แม้เราจะใช้ชีวิตอยู่บนเส้นสุขุมวิทอยู่ไม่น้อย และอัปเดตย่านต่าง ๆ บนถนนเส้นนี้มามากมาย ไล่ไปตั้งแต่หลังสวน วิทยุ อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย พระโขนง ไปจนถึงย่านเกิดใหม่อย่างปุณณวิถี แต่ย่านอ่อนนุชที่เคยเป็น (อดีต) สถานีสุดท้ายของรถไฟฟ้า BTS นั้นก็เหมือนจะเป็นย่านที่เราเผลอเลย (หรือไปไม่ถึง) บ่อย ๆ ซึ่งพอเราได้มีโอกาสไปแวะเวียนย่านอ่อนนุชจริง ๆ ทำให้รู้ว่า อ่อนนุชโซกู๊ดไม่ต่างกับย่านอื่นในสุขุมวิทเลย


เรารู้ว่าอ่อนนุชมีอะไรมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ห้างโลตัสกับเซนจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ก็ตอนที่ลองไปพักกับ X2 Vibe Bangkok Sukhumvit Hotel นี่แหละ เราพบว่ามีโรงแรมใหม่อยู่ในซอยสุขุมวิท 52 ซอยข้าง ๆ ห้างโลตัสนั่นแหละ เดินเข้าไปนิดเดียวก็เจอโรงแรมที่ให้บรรยากาศ Cozy พอเหมาะพอเจาะทีเดียว


แม้ว่าห้องพักของที่นี่จะเป็นห้องพักแบบมาตรฐานโรงแรม (ที่ครบครัน) ทั่ว ๆ ไป แต่ความพิเศษอยู่ที่ X2 สาขานี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนมาใช้ชีวิตมากกว่าการนอกพักค้างคืนเฉย ๆ เพราะภายในโรงแรมมีกิจกรรมต่าง ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด แค่เดินเข้าประตูมาก็เจอกระสอบทรายพร้อมนวมหลายคู่วางอยู่ให้ได้ลองฝึกแม่ไม้มวยไทยกันแล้ว พอเจออะไรชวนเซอร์ไฟรส์แบบที่คิดว่าไม่น่าจะมาเจออะไรแบบนี้ตั้งอยู่กลางโรงแรม ก็เลยมั่นใจว่าที่นี่จะต้องมีอะไรไม่ธรรมดาซ่อนอยู่แน่นอน



อาจเป็นเพราะ X2 Vibe Bangkok Sukhumvit Hotel เขาวางตัวไว้ว่าเป็น "โรงแรมที่นักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลจะเลือกพัก" ซึ่งแหงล่ะว่ากลุ่มนี้เอาใจง่ายที่ไหน ถ้าไม่ถูกใจและธรรมดาเกินไป (รวมไปถึงหวือหวามากไป) ก็อาจไม่ถูกจริตคนกลุ่มนี้ก็ได้ ที่นี่จึงเหมือนจะสังเกตคนกลุ่มนี้มาอย่างดีแล้ว จึงจัดอะไรที่เก๋ ๆ มามิกซ์กับความธรรมดาในภาคบังคับแบบที่ควรจะเป็นไปด้วย อย่างห้องพักที่นี่ก็ไม่ได้จัดจ้านอะไร ทั้ง 121 ห้องล้วนจัดออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ก็เพียงพอแล้วที่อำนวยความสะดวกในการพักผ่อนให้กับเรา มีให้เลือกทั้งห้องแบบสแตนดาร์ด ห้องซูพีเรีย และห้องสวีท เราชอบโทนสีของห้องที่ออกไปทางเอิร์ธโทน การใช้วัสดุคล้ายคลึงธรรมชาติ และคลุมโทนสีไว้อย่างสบายตา เลยทำให้การทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในห้องที่นี่เหมือนได้มาพักผ่อนจริง ๆ เอาจริง ๆ บางครั้งเราก็ไม่ต้องการอะไรมากนักหรอก แค่ได้เปลี่ยนที่นอนใหม่ ๆ และใช้เวลาพักผ่อนไปกับมันจริง ๆ ก็พอแล้ว


ซึ่งพอขึ้นชื่อว่ามาพักผ่อน แอบลอง Staycation ในย่านใหม่ ๆ ดูบ้างสักวันสองวัน ก็ต้องเอาให้สุดไปเลยจริง ๆ ที่นี่จึงมีบริการต่าง ๆ คอยรองรับอยู่ไม่น้อย สำหรับสายนวด ที่นี่เขาก็มีสปาอย่าง Yan Spa แบรนด์สปาของ X2 เองที่เมื่อก่อนหากอยากสปาต้องไปไกลถึงเกาะสมุย แต่ตอนนี้สามารถลองใช้บริการที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว เราเลยขอลองสปาขึ้นชื่ออย่าง X2 Vibe Signature Massage 60 นาทีดูสักหน่อย เป็นการนวดน้ำมันที่ช่วยให้ให้เราผ่อนคลายมากขึ้น และก็ผ่อนคลายจริง ๆ เรียกว่าช่วยให้สดชื่นหลังสปาได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ


ไม่ได้มีเพียงสปาเท่านั้น แต่ที่ X2 Vibe อ่อนนุชแห่งนี้ยังเอาใจคนชอบแช่อนเซ็นด้วย ! ใครจะไปคิดว่าเข้าพักโรงแรมกลางกรุงเทพฯ แต่ได้แช่อนเซ็นทั้งวันทั้งคืนเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เราอยากแช่ (แต่อย่าแช่เยอะ เดี๋ยวหน้ามืดจะหาว่าไม่เตือน) เหมือนเวลาไปญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น ห้องอนเซ็นที่นี่แบ่งออกเป็นห้องชาย-หญิง ขนาดกำลังดี ไปแช่คนเดียวเงียบ ๆ หรือจะชวนเพื่อน ๆ ไปจิ้มจุ่มด้วยกันอย่างไม่ต้องเคอะเขินก็ได้ แม้อนเซ็นที่นี่จะไม่ใช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติ แต่เป็นการใช้น้ำปรับอุณหภูมิให้ร้อน แล้วใส่แร่ธาตุลงไปในน้ำแทน แต่ก็ได้บรรยากาศและได้ประโยชน์จากแร่ธาตุเหมือนกัน


ส่วนสายสตรองก็สามารถมาใช้บริการห้องฟิตเนสได้เช่นกัน ซึ่งเราแวะเข้าไปเล่นฟิตเนสสักแป๊บก็รู้สึกว่าแม้ห้องฟิตเนสที่นี่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีอุปกรณ์ให้ใช้ครบครันอยู่พอตัว ทั้งเครื่อง ทั้งบาร์ ทั้งดัมเบล ลู่วิ่ง มาครบ ออกได้ทุกส่วนทั้งอก หลัง ไหล่ แขน ขา หน้าท้อง สำหรับใครที่อยู่ย่านนี้แล้วกำลังหาฟิตเนสเล่นอยู่ ที่นี่เขาก็ให้บริการเป็นสมาชิกเพื่อใช้ฟิตเนสด้วยเช่นกันนะ แน่นอนว่าสมาชิกฟิตเนสก็ใช้สระว่ายน้ำของทางโรงแรมได้ด้วย คุ้มไปอี๊กกก



อีกหนึ่งส่วนของโรงแรมที่ถือเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ของการเลือกเข้าพักก็คือเรื่องอาหารของทางโรงแรมนี่แหละ ที่ X2 Vibe Bangkok Sukhumvit Hotel ก็มีห้องอาหารที่ชื่อ 4K Cafe (อ่านว่า ฟอร์คคาเฟ่) ให้บริการทั้งวันเช่นกัน ตกแต่งแบบอินดัสเทรียลหน่อย ๆ ด้วยการใช้วัสดุอย่างเหล็กและโทนสีดำเป็นหลัก แต่ก็ยังมีเดคอเรทด้วยสีฟ้าเทอร์คอยส์แซม ๆ อยู่บ้าง มีที่นั่งทั้งในห้องแอร์และเอาท์ดอร์ตากลม เรียกว่าได้ Stsy Chill Enjoy อย่างที่ทางโรงแรมอยากให้เป็นเลย


เมนูที่ 4K Cafe ค่อนข้างหลากหลายและราคาเป็นมิตรพอตัว เราฝากท้องที่นี่ทุกมื้อเพื่อจะได้ลองเมนูต่าง ๆ ให้ครบเท่าที่จะทำได้ สายอิตาเลียน จะจัดพิซซ่า หรือพาสต้าก็มีให้ลอง เราลองสั่งครอสทูพาสต้าต้มยำทะเล (250 บาท) พาสต้ารสไทย ๆ ที่อาจไม่จัดจ้านมากนัก เราว่ายังจัดได้มากกว่านี้อีก แต่เครื่องมาเน้น ๆ แน่นจริงอะไรจริง กับสไปซี่พาสต้าทะเลซอสมะเขือเทศ (250 บาท) ก็อร่อยได้มาตรฐาน
แต่ที่เราหลงรักคือพิซซ่าที่มาในขนาดใหญ่จนตกใจเพราะราคาไม่แพงจนเดาเอาเองว่าน่าจะมาเพลทเล็ก ๆ เราสั่งพิซซ่าไส้กรอกไก่ (190 บาท) และพิซซ่าโฟร์ชีส (300 บาท) ที่ชีสมาแน่นมาก ใครไม่ชอบบลูชีสอาจได้กลิ่นแรงไปนิด แต่สายชีสอย่างเราเรียกว่ากินคำนึงแล้วลงไปนอนไหลกับพื้นเลย บ้าบอสุด ปลื้ม

งานสเต็กก็มีให้ลองเช่นกัน เราจัดมาทั้งสตริปลอยน์ (690 บาท) ชิ้นโตที่เสิร์ฟมาพร้อมมันอบ ผักลวก ราดด้วยซอสพอร์ชินี่ เทนเดอลอยด์ (850 บาท) ชิ้นหนาย่างแบบมีเดียมแรร์ เสิร์ฟคู่กับดอกกะหล่ำบดผัดเห็ดรวม และราดซอสทรัฟเฟิลหอมตีจมูกแรง ๆ พอร์คชอป (350 บาท) ชิ้นเป้งที่กินกับซอสไวน์แดง และกริลแซลมอน (490 บาท) ที่มาพร้อมซอสเทอริยากิก็ดีงามตามมาตรฐาน


ส่วนคออาหารไทยก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่ก็มีเสิร์ฟเหมือนกัน ทาง 4K Cafe เน้นมากว่าให้ลองสั่งเมนูซิกเนเจอร์อย่างครอสทูข้าวปลาทูพริกสด (200 บาท) ที่หน้าตาก็ดูเหมือนข้าวผัดพริกสดกับปลาทูทอดธรรมดา ๆ แต่รสชาติดีเฉยเลย เอาจริงคือปลาทูเค็มกว่าที่คิด แต่พอกินกับข้าวแล้วรสชาติกำลังดีเข้าท่า นอกจากนั้นก็ยังลองเมนูอื่น ๆ อย่างผัดไทยกุ้งสด (180 บาท) ต้มยำกุ้ง (250 บาท) ทอดมันปลา (180 บาท) มาชิมไปด้วย


นอกจากห้องอาหารแล้ว ด้านนอกก็ยังมี 4K Bar และริมสระน้ำที่ชั้น 2 ก็มี Pool Bar คอยให้บริการนักดื่มอยู่เหมือนกัน มีทั้งค็อกเทลเก๋ ๆ อย่าง X2 Secret (260 บาท) ที่ใส่เกรย์กูสวอดก้า ค็อกแทค และน้ำแครนเบอรี่ เลยให้รสเปรี้ยวหวานดื่มง่าย, บาร์บาเดียน ไพเรท (190 บาท) ที่ใช้เบสเป็นดาร์กรัม อะมาเรตโต้ เพิ่มความทรอปิคัลด้วยน้ำสับปะรดกับแพสชั่นฟรุ๊ตเข้าไปอีก, กวาวิเอชั่น (190 บาท) ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องมีส่วนประกอบเป็นน้ำฝรั่งแน่ ๆ ซึ่งใช้ผสมกับวอดก้าและ cointreau แต่ถ้าไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ที่บาร์ก็มีม็แกเทลบริการเช่นกันนะ

แม้ที่โรงแรมจะมีอะไรให้ลองทำเยอะแยะดต็มไปหมด แต่เขาเองก็สนับสนุนและอยากให้เราได้ลองออกไปทำความรู้จักกับย่านอ่อนนุชให้มากขึ้นเช่นกัน จริงจังถึงขนาดทำไกด์บุ๊กย่านอ่อนนุชให้เราได้ดาวน์โหลดและลองไปลงพื้นที่แบบคนอ่อนนุชดูสักครั้งบ้างกันเลยทีเดียว (ดาวน์โหลดไกด์ได้ที่นี่) งานนี้เราเลยขอออกจากโรงแรมไปเที่ยวย่านอ่อนนุชดูสักหน่อย เริ่มจากวัดมหาบุศย์ วัดที่เรารู้กันดีว่าเป็นที่มาของตำนานอย่างแม่นาคพระโขนง (ซึ่งตอนนี้วัดดังเรื่องหมอดูแม่นพอ ๆ กับย่านาคเลย) เราไปไหว้ย่านาคเสริมสิริมงคลกันเล็กน้อย ใครที่อยากขอให้ตัวเองโชคดี รวมไปถึงหนุ่ม ๆ ที่อยากขอให้ตัวเองไม่ติดทหาร ที่นี่แหละขลังนัก

เลยมาที่ซ. อ่อนนุช 36 เข้ามาจนสุดซอย แล้วเดินเท้าผ่านป่าน้อย ๆ จนงงว่านี่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่จริง ๆ เหรอ ไปยังค่ายมวยชื่อดังอย่างอรรถชัยมวยไทยยิมสักหน่อย ถึงจะงง ๆ ทางเข้าแต่ก็มั่นใจว่ามาไม่ผิดแน่เพราะตลอดทางเดินนั้นมีป้ายบอกเรื่องราวของนายขนมต้ม ผู้เก่งกาจเรื่องแม่ไม้มวยไทยประกอบระหว่างทางให้ได้อ่านไปเพลิน ๆ ด้วย ทางค่ายมวยปั้นนักมวยเด่น ๆ มาหลายคนแล้วเช่นกัน และดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ได้ดังแค่บ้านเราเท่านั้น เพราะมีชาวต่างชาติข้ามน้ำข้ามทะเลมาลองเรียนและเข้าคลาสกับครูมวยหลายคนทีเดียว

สุดท้ายกับฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ที่ไม่คิด (อีกแล้ว) ว่าจะมีฟาร์มผักขนาดใหญ่แบบนี้กลางสุขุมวิท The Watery Farm ซ่อนตัวอยู่ในซ. สุขุมวิท 56 ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มากมายหลายชนิด แอบรู้มาว่าที่นี่ส่งผักไปยังร้านอาหารดัง ๆ หลายร้านอยู่เหมือนกัน อย่างผักที่เรากิน ๆ ในร้านเกรย์ฮาวน์คาเฟ่นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากฟาร์มนี้นะ

อ่อนนุชสำหรับเราเลยกลายเป็นอีกย่านที่ยังมีอะไรให้ลองค้นหาอยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้มีไฮไลต์เด่นชัดเหมือนย่านอื่นในสุขุมวิท แต่ความโลคัลนี่แหละที่เราแอบตกหลุมรักและอยู่ดับมันได้นานเพราะยังมีความน่าสนใจอะไรซ่อนอยู่มาก ใครอยากรู้จักอ่อนนุชมากขึ้น ลองมาใช้ชีวิตเป็นคนอ่อนนุชสักวันสองวันก็น่าสนใจอยู่นะ
X2 Vibe Bsngkok Sukhumvit Hotel ซ. สุขุมวิท 52 BTS อ่อนนุช โทร. 0-2331-9091 www.fb.com/X2vibebangkok
4K Cafe เปิดทุกวัน 6:00 - 24:00 น.
วัดมหาบุศย์ ซ. สุขุมวิท 77 (ซ. อ่อนนุช 7) BTS อ่อนนุช แล้วต่อแท็กซี่
อรรถชัยมวยไทยยิม ซ. อ่อนนุช 36 BTS อ่อนนุช แล้วต่อพี่วิน
The Watery Farm ซ. สุขุมวิท 56 แยก 3-2 BTS อ่อนนุช แล้วต่อพี่วิน