Falcon Secret Bar บาร์ลับสุดหรูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากห้องดื่มลับของพระยาวิไชเยนทร์

พระยาวิไชเยนทร์ดื่มอะไร? เป็นคำถามที่น่าจะข้ามขั้นไปไกลสำหรับนักดื่มมือใหม่ และไม่ใช่แค่ลึกเกินกว่าคนทั่วไปเขาจะถามกันเท่านั้น แต่ถ้าไปถามเพื่อนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของบาร์ลับเปิดใหม่แห่งนี้มาก่อน เพื่อนคงงงเป็นไก่ตาแตก! ซึ่งจุด ๆ นี้ถ้าใครสงสัยใคร่รู้อยากหาคำตอบ เราขอชวนเดินขึ้นบันไดลับบนตึกสูงเสียดฟ้าย่านอโศก เพื่อไขกุญแจย้อนอดีตเกือบ 400 ปี เข้าไปในห้องลับของ พระยาวิไชเยนทร์ พ่อค้าพเนจรและนักเดินเรือชาวกรีก ที่กลายมาเป็นบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ไทยสมัยยุคพระนารายณ์ กันที่บาร์ลับเปิดใหม่ในชื่อ Falcon Secret Bar

 

 

 

Constantine Phaulkon (คอนสแตนติน ฟอลคอน) หรือ พระยาวิไชเยนทร์ มีชีวิตอยู่จริงในช่วงปี ค.ศ. 1647 - 1688 แต่ทำไมเราต้องอยากรู้จักขุนนางคนนี้กันนะ? ถ้าจะตอบคำถามนี้ให้กระชับที่สุด คงต้องย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวการมาถึงของร้าน Marie Guimar (มารีกีมาร์) ร้านอาหารไทยโบราณบนโรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Centre ที่นำสูตรอาหารและขนมไทยจากตำราของแม่นาง มารีกีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) มาเป็นกิมมิกหลัก

 

จุด ๆ นี้เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องเคยดูละครหลังข่าวชื่อดังและคุ้นหูกับชื่อของ Constantine Phaulkon ที่มักพ่วงมากับชื่อของแม่นางมารีกีมาร์เสมอในฐานะคู่รักชาวต่างชาติที่มาพบรักกันในสมัยของพระนารายณ์ เลยเป็นเหตุผลให้ห้องสังสรรค์ลับของพระยาวิไชเยนทร์ซ่อนตัวอยู่ด้านบนของห้องอาหารท้าวทองกีบม้า พร้อมเปิดให้ชาวกรุงเทพมหานครยุคปี 2022 ได้เข้าไปดื่มด่ำเครื่องดื่มแก้วพิเศษกันแบบเอ็กซคลูซีฟแล้ววันนี้

 

 

ซิกเนเจอร์ดริงก์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษของ Falcon Secret Bar ถูกจัดแบ่งหมวดหมู่ตามไทม์ไลน์ของชีวิตพระยาวิไชเยนทร์ผู้ซึ่งเป็นพระเอกของบาร์แห่งนี้ (แม้จะเป็นตัวร้ายในละครหลังข่าวก็ตาม) อย่างที่จะเห็นได้จากดริงก์แก้วแรกที่เราลองสั่ง คือ The Royal (890 บาท) เครื่องดื่มที่แสดงถึงความเฟื่องฟูในยุคพระนารายณ์เมื่อสมัยพระยาวิไชเยนทร์เดินทางมาถึงสยามในปีแรก ๆ โดยมีการจับเอาวัตถุดิบชั้นสูงในสมัยนั้นมาใช้ ทั้ง Iran Saffron ที่ส่งตรงถึงมือกษัตริย์โดยพ่อค้าชาวอิหร่าน เหล้าคอนยัก และ Green Chartreuse จากฝรั่งเศส รวมถึงการแต่งขอบแก้วด้วยผงโกโก้ อันเป็นของหายากและเลอค่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน

 

 

ถัดมาคือ Maria Guyomar De Pinha (420 บาท) เครื่องดื่มจากไทม์ไลน์ในช่วงปี 1680 ซึ่งเป็นปีที่ฟอลคอนได้พบรักกับมารีกีมาร์ โดยจับกิมมิกการเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-โปรตุเกส-บังกลาเทศ ของหญิงสาวหนึ่งเดียวที่ครองใจหนุ่มเจ้าเล่ห์อย่างฟอลคอนได้สำเร็จมาเป็นแรงบันดาลใจหลัก โดยมีการนำเหล้าเมลอนจากญี่ปุ่นอย่างมิโดริมาผสมกับเหล้าจิน น้ำลิ้นจี่ และไข่ขาว ให้รสอ่อนหวานนุ่มคอ สมกับคาแรกเตอร์ของท้าวทองกีบม้าสุด ๆ

 

 

 

เครื่องดื่มในหมวดหมู่สุดท้ายพูดถึงช่วงชีวิตก่อนสิ้นอายุขัยในวัยเพียง 40 ของพระยาวิไชเยนทร์ เริ่มตั้งแต่ French 40 (420 บาท) แก้วที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคลาสสิกค็อกเทลอย่าง French 25 แต่เปลี่ยนเป็นตัวเลข 40 ที่หมายถึงอายุสุดท้ายของพระยาวิไชเยนทร์นั่นเอง โดยตั้งใจออกแบบให้แก้วนี้มีรสเย็นแทรกขึ้นมาจากกลิ่นเมนทอล เพิ่มดีกรีความแรงด้วยวอดก้า เหล้ามะนาวจากอิตาลี และไวน์ขาว กับอีกแก้วที่เราชอบมากคือ Life Path (390 บาท) ซึ่งเป็นการรวมเอารสชาติจากเส้นทางชีวิตอันหลากหลายของฟอลคอนมารวมกันในแก้วเดียว ทั้งไวท์รัมจากฝั่งแคริบเบียน ลิเคียวส้มจากอิตาลี และน้ำมะขามจากฝั่งไทย

 

และนอกจากเหล่าเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นทางชีวิตของฟอลคอนแล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟเมนูอาหารให้ได้ทานเล่นเพลิน ๆ สมการมาเยือนห้องลับของพระยาวิไชเยนทร์สุด ๆ อาทิ Cold Cut Cheese Platter และ Bruschetta ที่นำเมนูอิตาเลียน (ฟอลคอนเคยอาศัยอยู่ในประเทศอิตาลี) มาเสิร์ฟแบบเน้น ๆ ทั้งหน้าซาวร์ครีมกับพาร์ม่าแฮม รวมถึงหน้าวีแกนอย่างเห็ดกับใบไทมส์ ส่วนในช่วงสุดสัปดาห์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี-วันเสาร์ ที่นี่ก็มีวงดนตรีแนวโซลมาเล่นให้ได้รับชมกันสด ๆ ตามสไตล์วงมโหรีประจำบ้านขุนนางใหญ่ด้วยนะเออ

 

Soimilk Says: เราการนำบุคคลสำคัญมาทำเป็นกิมมิกหลักของบาร์ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นจากบาร์อื่น ๆ ถือเป็นความแปลกใหม่ขั้นสุดในวงการดริงก์คัลเจอร์เมืองไทย ซึ่งไม่แค่ตัวกิมมิกของบาร์แห่งนี้อย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราเห็นถึงความจริงจัง แต่ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้โทนสีของเบาะที่นั่ง ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ และที่สำคัญคือการหยิบเอาเรื่องราวบนหน้าประวัติศาสตร์มาไล่เรียงเป็นต้นเรื่องให้เกิดดริงก์พิเศษประจำร้าน ก็ถือเป็นการอัปเลเวลวงการไนต์ไลฟ์เมืองไทยให้เก๋กว่าชาวบ้านเขาไปอีกขั้น!