ข่าวร้ายสำหรับชาวกรุงเทพฯ ส่งท้ายปีนี้คือนอกจากฤดูหนาวจะไม่หนาวอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว แถมประเทศไทยยังติดอยู่ในกลุ่มที่ผจญความร้อนอยู่ที่อันดับ 3 ของโลกแล้วด้วย (อ้างอิงจากเว็บไซต์ eldoradoweather.com) ดังนั้นเรื่องอากาศเย็นสบายอย่างที่เคยพบพานมาในอดีตน่าจะเป็นเพียงฝันไปแล้ว แต่ความเศร้าไม่หมดแค่นั้น เพราะที่พึ่งพิงช่วงสิ้นปีอย่างลานเบียร์ให้เราได้หาอะไรจิบเย็น ๆ แทนลมหนาว กับแลนด์มาร์กของลานเบียร์อย่างหน้า centralwOrld นั้นก็เพิ่งออกมาประกาศว่า "ปีนี้ไม่มีลานเบียร์" นะจ๊ะ
ทั้งนี้ ทางเซนทรัลเวิลด์ออกมาแจ้งว่า ที่งดกิจกรรมลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ปีนี้ เพราะด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่ชวนหัว อย่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเรื่องของการโฆษณา การตีความที่บางทีก็งง ๆ ว่าเอ๊ะ แบบที่ทำอยู่นี้ถือว่าโฆษณาได้ไหมนะ หรือว่าผิด พ.ร.บ. นะ ไปจนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มไม่ได้มองหาลานเบียร์เหมือนวันวานอีกแล้ว แต่จะเลือกไปตามอิเวนต์อื่น ๆ แทน เช่น มิวสิคเฟสติวัล หรือเอาจริง ๆ พื้นที่อย่าง Groove ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ก็ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้แบบไม่ต้องรอเทศกาลลานเบียร์เลยด้วย
แล้วในวันที่กรุงเทพฯ ไม่มีลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์แล้วแบบนี้ (และ "อาจ" ไม่มีลานเบียร์ที่พื้นที่นี้ต่อไปอีกเลยแล้วก็เป็นได้) เราจะไปสนุกสนานที่ไหนได้บ้างล่ะ? ไม่ต้องห่วง เรารวมสถานที่เวิร์ก ๆ มาให้แล้วจ้า
The Commons
ภาพจาก Wisont
สองพี่น้องผู้อยู่เบื้องหลัง Roast คาเฟ่โปรดของชาวทองหล่ออย่าง วรัตต์ และ วิชารีย์ วิจิตรวาทการ ขยับขยายมาสร้าง The Commons คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ลอฟท์ที่เชื้อเชิญให้เราเข้าไปใช้เวลาวันหยุดสบาย ๆ เดินเล่น ชอปปิง และกิน! ไฮไลท์เด็ดคือสเปซส่วนกลางที่เราสามารถซื้ออาหารจากร้านต่าง ๆ ออกมานั่งจอยกันได้แบบชิลล์ ๆ

แน่นอนว่าสเปซชิลล์ ๆ แบบนี้จึงมีร้านนั่งดื่มให้เลือกเยอะพอตัวเลยล่ะ เราขอยกไฮไลต์มาอย่าง The Barrels ที่นี่เขารวบรวมไวน์ชื่อดังมาจากทั่วโลก ซึ่งเราว่าใครชอบดื่มไวน์น่าจะไม่พลาดชวนเดอะแก๊งมาจอยกัน ส่วนใครที่อยากเข้าสู่วงการไวน์ แต่ยังไม่รู้เรื่องไวน์มากนัก ก็สามารถมาที่นี่ได้ เพราะพนักงานที่นี่สามารถแนะนำไวน์ที่น่าสนใจไว้ได้เช่นกัน

แต่ถ้าเป็นสายเบียร์ก็ลองร้อน TBC - The Beer Cab ที่ต้อนรับเราด้วยเคาน์เตอร์ที่ปีะดับไปด้วยฝาเบียร์นับพัน ที่นี่มีทั้วเบียร์แท็บ และคราฟต์เบียร์แบบขวดที่อิมพอร์ตมาจากทั่วโลกให้ได้ลอง ส่วนสายค็อกเทลก็มีร้าน Bar Naam ที่ได้มิกซ์โลโลจิสต์มือดีมาครีเอตเมนูค็อกเทลทั้งคลาสสิคและทวิสต์ให้ได้ลองอีกด้วย
The Commons เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 24:00 น. (ตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดแต่ละร้านในเพจ) ซ.ทองหล่อ 17 BTS ทองหล่อ
72 Courtyard

ลานกว้างและต้นไม้ใบหญ้าประกอบกันเป็น Courtyard สมชื่อ คอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งตั้งอยู่อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 16 และ 18 แห่งนี้เปิดมาสักพักแล้ว และเราก็เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ต้องเคยแวะเวียนไปกันมาสักครั้งสองครั้งแล้วล่ะ

ต้องเรียกว่า 72 Courtyard นั้นครบเครื่องเรื่องนั่งดื่ม (ทั้งชิลล์และแบบเดือด ๆ) อย่างบาร์สุดชิลล์ที่ชื่อ Uncle ซึ่งแตกตัวออกมาจากสาขาแรก ณ ซอยสาทร 12 เราแนะนำให้ลอง Rowdy Tattooed Men (395 บาท) รัมผสมเอสเซนส์ช็อกโกแลตและเนยถั่ว หอมอร่อยจนนึกว่ากินขนมหวานอยู่

ส่วนสายแดนซ์อย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ไม่ได้ลืมคุณ Beam คลับน้องใหม่ที่มาเติมความครึกครื้นให้กับไนท์ไลฟ์ย่านทองหล่อ ถ้าเบื่อ Badmotel หรือ Mellow แล้ว เราแนะนำให้มาลองเต้นบน Body Kinetic แดนซ์ฟลอร์แห่งแรกในเอเชียที่สั่นสะเทือนตามจังหวะเพลง เตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วไปแดนซ์กันให้ลืมตายเลย!

ส่วนคอแจ๊สเราอยากให้ลองแวะไป Evil Man Blues บาร์แจ๊สสุดชิคในบรรยากาศแสงไฟสลัวๆ ที่ได้มิกโซโลจิสต์ Liam Baer มาดูแลเรื่องเครื่องดื่มคราฟต์ค็อกเทล ตัวอย่างซิกเนเจอร์ค็อกเทลชื่อเก๋ของที่นี่ ได้แก่ Honey Badger, Jetlagged และ Self-Adored นอกจากนี้ยังมีร้าน Beer Belly ร้านเบียร์แบบโอเพ่นแอร์ และ Toro สุดยอดบาร์ค็อกเทลจากนิวยอร์คที่เสิร์ฟสแปนิชทาปาสรสเด็ดอีกด้วยนะ
72 Courtyard เวลาทำการ ทุกวัน 10:00-01:00 น. BTS ทองหล่อ
Aqua
ขยับมาฝั่งอารีย์-สะพานควายกันบ้าง นอกจากย่านอารีย์เองที่มีร้านให้นั่งกินดื่มเลือกจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ขยับไปอีกไม่กี่เมตรก็มีคอมมิวนิตี้สเปซที่น่าสนใจ และเปิดมาได้สักพักแล้วอย่างโครงการ Aqua นั่นเอง ซึ่งในตรอกนี้ก็มีร้านที่ดีงามอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

ร้านแรกที่เป็นที่นิยม และหลายคนคงเคยแวะเวียนกันไปบ้างก่อนแล้ว ก็คือร้านสุดซอยอย่าง Old Dirty ต้อนรับเราก้วยการตกแต่งร้านด้วยสีโทนดำ สลับด้วยอิฐส้ส้มให้ดูอารมณ์แวร์เฮาส์นิด ๆ แม้ร้านนี้จะไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ด้วยความที่มีดนตรีสดทุกวัน ก็ทำให้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับความนิยมอยู่เหมือนกัน ส่วนคอเบียร์ก็จัดกันได้ที่ Brewix ที่มาในบรรยากาศไม่ต่างกับ Old Dirty เลย แต่ที่นี่จะเน้นเบียร์จากนานาชาติให้ได้ลองชิมกัน

ส่วนสายค็อกเทลและสเปเชียลตี้ค็อกเทล เราขอแนะนำกับ Honest Mistake เลย ที่นี่คือบาร์ค็อกเทลที่มีฉากหน้าเป็นโรงรับจำนำยุค 40’s อย่างแรกที่เราจะต้องทำก็คือยื่นเงินซี่กรงไม้เพื่อจะได้ถุงใส่เหรียญสีแดงที่จะเป็นบัตรผ่านไปสู่ชั้นต่อไป (ซึ่งนำมาแลกเงินคืนได้ตอนขากลับ) โดยชั้นสามของตัวอาคารจะถูกตกแต่งให้เป็นบ่อนขนาดย่อม ๆ มีบาร์เทนเดอร์คอยบริการปรุงสูตรค็อกเทลสูตรลับอยู่ที่บาร์ และชั้นสี่ที่ถูกตกแต่งด้วยอินสไปเรชั่นจากหนังมาเฟียย้อนยุคจากจีน ทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินไปในหนังเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว

นอกจากที่นี่จะมีการตกแต่ที่ให้ความรู้สึกลักลับแล้ว สิ่งที่พิเศษไม่เหมือนใครเครื่องดื่ม โดยเครื่องดื่มของ Honest Mistake จะถูกแบ่งออกก็สามพาร์ทคือ Complex, Sweet& Sour และ Flavoured Gin&Tonic โดยเมนูที่เราแนะนำเลยก็คือ JuJube (360 บาท) ในหมวดหมู่ Complex ทำออกมาได้รสชาติซับซ้อนแต่ลงตัว ต่อด้วย China Town (360 บาท) เครื่องดื่มสาย Sweet&Sour ซึ่งทานง่ายและเหมาะกับสาว ๆ เป็นที่สุด และสุดท้ายเครื่องดื่มจากหมวดหมู่ Flavoured Gin&Tonic (340 บาท) ที่เอาเหล้าจินไปซูวีด์พร้อมหล่อฮั่งก้วย เก๊กฮวย หญ้าเฉาก๊วย และผสมด้วยไซรัปจับเลี้ยง รับรองว่าถูกใจทุกคนแน่นอน
โครงการ Aqua ถ.พหลโยธิน เวลาทำการ ทุกวัน 10:00-02:00 น. BTS สะพานควาย
Groove
ภาพโดย Archdaily
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Groove @ centralwOrld และนี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เซ็นทรัลเวิลด์ไม่มีลานเบียร์ในปีนี้ (และเผลอ ๆ ก็รวมถึงปีต่อ ๆ ไปด้วย) นี่คือแหล่งแฮงค์เอาต์ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร เป็น Lifestyle Dining & Gastro Bar นานาชาติที่ขนแบรนด์ดังระดับโลกมารวมกัน ที่ภายนอกตกแต่งสไตล์ Futuristic แต่ข้างในหยิบเอาวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และต้นไม้ เพิ่มความร่มรื่นมาตกแต่ง

และร้านสุดฮิตในเวลานี้ของ Groove ต้องยกให้ ชงเจริญ ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีการตกแต่งร้านเน้นไปทางแนว Chinese Street ให้อารมณ์แบบถนนยามค่ำคืน แถมมีดนตรีสดมาให้ฟังกันอีกด้วย และที่สำคัญเขาเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนเลยนะ ซึ่งชื่อร้านเด่นถึงเรื่องเอ้าชนนน! ขนาดนี้ ถ้าไม่พูดถึงค็อกเทลคงไม่ได้ เพราะเครื่องดื่มของทางร้านก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่สำหรับสายแฮงค์เอาต์แล้วเราขอแนะนำ Flaming Lamborghini (480-1850 บาท) เหล้าจุดไฟที่บอกเลยว่าต้องมาลองสักครั้ง และ 7สี 7ศอก Rainbow (950 บาท) นอกจากสีสวยแล้วยังอร่อยอีกด้วย

นอกจากนี้ที่ Groove ยังมีร้านฮอต ๆ อีกมากมาย อย่างที่ชั้น 2 ก็มีร้าน Hiyaku ร้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น (แต่เปิดเพลง EDM แน่นเวอร์) ที่เรียกว่าถ้าไปหลัง 1 ทุ่มก็คือโต๊ะเต็มแล้ว, ร้านอิซะกะยะยอดฮิตจากอโศกอย่าง Kenshin Izakaya ก็มาเปิดสาขาที่นี่เช่นกัน ใครชอบดื่มเบียร์รสชาติต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ญี่ปุ่นน่าจะไม่พลาดที่นี่
ส่วนที่ชั้น 1 ก็มีทั้ง HOBS สำหรับคอเบียร์, Wine I Love You และ The Grill By Wine Connection สำหรับคอไวน์, 1881 Bar and Restaurant by Water Library และร้านอื่น ๆ อีกเยอะแยะ
Groove ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เวลาทำการ ทุกวัน 10:00-00:00 น. BTS ชิดลม/สยาม
ซอยนานา
ซอยนานาฝั่งเจริญกรุงแถบเยาวราชนับวันยิ่งเพิ่มความฮิปขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยบรรดาบาร์และร้านอาหารรุ่นใหม่รวมทั้งแกลเลอรี่และอาร์ตสเปซ และการมาถึงของ MRT สถานีวัดมังกร ก็ยิ่งทำให้เราไปซอยนานาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก จนทำให้ซอยนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่แฮงค์เอาต์ในวันที่อยากชิลล์ได้สบาย ๆ เลย

ลองแวะ Pijiu Bar บาร์ในบรรยากาศห้องแถวแบบดั้งเดิม บาร์คราฟต์เบียร์แห่งใหม่มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และป้ายไฟนีออนแบบวินเทจที่ทำให้นึกถึงล็อบบี้โรงแรมสมัยก่อน และยังมีกระจกหน้าร้านบานใหญ่ที่ให้รู้สึกเหมือนนั่งแฮงค์เอาต์กันอยู่ในบรรยากาศติดถนนไปพร้อมกับเสียงเปียโนเพลิน ๆ ที่นี่มีเบียร์หลายชนิดให้เลือกในราคามิตรภาพ โดยที่แท็ปจะหมุนเวียนเบียร์หลายชนิดอย่างเช่น เบียร์ Lager เม็กซิกันอย่าง Los Locos Mexican และ Tuatara Weiz Guy Hefeweizen (ราคา 260-290 บาท/500ml)

นั่งชิลล์กันต่อที่ Ba Hao (อ่านว่า ปา เฮ่า หมายถึงหมายเลข 8) เริ่มต้นจากการที่กลุ่มเพื่อน 6 คนที่ต่างใช้ความสามารถในแบบต่างๆ ของตัวเองมาปรับปรุงตึกเก่าในหัวมุมถนนนานาตัดกับซอยพันธ์จิตต์ และถนนไมตรีจิตต์ ให้กลายเป็นที่ๆ เราอยากไปทิ้งตัวทั้งวัน เพราะที่นี่เป็นทั้งบาร์เสิร์ฟค็อกเทล และคราฟต์เบียร์ พร้อมอาหารจีนสไตล์ comfort food และชั้นบนยังเป็นที่พัก Airbnb ที่สวยบาดใจไปในตัวด้วย

เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งบาร์ไทยอย่าง เทพบาร์ กันไหม? ในสายตาคนทั่วไป ดนตรีไทยอาจดูเป็นของขึ้นหิ้งหรือเฉิ่มเชย แต่เมื่อระนาดเอกมาบรรเลงในเทพบาร์ ดนตรีไทยก็ชิค ๆ คูล ๆ ขึ้นมาในพริบตา เราชอบบาร์ไซซ์เล็กในซอยนานาแห่งนี้มาก ด้วยการตกแต่งสไตล์รัสติกผสมกับเอเลเมนต์แบบไทย ๆ ให้กลิ่นอายไทยร่วมสมัย ไฮไลต์เด็ดคือที่นี่เสิร์ฟยาดอง 3 สูตรเด็ด ได้แก่ พระอภัยมณี ราชสีห์คำราม และกากี (200 บาท) ถ้าอยากลองให้ครบก็สั่งเป็นยาดองชุด (350 บาท) ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีค็อกเทลแปลกใหม่ที่ผสมผสานยาดองและรัมไทยเข้ากับ เช่น สงกรานต์ (280 บาท) และนิลพัท (350 บาท)

เราอยากชวนคนเหงาไป ‘กระทำความหว่อง’ ที่ Teens of Thailand เพราะเพียงบาร์ไซซ์จิ๋วแค่ 1 คูหานี้มีมวลบรรยากาศคล้ายหนังของผู้กำกับสไตล์จัด หว่อง กา ไว ด้วยแสงอึมครึม ผนังปูนเปลือย เก้าอี้ไม้ และเปียโนที่วางอยู่ริมผนัง จุดเด่นของที่นี่คือเป็นจินบาร์ โดยเฮ้าส์แบรนด์คือ Hanami หอมกลิ่นดอกซากุระ แต่ถ้าอยากลองแบรนด์อื่นก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน

ต่อกันกับบาร์พี่บาร์น้องของ Teens of Thailand กับ Asia Today ถึงป้ายไฟนีออนในร้านจะบอกชัดเจนมากว่า This bar is better than Teens of Thailand แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองร้านนี้ไม่ได้เกลียดกันขนาดนั้น (เพราะเขาเป็นทีมเดียวกันต่างหาก) สูตรค็อกเทลของร้านนี้เลยถูกครีเอตโดย คุณนิก-ณิกษ์ อนุมานราชธน มิกซ์โซโลจิสต์ท็อปฟอร์มอันดับต้น ๆ ที่เคยพา Teens of Thailand ชนะรางวัล Bar Award จาก BK Magazine มาแล้ว! นอกจากนั้นยังได้ คุณตุ่น-เกียรติคุณ เอื้องคำ จาก Bunker มายืนเป็นเฮดบาร์เทนเดอร์ให้ด้วย
ซ.นานา ถ.ไมตรีจิตต์ เวลาทำการ ตรวจสอบเวลาทำการของแต่ละร้านโดยตรง MRT วัดมังกร
ลานเบียร์ที่อื่น

ที่สุดท้ายที่อยากแนะนำก็คือสัจธรรมของคนรักลานเบียร์มาก ๆ เพราะอันที่จริงมันไม่ใช่ว่าจะอยากไปนั่งดื่มอะไรหรอก แต่ที่โหยหาลานเบียร์เพราะคิดถึงบรรยากาศของลานเบียร์ต่างหากล่ะ นัดเพื่อน รวมตัว สั่งเบียร์สักหนึ่งทาวเวอร์ เดินไปซื้ออาหารตามบูทที่มาออกร้าน แล้วฟังดนตรีสดไป คุยเล่นกับเพื่อนไป ท่ามกลางอากาศเกือบหนาวของบ้านเรา นี่แหละที่เรากำลังตามหา
ซึ่งในความหมายของ "ไม่มีลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์" ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีลานเบียร์ที่อื่น ๆ นะ ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งหน้าศูนย์การค้า หรือย่านท่องเที่ยว ก็ยังคงมีลานเบียร์ให้บริการอยู่เช่นเดิม อาทิ เอเชียทีค, ล้ง 1919, ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเดอะสตรีต, ลานด้านหน้าอาคารสาทรสแควร์ เป็นต้น