รู้หรือไม่ว่าต้นไม้ต้นแรกเกิดขึ้นเมื่อโลกเราอายุกี่ปี? คำตอบคือ โลกเราต้องใช้เวลานานถึง 4,000 ปีกว่าที่ต้นไม้ต้นแรกจะถือกำเนิด อย่าว่าแต่ 4,000 ปีเลย ลองจินตนาการถึงโลกอันแห้งไร้สีเขียวที่มนุษย์จะต้องทนอยู่ แค่ 4 ปีก็คงเป็นอะไรที่ยากเย็นเกินรับไหวแล้ว และหากต้นไม้แห่งชีวิตคือของขวัญจากพระเจ้า มนุษย์เรา -หมายถึงคุณ ใช่คุณนั่นแหละ- ยังอยากทำตัวเป็นคำสาปของพระเจ้าอยู่ไหม?
อะไรคือสาเหตุของไฟป่าแอมะซอน?
ถึงแม้สาเหตุหลักที่ทุกคนทั่วโลกก่นด่าจะมาจากการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศของประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ซึ่งมาพร้อมกับอัตราการทำลายป่าในเดือน มิ.ย. 2562 เพิ่มขึ้นถึง 84% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ประกอบกับสภาพภูมิอากาศทางตอนใต้ของป่าแอมะซอนที่ไม่มีฝนตกมานานกว่า 3 เดือนแล้ว
แต่หากลองมองย้อนกลับมาดูที่สาเหตุโดยรวมแล้ว ก็คงต้องโทษว่าเราเองก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุของสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกจนส่งผลต่อป่าแห่งนี้เช่นกัน ทั้งความต้องการในการบริโภคที่มากขึ้น ผลิตภัณฑ์จากต้นไม้ที่มนุษย์ต้องการใช้ประโยชน์อย่างไม่หยุดหย่อน รวมถึงการเพิกเฉยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของมนุษยชาติที่จริง ๆ ก็คือเป็นกันมาตั้งแต่รุ่นทวดโน่นแล้ว เพราะฉะนั้นแทนที่จะหาใครมารับผิดชอบ เราว่าจริง ๆ แล้วควรเอาเวลาไปหาวิธีป้องกันและแก้ไขอย่างยั่งยืนจะดีกว่า

ภาพแสดงการบุกรุกป่าใน Porto Velho เมื่อ 21 ส.ค. 62 เครดิตภาพ: Ueslei Marcelino / Reuters
ไฟไหม้ครั้งนี้เราสูญเสียอะไรบ้าง?
- แน่นอนว่าพื้นที่สีเขียวของผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกำลังจะถูกลดทอนพื้นที่ไปตามความเร็วของแรงลมและไฟที่โหมกระหน่ำ ในทุก ๆ 1 นาที พื้นที่ป่าแอมะซอนขนาด 1 สนามฟุตบอลจะถูกทำลายจากเปลวเพลิง
- พื้นที่กว่า 3 ล้านไร่ของป่าแอมะซอนเป็นปอดที่ยังคงผลิตก๊าซออกซิเจนให้โลกใบนี้มากถึง 20% ต่อปี หายนะของไฟป่าครั้งนี้คือปริมาณออกซิเจนทั่วโลกที่จะลดลงอย่างน่าใจหาย
- นอกจากผลิตออกซิเจนแล้ว ป่าแอมะซอนยังเป็นพื้นที่กักเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คิดเป็นปริมาณเฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านตัน ไฟป่าครั้งนี้จึงหมายถึงการขาดสมดุลทางสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลไปทั่วโลกในเร็ววันนี้ เหมือนกับเป็นวงจรอุบาทว์ที่สร้างให้โลกร้อนขึ้น ผืนป่าแห้งแล้งขึ้น จนเกิดเป็นไฟป่าระลอกใหม่ในครั้งถัดไป และส่งผลกลับเป็นลูปเดิมให้โลกร้อนขึ้นไปอีก และไฟป่ารุนแรงขึ้นไปอีกในปีถัด ๆ ไป

เครดิตภาพ: Ueslei Marcelino / Reuters

- ป่าแอมะซอนได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์จำนวนถึง 1 ใน 10 ของทุกชนิดบนโลก อีกทั้งยังเป็นที่อยู่ของพืชอีกกว่า 40,000 สายพันธุ์ บ้านของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้กำลังจะหายไปโดยเปลวเพลิงหายนะที่พวกมันไม่ได้ก่อ

เครดิตภาพ: Miranda/FUNAI/www.uncontactedtribes.org
- ชนเผ่าพื้นเมืองกว่า 1 ล้านคน ยังคงใช้ป่าแอมะซอนเป็นที่อยู่อาศัยและดำรงชีพ ที่แห่งนี้คือบ้านแห่งเดียวที่พวกเขารู้จักและสั่งสมอารยธรรมมานานหลายพันปี คุณคิดว่าคนเหล่านี้จะอพยพไปอยู่ที่ไหนในเมื่อพวกเขาไม่เข้าใจภาษา วัฒนธรรม และเทคโนโลยีจากโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย
ภัยพิบัติที่พร้อมจะทวีคูณ
อย่างที่เรารู้กัน ว่านี่คือ ‘ไฟป่าครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ป่าแอมะซอน’ ซึ่งความพีคแรกของไฟป่าครั้งนี้คือกลุ่มควันขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยทั้งประเทศที่กำลังลอยไปปกคลุมเมืองเซาเปาโลอยู่ในขณะนี้และทำให้เกิดไฟดับเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และสามารถทวีคูณเป็นปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้ในที่สุด
Just a little alert to the world: the sky randomly turned dark today in São Paulo, and meteorologists believe it’s smoke from the fires burning *thousands* of kilometers away, in Rondônia or Paraguay. Imagine how much has to be burning to create that much smoke(!). SOS pic.twitter.com/P1DrCzQO6x
— Shannon Sims (@shannongsims) 20 สิงหาคม 2562
หากคุณคิดว่านี่คือภัยพิบัติอันร้ายแรงที่สุด เราขอยกมือขึ้นมาในท่าปางห้ามญาติเพื่อหยุดความคิดคุณก่อนได้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หรือแม้กระทั่งไฟป่าครั้งใหญ่ยาวนานติดกันถึง 3 สัปดาห์บนผืนป่าแอมะซอนในครั้งนี้ก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสียงกู่ร้องเตือนภัยระลอกแรกจากดาวเคราะห์ที่ทุกคนเรียกว่าโลกเท่านั้น ดังที่ NASA ได้กล่าวไว้ ว่านี่เป็นเพียงแค่ 'An Alarm Rate' ก่อนหายนะอื่นที่กำลังจะตามมา

เครดิตภาพ: Ueslei Marcelino / Reuters
โดยสิ่งที่ตามมาอาจร้ายแรงได้ถึงขั้นการล่มสลายของระบบนิเวศ และหากในกรณีอัตราเฉลี่ยอุณหภูมิทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียสทุกปี นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นผิวโลกอย่างถาวร โลกเราจะกลายเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ที่ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิด 'สูญพันธุ์'
แฮชแท็กไม่ช่วยดับไฟ จงพุ่งตัวไปบริจาค
รู้หรือไม่? จริง ๆ แล้ววันนี้ (23 ส.ค.) คือวัน Official Hashtag Day หรือวันแห่งแฮชแท็กโลก การติดแฮชแท็ก #PrayforAmazonia และ #PrayforAmazonas ถึงจะเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนทั่วโลกหันมาสนใจเสียงเตือนของธรรมชาติกันมากขึ้นก็จริง แต่หากคุณเชื่อว่าเพียงแค่การติดแฮชแท็กจะช่วยแก้ปัญหาและเป็นทุกอย่างที่คุณทำได้ คุณคิดผิด เพราะแฮชแท็กไม่เหมือนการติดยันต์ มันดับไฟไม่ได้ และแน่นอนว่าการดับไฟต้องใช้เงิน

สิ่งที่ทั่วโลกต่างเปรียบเทียบ คือเหตุการณ์เมื่อครั้งไฟไหม้มหาวิหาร Notre Dame ที่พุ่งทะลุถึง 25,165 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่เมื่อนำมาเทียบกับเพลิงนรกที่กำลังเผาไหม้ปอดของโลกอยู่ยาวนานกว่า 3 สัปดาห์ เพื่อนร่วมโลกอย่างเราควรถึงเวลายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแล้วหรือยัง?
- หากคุณคลิกเข้าไปที่ Rainforest Action Network คุณสามารถบริจาคเงินเพื่อช่วยปกป้องบ้าน วัฒนธรรม และรากประวัติศาสตร์บนพื้นที่ในป่าแอมะซอนของชาวพื้นเมืองได้ เพราะองค์กรการกุศลนี้จะช่วยเข้าไปดูแลพื้นที่อยู่อาศัยของชาวพื้นเมืองให้ปลอดภัย โดยไม่เข้าไปรุกรานความเป็นอยู่ของชาวบ้านแต่อย่างใด
- ที่ Rainforest Trust คุณสามารถร่วมบริจาคเพื่อระดมทุนซื้อที่ดินรอบ ๆ บริเวณป่าแอมะซอนกลับคืนจากนายทุนและรัฐ โดยตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 เป็นต้นมา องค์กรนี้สามารถซื้อที่ดินกลับคืนมาได้กว่า 58 ล้านไร่เลยทีเดียว
- เว็บไซต์ Amazon Watch มีให้กดบริจาคเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือชนเผ่าพื้นเมืองให้ได้รับสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมาย และเฝ้าระวังการเปลี่ยนเปลงสภาพอากาศในทุก ๆ ระยะบนผืนป่าแอมะซอน
- บริจาคให้ Amazon Conservation Team ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมอนุรักษ์ผืนป่าแอมะซอนที่ใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งในโลก เงินของคุณจะถูกนำไปรณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยเหลือชนเผ่าพื้นเมือง และป้องกันผืนป่าแอมะซอนจากนักลงทุนและผู้รุกล้ำ
- ที่ Amazon Conservation คุณสามารถเช็คได้อย่างละเอียดว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของคุณถูกใช้ไปกับกิจการใดบ้าง หลัก ๆ ก็คือเอาไปใช้เป็นต้นทุนปลูกต้นไม้กลับคืนให้ป่าแอมะซอน สนับสนุนเรื่องการศึกษาให้ชนเผ่าในพื้นที่ ซื้อแผงโซลาร์เซลล์ที่จำเป็นต่อารดำรงชีพในป่าอย่างยั่งยืน และปกป้องพื้นที่ของชนพื้นเมืองจากการรุกล้ำที่ของนายทุน
- ปลูกต้นไม้ทางไกลได้ที่ One Tree Planted ซึ่งจะนำเงินของคุณไปใช้เป็นต้นทุนในการปลูกป่าทดแทนทั่วโลก รวมถึงป่าแอมะซอนด้วย ที่น่ารักคือเขาจะมีอัปเดตให้ว่าต้นไม้ที่คุณช่วยบริจาคนั้นสร้างประโยชน์ให้ชุมชนได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว เช่นผลิตก๊าซออกซิเจนออกมาเท่าไหร่แล้ว ซับน้ำฝนและคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากเท่าไร เป็นต้น
- ส่วนสายรักสัตว์ เชิญพุ่งตัวไปกดบริจาคได้ที่ World Wide Fund for Nature ซึ่งรู้จักกันดีในฐานะองค์กรปกป้องสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ทุกชนิดทั่วโลก รวมถึงในเขตป่าแอมะซอนด้วย
จุด ๆ นี้ก็คือเลือกมูลนิธิและจำนวนเงินบริจาคกันได้ตามจิตศรัทธา ความเก๋คือถ้าเช็คดูดี ๆ เงินบริจาคในบางองค์กรสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยเด้อ!
แถมให้อีกนิดสำหรับช่องทางง่าย ๆ ที่เราสามารถช่วยเหลือโลกได้แบบไม่ต้องใช้เงิน
- เข้าไปที่ Ecosia.org นางเป็นเว็บไซต์ Search Engine ที่จะบริจาคเงินเพื่อปลูกต้นไม้ในทุก ๆ 45 รายการที่เรากดปุ่มเสิร์ช
- ก่อนใช้กระดาษในแต่ละครั้ง เราสามารถเช็คได้ด้วยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อนุรักษ์ป่าหรือไม่ที่ Rainforest Alliance
- ลงชื่อใน Change.org เพื่อช่วยทนายความคนหนึ่งในเมือง Rio Branco เพื่อสืบสวนคดีไฟไหม้ป่าแอมะซอนในครั้งนี้ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 84% จากปีก่อนอย่างมีพิรุธสุด ๆ
แน่นอนว่าการบริจาคในครั้งนี้ของคุณจะสามารถต่ออายุให้โลกนี้ไปได้อีกนิด เพิ่มพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อีกหน่อย ซึ่งหากทุกคนบนโลกตระหนักถึงปัญหานี้ว่ามันไม่ใช่ความรับผิดชอบของใคร องค์กรใด หรือหน่วยวิจัยไหน หากแต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะพลเมืองโลก เราเชื่อว่าเงินทุนและการบริจาคนี้อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้จริงในอนาคต
Sources: