคาน์เตอร์ สั่งกาแฟ Single Origin ที่มีทั้งแบบ Pureover และ Aeropress (150 บาท) ส่วนคอกาแฟนมเราอยากให้ลองแก้วง่าย ๆ อย่าง Latte ร้อน (110 บาท) นี่แหละ เพราะลาเต้ที่นี่เขาใช้ Craftsman Blend เป็นหลัก รสเลยหอม นุ่ม จากการเลือกเมล็ดกาแฟมาเบลนด์ไว้อย่างดีสมกับเป็นงานคราฟต์ กับแก้วที่เป็นซิกเนเจอร์อย่าง Iced Lemongrass Latte (135 บาท) ที่เป็น Artisan Blend ระหว่างเมล็ดอินโดฯ บราซิล และลาว ผสมกับไซรัปตะไคร้ที่คุณบิ๊กทำเอง เพิ่มกลิ่นเฉพาะด้วยโป๊ยกั๊กอีกนิดหน่อย แก้วนี้เรียกว่ามีมิติในการดื่มค่อนข้างหลากหลาย ทั้งกาแฟ ทั้งกลิ่นหอมของตะไคร้ที่อบอวลอยู่ในปาก เป็นความแปลกใหม่ที่ดื่มง่ายดี ไม่แปลกที่เมนูนี้จะได้เลือกให้นำไปประกวดในงาน I+D Style Cafe 2018 เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาด้วย

ส่วนเมนูอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กาแฟก็มีให้เลือกเช่นกัน ทั้ง Valrohna Choc Drink (140 บาท) สำหรับคอโกโก้ หรือ Shizuoka Matcha Latte (120 บาท) สำหรับคอชาเขียว แต่เมนูที่มีให้สั่งแค่เฉพาะสาขานี้เท่านั้นอย่าง Sparking Tamarind for Baan Ajarn Farang (135 บาท) คืออีกแก้วที่เราอยากให้ไปโดน เมนูนี้เกิดจากการศึกษาของทางร้านจนไปพบเจอว่า ท่านศาสตรจารย์ศิลป์เป็นคนชอบดื่มน้ำมะขาม จึงครีเอทเมนูเก๋ ๆ ที่มีส่วนประกอบของมะขามขึ้นมา โดยใช้ Puree มะขามผสมกับน้ำผึ้งป่า ใส่ลงใน Sparkling Water แบรนด์ San Pellegrino คนให้เข้ากันก่อนดื่ม จะได้รสซ่า ๆ เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ชื่นใจแบบอยากกินอีกแก้วแต่ไม่กล้าบอกบาริสต้าไปเลย


นอกจากเมนูเครื่องดื่มจากมะขามแล้ว ทางร้านยังต่อยอดความชอบมะขามของศาสตราจารย์ศิลป์เป็น Scone ที่กินคู่กับแยมมะขามผสมแครนเบอรี่ (2 ชิ้น 145 บาท) ที่ให้รสชาติแปลกใหม่แต่ลงตัวในการกินสโคน อีกเมนูที่เราชอบคือ Banana Bread (115 บาท) กินคู่กับเมเปิ้ลไซรัปหรือซอสบัตเตอร์สก็อต เมนูยอดฮิตทั้งสองสาขาที่หลายคนชอบกิน แถมยังเป็นเมนูที่คุณแววเจ้าของร้านลงมือทำเองกับมือด้วยนะ

ความโชคดีของเราคือวันนั้นคุณแววกำลังทดลองทำเมนูใหม่อยู่พอดี เราจึงได้ลองชิม Focaccia ไปด้วยเลย คุณแววแอบกระซิบให้เราได้รู้ว่า ในอนาคตข้างหน้า Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่ง จะมีเมนูอาหารมาเสิร์ฟด้วย อาหารทั้งหมดหนีไม่พ้นอาหารอิตาเลียน เนื่องด้วยศาสตราจารย์ศิลป์เป็นชาวอิตาเลียน (คนฟลอเรนซ์) และท่านเป็นคนเรียบง่าย คอนเซ็ปต์เมนูจึงจะเป็นอาหารแบบ mom made ซึ่งความพีคอยู่ตรงที่ห้องอาหารที่ใช้ปรุงกันหลังบ้านนั้น เป็นห้องครัวเก่าจริง ๆ ของศาสตราจารย์ศิลป์เองด้วย ! มีแบ็กกราวน์แน่นอนขนาดนี้ เห็นทีว่าพอมีเมนูอาหารมา เราคงไม่พลาดที่จะแวะเวียนมาลองอีกครั้งแน่นอน
Soimilk Says: งานคราฟต์และความใส่ใจของที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนการทำเครื่องดื่มอย่างเดียว แต่เราชอบที่เขาใส่ใจไปจนถึงตัวสถานที่ เรื่องราวของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ทำให้แต่ละอย่างนั้นมีแบ็กกราวน์ที่แน่น เพิ่มอรรถรสในการดื่มมากขึ้น ส่วนตัวกาแฟหรือขนมคงไม่ต้องยืนยันเรื่องรสชาติกันอีกแล้วเพราะเชื่อว่าหลายคนก็พอรู้อยู่ว่าไว้ใจได้ เห็นว่าบ้านอาจารย์ฝรั่งตั้งอยู่หลังรั้วของเขตทหาร มีทหารเฝ้าประตูอยู่ ก็อย่าเพิ่งลำบากใจไป ขอบอกว่าพวกพี่ ๆ ทหารเขาเป็นมิตรและอำนวยความสะดวกให้กับเราอย่างดีมาก ๆ เลยล่ะ (แต่ที่จอดรถมีไม่มาก ไปช่วงพีค ๆ อย่างเสาร์อาทิตย์ก็เผื่อใจเรื่องที่จอดรถไว้หน่อยนะ)
Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่ง เปิดทุกวัน 7:00 - 19:00 น. โทร. 086-688-5442 ถ. ราชวิถี เชิงสะพานซังฮี้ www.fb.com/craftsmanroastery