Freaking Out The Neighborhood โลคัลบาร์สำหรับนักฟังเพลงสายทางเลือก พร้อมปาร์ตี้แผ่นเสียงที่จะทำให้เพื่อนบ้านทั้งซอยตกกะใจ!

น้อยครั้งมากที่กรุงเทพมหานครจะได้ทำความรู้จักซีนไนต์ไลฟ์ใหม่ ๆ อย่างชาวบ้านที่เมืองนอกเมืองนาเขา โดยเฉพาะในพาร์ต Listening Bar ที่แทบหาไม่มี เพราะปกติบาร์ในกรุงเทพฯ มักมีรูปแบบไม่ค่อยหลากหลายนัก และมักจะจบที่รูฟท็อปบาร์ ร้านเหล้าดนตรีสด หรือไม่ก็เป็นสปีกอีซี่หรูหราหมาเห่าไปเลย นาน ๆ ทีถึงจะมีทางเลือกใหม่ ๆ ไม่ซ้ำใครโผล่มาสักครั้ง

 

นี่เลยเป็นเหตุผลให้เราอยากชวนทุกคนไปทำความรู้จัก Freaking Out The Neighborhood บาร์เครื่องดื่มไซซ์เล็กที่มาพร้อมคอนเซปต์การเป็น Listening Bar ที่ไม่ใช่ตอบโจทย์แค่เหล่านักดื่มเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้นักฟังเพลงสายลึกได้มีซีนช่วงกลางคืนแบบไม่ต้องไปงานคอนเสิร์ต ไม่ต้องไปร้านเหล้าดนตรีสด (ที่เล่นแต่เพลงตลาด) และไม่ต้องถึงขนาดบินหนีไปญี่ปุ่น ก็ได้ไวบ์แบบบาร์แผ่นเสียงสุดคูลได้ แค่ต้องขับรถเข้ามาในตัวเมืองซะหน่อย แถวบีทีเอสทองหล่อนี่เอง!

 

 

 

ด้วยความเป็นซอยเงียบ ๆ ซึ่งเป็นละแวกที่อยู่อาศัย การทุบบ้านไม้หลังเก่าในซอยทิ้งแล้วแทนที่ด้วยอาคารสี่เหลี่ยมทรงคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ แถมตอนกลางคืนก็มีแสงไฟสีประหลาดลอดออกมาผ่านช่องประตู ก็ถือว่าเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสุด ๆ ในการตั้งชื่อร้านว่า 'Freaking Out The Neighborhood' ที่นอกจากเพื่อนบ้านจะช็อกจริง ๆ ตามชื่อร้านแล้ว ชื่อนี้ยังตั้งตามชื่อเพลงของ Mac DeMarco หนุ่มนักร้อง-นักแต่งเพลงสายย้วย ที่แก๊งเจ้าของร้านนี้ชอบมาก ๆ อีกด้วย 

 

 

ไม่เพียงชื่อร้านสุดแหวกแนวเท่านั้น แต่ตึกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เหมือนเป็นตู้เพลงขนาดย่อมจุคนได้หลายสิบนี้ ยังมาพร้อมคอนเซปต์ที่ชวนให้เพื่อนบ้านไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะหลัก ๆ คือเป็น Listening Bar ที่เน้นการเปิดแผ่นเสียงทีเดียวทั้งอัลบัมแบบ Longplay ซึ่งต่างจากบาร์แผ่นเสียงทั่วไปนิดหน่อยด้วยการใช้ Turntable เพียงตัวเดียว ซึ่งก็มีทั้งแนว Shoegaze, Club Music, R&B, Punk ไปจนถึงดนตรีทางเลือกแปลก ๆ หาฟังยากอย่าง Weird Electronic และ World Music กันเลยทีเดียว 

 

แถมยิ่งทำให้เพื่อนบ้านเข้าใจยากไปอีกขั้นด้วยอิเวนต์ประจำสัปดาห์ที่ทำให้ในบางวัน ร้านนี้จะแน่นเอี้ยดไปด้วยลูกค้าเด็กแนว ซึ่งเหมือนเป็นรวมตัวคนรักแผ่นเสียง รักเพลงนอกกระแส และรักวัฒนธรรมการกินดื่มจากทั่วกรุงเทพฯ มาไว้ด้วยกัน

 

 

เคาน์เตอร์บาร์ทรงสูงถือเป็นทำเลทองของโลคัลบาร์สี่เหลี่ยมผืนผ้าแห่งนี้ ซึ่งถ้าคุณเป็นนักฟังเพลงตัวยง เราอยากชวนให้ไปจับจองที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์กันได้เลย เพราะไม่ใช่เป็นมุมที่ดีสำหรับสังเกตการณ์อัลบัมแผ่นเสียงที่เลือกมาเปิดเท่านั้น (ซึ่งมักจะเป็นแผ่นสุดแรร์) แต่เรายังสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนทั้งเรื่องเพลงและเครื่องดื่มของร้านกับเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่จับน้อง ๆ นักดนตรีสายทางเลือกมายืนหลังประจำการหลังบาร์

 

ส่วนใครที่ไม่อยากนั่งเคาน์เตอร์บาร์ ก็สามารถเลือกนั่งทั้งในมุมหว่อง ๆ ริมหน้าต่างที่มีไว้สำหรับคนอยากมานั่งฟังเพลงแบบไม่ต้องคุยกับใคร หรือจะรวมกลุ่มกันนั่งโต๊ะแยกก็ได้เหมือนกัน โดยพื้นที่ที่เหลือของร้านก็สละให้กับชั้นวางขายแผ่นไวนิลจากศิลปินทั้งในและต่างประเทศที่นำเข้าโดยทีม HAVE YOU HEARD? Records และ ไอเทมของที่ระลึกอื่น ๆ อาทิ เสื้อยืด กระเป๋า และโฟโต้อัลบัมจากวงอินดี้นอกกระแสที่รวบรวมมาจากทั่วโลก

 

 

 

ที่ชอบมากคือความจริงจังของการเป็น Listening Bar ที่ไม่อยากให้เหล่าลูกค้าเมามายเสียงดังโวยวายรบกวนเพื่อนบ้าน และที่สำคัญคือไม่อยากให้เมาจนไม่มีสมาธิฟังเพลง! ที่นี่เลยไม่เน้นแฟนซีค็อกเทลหรือเสิร์ฟเบียร์เป็นทาวเวอร์แบบเอาให้หัวทิ่มหัวตำ แต่เน้นไปที่เครื่องดื่มเข้าใจง่ายสไตล์เบสิกดริงก์ อาทิ Freaking Hendricks Gin Tonic (340 บาท) เสิร์ฟพร้อมแตงกวาญี่ปุ่นรัว ๆ และ Americano (300 บาท) คลาสสิกค็อกเทลสัญชาติอิตาเลียนที่เริ่มจากการนำเหล้าคัมพารีมาผสมเวอร์มุท และท็อปด้วยโซดาที่ด้านบน

 

 

ส่วนพาร์ตอาหารที่แยกออกมา ก็มีให้สั่งให้ตั้งแต่เมนูเสียบไม้ย่างสไตล์ญี่ปุ่นจำพวกยากิโทริ ไปจนถึงทีเด็ดประจำร้านอย่าง Sun Dried Beef & Jaew (190 บาท) ที่เป็นสูตรเด็ดจากร้านสเต็กลาว ร้านในตำนานที่สายกินรุ่นเก๋ารู้จักกันดี โดยเฉพาะสูตรหมักเนื้อและสูตรน้ำจิ้มแจ่วที่เป็นสูตรต้นตำรับจากหุ้นส่วนรุ่นแรกที่หาทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

Soimilk Says: เราชอบความรู้สึกสุดแสนโฮมมี่ของบาร์นี้ ที่ให้มู้ดตรงกลางระหว่างการเป็น Local Bar สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มง่าย ๆ ในวันสบาย ๆ และเป็น Listening Bar สำหรับเน้นการฟังเพลงเพลย์ลิสต์แรร์ ๆ เพื่อคอดนตรีสายลึกโดยเฉพาะ ซึ่งเราเชื่อว่านี่จะเป็นการสร้างไวบ์ใหม่ ๆ ให้ซีนไนต์ไลฟ์ของกรุงเทพมหานครได้ไปต่ออีกสเตป แถมด้วยอิเวนต์สนุก ๆ ที่มีตั้งแต่การให้ลูกค้าเอาแผ่นเสียงมาเองจากบ้าน หรือ Release Party ที่จะจัดทุกครั้งในวันปล่อยเพลงใหม่ของศิลปินอินดี้ทั่วโลก อย่างที่มีล่าสุดก็เป็นงานของ Release Party ของ Toro Y Moi ที่มีเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาแผ่นไวนิลอัลบัมใหม่มาเปิดให้ฟังกันทั้งชุด ใครที่อยากแจมอิเวนต์ดนตรีและเครื่องดื่มสนุก ๆ แบบนี้ก็สามารถไปดูตารางกิจกรรมในหน้าเพจร้านได้เลย!