เพลงคลาสสิกที่ดื่มได้! ชวนทุกคนไปไขคีย์โน้ตเพลงคุ้นหูจากคอนเซปต์ใหม่ของร้าน The Key Room No.72

The Key Room No.72 คือหนึ่งในร้านค็อกเทลแบบสปีกอีซี่ไม่กี่ร้านที่เราสามารถเรียกว่า 'บาร์ลับ' ได้อย่างเต็มปาก เพราะถึงแม้จะตั้งอยู่ในชั้นล็อบบี้ของพิกัดสุดฮิปย่านอารีย์อย่าง Josh Hotel ก็ตาม แต่การจะเข้าไปนั่งในร้านนี้ได้ จะต้องเริ่มจากหาประตูลับให้เจอก่อนที่จะไขกุญแจพิเศษเพื่อเปิดเข้าไปในห้องลับนี้เท่านั้น

 

หลังจากกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง The Key Room No.72 มาพร้อมคอนเซปต์ใหม่หมด ซึ่งได้ คุณฝาเบียร์ สุชาดา โสภาจารี เฮดบาร์เทนเดอร์เบอร์เก๋า ที่ย้ายจากโซนสุขุมวิทมาประจำการอยู่โซนอารีย์ มาช่วยออกแบบและรังสรรค์ค็อกเทลเซตใหม่ล่าสุดที่พ่วงมากับการตีความคำว่า 'Key' ในแบบที่แตกต่างออกไป โดยเลือกก้าวข้ามกิมมิกหลักของร้านอย่าง 'กุญแจ' ไปเล่นกับคอนเซปต์ใหม่อย่าง 'The Key of Note' แทน!

 

 

ความล้ำของค็อกเทลเซตใหม่นี้ คือการหยิบเอาคีย์โน้ตเพลงตั้งแต่คีย์ A ยันคีย์ G มาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อรังสรรค์เครื่องดื่มที่รสชาติไม่เหมือนใคร อย่างแก้วแรกที่พี่ฝาเบียร์แนะนำให้ลองคือ Key A (420 บาท) ที่นำเพลง Für Elise ของศาสดาแห่งเพลงคลาสสิกโลกอย่าง บีโทเฟน มาตีความใหม่ ซึ่งพี่ฝาเบียร์อธิบายว่า เวลาเราฟังเพลงนี้ เรามักจะนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูที่กำลังเต้นบัลเลต์อยู่ เลยเป็นที่มาให้ดริงก์แก้วนี้มีสีชมพูจากเหล้าจินและคอร์เดียลองุ่นแดง พร้อมรสหวานหอมจากไซรัปเชอร์รี ท็อปด้านบนด้วยแคนดี้สีชมพูเข้ม และเลือกเสิร์ฟมาในแก้ว Rocking Glass คล้ายกับอยากให้ค็อกเทลแก้วนี้สามารถเต้นบัลเลต์ได้ด้วยตัวของมันเอง

 

 

 

ถัดมาติด ๆ เป็นแก้วที่ตีความจากบทเพลงดังใน Key B (420 บาท) ที่เลือกเล่นกับที่มาของเพลง Piano Concerto ซึ่งมีนักประพันธ์เป็นชาวรัสเซีย ดริงก์แก้วนี้เลยมีเบสเป็น Russian Standard Vodka ที่ไปได้ดีมาก ๆ กับเชอร์รีเชื่อมและเก๊กฮวย ส่วนอีกแก้วที่ตีโจทย์ The Key of Note ได้แตกมาก ๆ ขอยกให้กับ Key C (420 บาท) แก้วที่ทำให้บทเพลงออร์เรสตราบันลือโลกอย่าง Symphony No.5 ของบีโทเฟนมีรสชาติขึ้นมาจริง ๆ โดยเลือกตีความออกมาเป็นรสชาติฟรุตตี้เปรี้ยวหวานจากองุ่นเคียวโฮ เพิ่มความครีมมี่ด้วยไข่ขาวและสเปรย์โยเกิร์ต พร้อมแต่งลายด้านบนแก้วด้วยรหัสมอร์สที่แปลว่าชัยชนะอีกด้วย

 

 

ส่วนแก้วที่เราชอบที่สุดในเซตนี้ ขอยกให้กับ Key F (420 บาท) ค็อกเทลที่ตีความเพลง Winter ในคีย์ F Minor ได้หนาวเย็นยะเยือกสมชื่อ เริ่มตั้งแต่รสชาติเย็นแบบเผ็ด ๆ จากการนำใบเนียมไปแช่ในเหล้าจิน ให้กลิ่นอะโรม่าด้วยลิเคียวมะกรูด และสโมกควันไม้แอปเปิลมาก่อนเสิร์ฟ เพื่อเพิ่มฟีลลิ่งความหนาวเย็นแบบจี๊ดถึงขั้วหัวใจ

 

Soimilk Says: เรียกได้ว่านี่คือขั้นกว่าของบาร์ค็อกเทลในย่านอารีย์ที่ไม่ได้สวยแค่หน้าตาร้าน แต่ยังตีความคอนเซปต์ออกมาได้อย่างละเอียดลึกซึ้งทุกดีเทล ชอบที่ในบางช่วงทางร้านจะเปิดเพลงคลาสสิกในแต่ละคีย์ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้การกินค็อกเทลแกล้มโน้ตดนตรีของที่นี่หรูหราหมาเห่าขึ้นไปอีกขั้น แถมตอนนี้สั่งอาหารจากฝั่ง Silver Plate ของโรงแรม Josh Hotel มาทานในร้านได้แล้วด้วยนะ!