Cat on the Roof MBK จากแมวเจ้าถิ่นย่านสะพานควาย สู่เสือตัวใหม่แห่งวงการกินดื่มย่านสยาม-มาบุญครอง

ถ้าพูดถึงชื่อ Cat on the Roof แล้วให้ระบุชนิดของเจ้าแมวบนดาดฟ้าตึกตัวนี้ เราคงต้องเรียกว่านี่คือ 'มาเฟียแมวแห่งวงการกินดื่มย่านสะพานควาย' ที่ต้องยกเครดิตให้เขาจริง ๆ จากการเป็นร้านนั่งชิลล์บนรูฟท็อปร้านแรกของย่านสะพานควาย ที่พลิกโฉมให้ย่านธรรมดา ๆ ย่านนี้กลายมาเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ที่คราคร่ำไปด้วยสายดื่มและนักเที่ยวกลางคืนที่ฮอตฮิตที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ 

 

และถ้าจะให้เปรียบเทียบกับแมวเจ้าถิ่นทั่วไป เราคงต้องบอกว่าเจ้าแมวตัวนี้มันใจกล้าบ้าบิ่นมาก ๆ ที่หลังจากกระโดดข้ามตึกไปสร้างแลนด์มาร์กใหม่ในชื่อ Cat's Away ตรงตึกติดกันในย่านสะพานควายมาเมื่อ 2 ปีก่อน ปีนี้เขาก็พาเหล่าลูกสมุนแมวยกแก๊งมาสร้างอาณาจักรใหม่กันที่ทำเลทองอันดับ 1 ใจกลางเมืองอย่าง ห้างมาบุญครอง (MBK) บนพื้นที่สกายวอล์กที่มาบุญครองทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่อแปลงโฉมให้กลายเป็นหมุดหมายใหม่สำหรับสายตี้ สายกินดื่ม และสายแฮงก์เอาต์ตัวจริงแห่งย่านสยามสแควร์

 

 

 

เสียงเพลงจากวงดนตรีสดแว่วเข้าหูเรามาแต่ไกล ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูทะลุออกมาจากฝั่งด้านในห้างมาบุญครอง ซึ่งทำเลหัวมุมสกายวอล์กของ Cat on the Roof MBK ถือเป็นทำเลทองของสเปซเปิดใหม่แห่งนี้เลยก็ว่าได้ โดยถ้าใครอยากนั่งชิลล์รับลม (ไม่อยากคิดถึงความฟินช่วงหน้าหนาวเลย!) ก็สามารถนั่งโต๊ะด้านหน้าร้าน ที่มาพร้อมบรรยากาศชีวิตคนเมืองยามค่ำคืนที่ไม่มีวันหลับใหล สามารถเห็นมูฟเมนต์คนเดินผ่านไปผ่านมา และแสงสียามค่ำคืนของย่านสยามสแควร์ได้ชัดถนัดตา 

 

 

ส่วนใครชอบฟีลลิ่งเย็น ๆ แบบอินดอร์ ก็สามารถเลือกจับจองที่นั่งด้านในเพื่อเอ็นจอยกับวงดนตรีสดในทุกค่ำคืน (ได้ข่าวไลน์อัปแน่นมาก ตั้งแต่แก๊ง The Voice ยันวงดัง ๆ ก็แวะเวียนมาเล่นทุกสัปดาห์) ซึ่งว่ากันว่าสาขานี้ของ Cat on the Roof คือสาขาที่เครื่องเสียงจัดเต็มที่สุด ระดับที่เปิดคอนเสิร์ตจริงจังเลยยังได้! ส่วนโซนที่นั่งก็ตั้งใจทำให้มีความแกรนด์และดูเป็นทางการขึ้นกว่าสาขาสะพานควาย เพื่อรองรับนักท่องราตรีคนเมืองให้ได้นั่งชิลล์กันแบบไม่อึดอัด พร้อมความไฮโซขึ้นไปอีกด้วยที่นั่งโซนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ และเลานจ์ VIP ด้านบนที่ยกสเตปสูงขึ้นกว่าที่นั่งทั่วไป ให้สามารถมองเห็นเวทีที่อยู่อีกฝั่งของร้านได้อย่างชัดเจนเต็มจอ

 

 

นอกจากแผนผังร้าน ซาวนด์ดนตรี และอินทีเรียร์ที่ดูหรูหราหมาเห่าขึ้นแล้ว สิ่งที่ทำให้เลอค่าสมมงการมาบุกสยามทั้งทีของแก๊งแมวแก๊งนี้ คือการจริงจังเรื่องเมนูอาหารที่เสิร์ฟมากขึ้น อาทิ ข้าวโพดหวานทอด (95 บาท) กับแกล้มที่เข้ากันได้ดีมาก ๆ กับเครื่องดื่มอย่างค็อกเทลและเบียร์สด รวมถึงหมวดหมู่ม็อกเทลที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับสาขานี้โดยเฉพาะอย่าง Party Island (150 บาท) เครื่องดื่มสำหรับสับปะรดเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ ให้ฟีลนั่งจิบดริงก์อยู่ริมหาดเก๋ ๆ

 

 

 

หรือถ้าใครเลิกงานแล้วหิวไม่ไหว ก็สามารถสั่งเมนูเมนคอร์สจัดหนักที่มีตั้งแต่ ยำหมูย่างหมี่ขาว (160 บาท) อาหารลูกครึ่งไทย-เวียดนาม ที่รสจัดจ้านกำลังพอดี ไม่หนักเกิน รวมถึง ข้าวไข่ข้นกุ้งพริกเกลือ (150 บาท) ที่นำกุ้งเนื้อแน่นไปคั่วกับพริกเกลือพอหอม ก่อนจะเสิร์ฟคู่กับไข่ข้นแสนครีมมี่ และสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (160 บาท) เมนูพาสต้าขวัญใจเด็กอ้วน ที่ได้เฮดเชฟฝีมือดีมาช่วยรังสรรค์สูตรให้หมดทุกเมนู

 

Soimilk Says: เราเชื่อว่าสาขาน้องใหม่ของทีมแมวยักษ์ที่ผ่านประสบการณ์อันแสนโชกโชนทีมนี้ ถือเป็นการเซตสแตนดาร์ดใหม่ให้กับบรรดาร้านกินดื่มนั่งชิลล์ ที่ต้องครบเครื่องขึ้นอีกหลายเลเวลถึงจะมาท้าชนกับแมวเจ้าถิ่นตัวนี้ได้ ทั้งในเรื่องเมนูอาหารที่พร้อมพรั่ง รวมทั้งซาวนด์ดนตรีที่ทั้งแน่น ทั้งจัดเต็มจนแทบจะเรียกว่าเป็นไลฟ์เฮาส์เลยก็ได้ เอาเป็นว่าดีงามสมการมาถึงสยามทั้งทีของแบรนด์ร้านกินดื่นแบรนด์นี้เขาแหละ เชื่อว่านี่คือพิกัดที่จะตอบโจทย์ชาวไนต์ไลฟ์กลางกรุงได้อย่างครบถ้วนที่สุด ณ วินาทีนี้เลยทีเดียว!