ปีใหม่กับการดูแลสุขภาพแบบใหม่
ถ้าให้ถามว่าปี 2020 นี้เราอยากได้อะไรเป็นของขวัญปีใหม่มากที่สุด เราคงต้องตอบว่าการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง (จะได้ไปฮ็อปปิงตามพิกัดลับและดูคอนเสิร์ตรัว ๆ เยี่ยงชาว Soimilk ไปอีกนาน ๆ) คงเป็นหนึ่งใน New Year Resolution ของปีนี้เลยทีเดียว! เพราะฉะนั้นตั้งแต่อาทิตย์แรกของปีแบบนี้ เราเลยอยากชวนทุกคนสละเวลาว่างสักหนึ่งวัน (ถ้าไม่มีก็โดดงานเอาแล้วกัน) มาดูแลตัวเองแบบครบเครื่องเพื่อรีเฟรชร่างและหัวใจจากความเหนื่อยล้าทั้งปีที่ตึก Life Center Q.House Lumpini ด้วยกัน

หลายคนที่ไม่รู้จักตึกนี้ อาจไม่รู้ว่าความจริงตึก Life Center อยู่ติดกับสถานีใต้ดินลุมพินีแบบโผล่ขึ้นมาก็ถึงเลย เพราะฉะนั้นเรื่องการเดินทางถือเป็นอะไรที่สะดวกแบบดีดนิ้วทีเดียวก็ถึง! แต่ที่หลาย ๆ คนยังไม่รู้มากไปกว่านั้น คือความครบครันเรื่องสุขภาพของที่นี่ ถึงขนาดที่จะเรียกว่าเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์รูปแบบใหม่สำหรับคนรักสุขภาพและความงามเลยก็ว่าได้
ส่วนถ้าถามว่าเป็นการดูแลสุขภาพแบบใหม่ยังไง เราขอเริ่มอธิบายง่าย ๆ ไปทีละสเต็ป เริ่มจากการเป็นแลนด์มาร์กของสุขภาพที่ทั้ง 4 ชั้นอัดแน่นไปด้วยคลินิกสุขภาพและศูนย์แพทย์เฉพาะทาง สถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย ร้านอาหารออร์แกนิก ฟิตเนสสำหรับสายเฮลท์ตี้ ไปจนถึงสปานวดตัวสุดฟินที่พร้อมจะปรนนิบัติเราด้วยหลากหลายคอร์สเอ็กซ์คลูซีฟ
อาหารสุขภาพรสจี๊ดจ๊าดถึงเครื่อง

เราเริ่มจากการเติมพลังงานเข้าร่างกับมื้อเช้าที่ Ariya Organic Cafe กันก่อน ซึ่งโซน Ariya Wellness Center ถือเป็นหนึ่งในสถานบันสุขภาพยุคบุกเบิกที่เริ่มเบิกทางสายเฮลท์ตี้มาพร้อม ๆ กับตึก Life Center แห่งนี้เลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้จริงจังขนาดแวะมาปรับโครงสร้างสรีระร่างกายกันที่ Ariya Wellness Center แต่ในพาร์ทของออร์แกนิกคาเฟ่ก็พร้อมเปิดบริการต้อนรับลูกค้าสายสุขภาพทุกคนด้วยเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่เขาคิดมาแล้วว่าดีต่อสุขภาพ และเข้ากับรสปากคนไทย อย่างสมู้ทตี้ผักสีเขียว Green Smoothie (189 บาท) ที่เขาเอาผักอินทรีย์ปลอดสารสด ๆ จากสวนมาปั่นให้เราดื่มแบบไม่ใส่น้ำแข็ง ไม่ใส่นม ไม่เติมน้ำเชื่อมใด ๆ
ส่วนใครที่อยากทานของหนักก่อนออกไปดูแลตัวเองในตึก เราแนะนำให้ลองสั่งเมนูอิ่มท้องอย่างเส้นหมี่ข้าวกล้องสวนกุ้ง (279 บาท) ที่รับรองว่าต้องถูกใจชาวเฮลท์ตี้สายแซ่บแน่นอน เพราะถึงแม้เมนูนี้จะไม่ได้ใช่เนื้อสัตว์จริง ๆ และเลือกใช้เป็นเส้นหมี่ที่ทำจากข้าวกล้อง แต่ไม่รู้ร้านนี้เขาทำยังไงถึงปรุงรสชาติออกมาได้จี๊ดจ๊าดนัวลิ้นเหมือนไม่ได้กำลังกินอาหารสุขภาพอยู่เลยแม้แต่น้อย!
สปาแบบฟิน ๆ สักชั่วโมงที่ Lullaby Spa
แค่เห็นชื่อ Lullaby Spa เราก็รู้แล้วว่าที่สปาแห่งนี้เขาจริงจังเรื่องการพักผ่อนแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นคอร์สนวดตัวแผนไทย นวดอะโรมา หรือแม้แต่คอร์สสปาเท้า ที่นี่ก็สามารถทำให้เราได้พักผ่อนจนแทบจะหลับไปเลยแบบฟิน ๆ เหมือนกำลังฟังนิทานก่อนนอนสมชื่อร้าน Lullaby Spa สุด ๆ

รอบนี้เราเลือกลองคอร์สซิกเนเจอร์อย่าง Lullaby Signature แพคเกจนวดผ่อนคลายเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มที่ช่วยในเรื่องรักษาอาการปวดตัวของชาวออฟฟิศซินโดรมอย่างเราได้อย่างเห็นผล ที่ชอบมาก ๆ คือการเอาใจใส่ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิ มีการห่มผ้าและเอาถุงร้อนมาประคบท้องให้ด้วยหากใครหนาว โทนสีห้องก็ทำออกมาละมุนเหมาะกับการนอนฟังนิทานก่อนนอนสุด ๆ และที่ชอบสุด ๆ เลยคือก่อนนวดเขาจะหยดออยล์หอมระเหยออร์แกนิกใส่ฝ่ามือให้ดมเพื่อผ่อนคลายกันก่อน รู้ตัวอีกทีก็สบายจนแทบหลับไปจริง ๆ เลยล่ะ!
โดยนอกจากคอร์ส Lullaby Signature ของทางฝั่งผู้หญิงแล้ว ทางฝั่งหนุ่ม ๆ เขาก็มีแพคเกจฮิตอย่าง Traveller ที่เหมือนกับคุณผู้ชายนักเดินทางแสนเมื่อยล้าให้มาผ่อนคลายร่างกายกันด้วย ยังไงใครจะมานวดที่นี่ก็อย่าลืมจองคิวล่วงหน้ากันมาสักหน่อย เพราะที่นี่เขาฮิตเวอร์ คิวเต็มเร็วมากเด้อ!
ทดสอบความฟิตร่างกายด้วยเทคโนโลยีล้ำ ๆ จาก Add Life
หลังผ่อนคลายกันเต็มที่ในสปาอันดับหนึ่งของตึก Life Center เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครมีเวลาเหลืออีกหน่อย เราอยากให้แวะลงไปทดสอบความฟิตของร่างกายเพื่อใช้ชีวิตในปี 2020 ได้อย่างเต็มที่ที่ Add Life

ความพิเศษของ Add Life ที่เราจะพาไปทำความรู้จักในวันนี้คือการเป็นศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ (หรือจริง ๆ จะเรียกว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมเลยก็ว่าได้!) ที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาเราเรื่องการวางแผนสุขภาพ ป้องกันความเจ็บป่วย และจัดการกับความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นได้ตามอายุ
อย่างวันนี้เราเองก็อยากรู้สมรรถภาพของร่างกายที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือคาดเดาไม่ได้จากอายุ ก็เลยขอนัดคุณหมอและนักกายภาพมาลองทดสอบความฟิตของร่างกาย (ที่ใช้งานมาอย่างหนักหน่วง) กันซะหน่อย

ซึ่งด้วยเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาสที่ทีมแพทย์ที่นี่เขาอิมพอร์ตเข้ามาจากต่างประเทศ วันนี้เราเลยได้ลองทดสอบประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อหัวใจและปอดกันว่าทำงานได้สมบูรณ์ที่สุดกี่เปอร์เซ็นต์ด้วยเครื่อง VO2 Max จุด ๆ นี้หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าคนเราจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไมกันนะ? ซึ่งเราเองก็แอบถามคำถามนี้กับคุณหมอมาเหมือนกัน คำตอบจากคุณหมอนั้นเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวมาก ๆ คือการรู้เท่าทันและรู้จักประวิทธิภาพร่างกายของตัวเองล่วงหน้าย่อมเป็นเรื่องดีกว่าเสมอ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แอดเวนเจอร์ชอบออกกำลังกายด้วยแล้วล่ะก็ การรู้ขีดจำกัดของตัวเองนอกจากจะเป็็นการป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บแล้ว ยังสามารถต่อยอดไปได้ถึงการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวเชียวนะ
สำหรับใครที่ปีใหม่มี New Year Resolution เป็นการดูแลสุขภาพตัวเองเหมือนกันกับเรา จุด ๆ นี้ต้องบอกเลยว่าการปักหมุดมาตึก Life Center Q.House Lumpini เป็นไอเดียที่ดีมาก เพราะเราจะได้ดูแลตัวเองตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน สุขภาพความฟิตร่างกาย ไปจนถึงผ่อนคลายไปกับคอร์สสปาฟิน ๆ อย่างน้อยก็ขอสักหนึ่งวันดี ๆ สำหรับเริ่มต้นปีอย่างมีทรงแล้วกันนะ!
Life Center Q. House Lumpini ถ.สาทรใต้ MRT ลุมพินี