"แกมาบอกอะไรตอนนี้" อาจเป็นคำถามที่หลายคนอยากฝากถามไปถึงคนใจร้าย... คนที่ตัดสินใจมาทิ้งกันในช่วงวิกฤติและสถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ คนที่ไม่ได้สนใจเลยว่า แค่ต้องตื่นมาเผชิญกับความวิตกกังวลว่า 'ฉันติดหรือยัง' หรือ 'เดือนหน้าจะโดนตัดเงินเดือนมั้ย' ก็ทำเอาหดหู่ใจมากพออยู่แล้ว แต่เธอยังใจจืดใจดำ มาปล่อยมือที่เคยจับกันไว้ ในวันที่ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวมากที่สุดอีก
การต้องอยู่ติดบ้านตลอด 24 ชม. ในช่วงนี้ อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียด จนทำให้คู่รักหลายคู่มีอันต้องเลิกร้างกัน ซึ่งปรากฏการณ์คนอกหักช่วงกักตัวนี้ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะในบ้านเราเท่านั้นนะ เพราะสำนักข่าวต่างประเทศหลายหัวก็รายงานตรงกันว่า การอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. ไม่ได้ทำให้คู่รักหวานชื่นกันมากขึ้น ตรงกันข้าม ความใกล้ชิดกันจนไม่เหลือพื้นที่หรือเวลาส่วนตัว กลับก่อให้เกิดความกดดันระหว่างคู่รัก ยิ่งเมื่อบวกกับความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและบ้านเมืองเข้าไปด้วยแล้ว จำนวนคนเลิกราและอัตราการหย่าร้างทั่วโลกก็พุ่งทะลุเพดาน แบบว่ากว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โลกก็มีจำนวนคนเหงาคนเศร้าเพิ่มขึ้นอีกเพียบ
เพราะเราไม่อยากให้ชาวซอยมิลค์คนไหนที่เพิ่งผ่านการอกหักต้องนั่งเศร้าเหงาหงอยอยู่เพียงลำพัง แม้เราจะทำให้เขากลับมาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการทำตัวเองให้เข้มแข็ง พร้อมรับกับชีวิตที่สดใสเมื่อสถานการณ์ข้างนอกปลอดภัยดีแล้ว ว่าแล้วก็จับมือเราแน่น ๆ แล้วไปดูกันว่า การอกหักในช่วงนี้จะส่งผลอย่างไรต่อเราบ้าง แล้วเราจะมีวิธีรับมือกับอาการเหล่านี้ในช่วงกักตัวได้ยังไงบ้าง
ความเหงาจะมาเยือน แต่เราจะไม่จมอยู่กับมัน

ปกติแล้วการอกหักก็นำมาซึ่งความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่แล้ว แต่การมาอกหักเอาในช่วงกักตัว ก็อาจทำให้เรารู้สึกเปล่าเปลี่ยวเกินทน
รับมืออย่างไร: อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกอ้างว้าง ใช้เวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ คิดทบทวนและถามตัวเองว่า คนที่เราต้องการให้มาอยู่ในชีวิตเราเป็นแบบไหน และในความสัมพันธ์ครั้งหน้า เราอยากให้มันเป็นไปยังไงกันแน่
ความรู้สึกแย่ ๆ จะถาโถม แต่ให้รู้ไว้ว่าเรามีกำลังใจอีกเพียบ

ใครที่เคยอกหักจะรู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราผ่านมันไปได้ก็คือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยหันความคิดเราจากความรู้สึกแย่ ๆ เช่น การออกไปดื่มกับแก๊งเพื่อน ไปออกกำลังกาย ออกไปเที่ยว หรือไปเสริมสวย ฯลฯ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ช่วงนี้ที่ทำให้สถานที่พักพิงใจของเรามีแค่ 'บ้าน' เป็นตัวเลือกเดียว ก็เตรียมตัวไว้เลยว่าความรู้สึกแย่ ๆ ต่าง ๆ จะถาโถมเข้ามาใส่เราแบบหนีไปไหนไม่ได้
รับมืออย่างไร: ข้อดีก็คือ การอยู่กับตัวเองและเปิดรับความรู้สึกแย่ ๆ แบบตูมเดียว อาจช่วยให้เราผ่านมันไปได้เร็วขึ้นกว่าปกติ แบบว่าเจ็บแต่จบ อย่างไรก็ตาม ให้เราระลึกไว้เสมอว่า ถึงจะอยู่คนเดียว แต่เราไม่จำเป็นต้องผ่านมันไปคนเดียว ในช่วงนี้ให้เราขอซัพพอร์ตจากกองกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว จะมาในรูปแบบเสียง วิดีโอคอล หรือแค่ตัวอักษรผ่านข้อความแชต ก็ขอให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปเถอะ เราเชื่อว่าคนเหล่านี้ไม่รีรอที่จะส่งกอดแน่น ๆ ผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตมาให้แน่นอน
กอดเกี่ยวตัวเองไว้ ในยามที่พายุอารมณ์โหมกระหน่ำ

การรับมือกับอาการหลังอกหักที่หนักที่สุดก็คือการรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกแย่ ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งปกติแล้วเวลาที่เรารู้สึกแย่ ก็จะมีเขาคนนั้นที่ค่อยบีบมือเป็นกำลังใจและช่วยให้เราผ่านมันไปได้ แต่ในเมื่อคนคนนั้นเขาไม่อยู่แล้ว ก็มีแต่เรานี่ล่ะที่จะรับมือกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของตัวเอง
รับมืออย่างไร: นอกจากจะไม่มีคนคอยบีบมือแล้ว กิจกรรมใด ๆ ที่อาจช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงนี้ เพราะฉะนั้นให้รู้ไว้เลยว่า จะมีแต่เรา และเราเท่านั้น ที่ต้องรับมือกับตัวเราเอง แต่ช่วงนี้ล่ะที่จะต้องใจดีกับตัวเองให้มาก ๆ คิดไว้เสมอว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกแย่ เพราะฉะนั้นอย่ากดดันตัวเอง ถ้าจะรู้สึกแย่ อยากร้องไห้ อยากตะโกนดัง ๆ ก็ปล่อยมันออกมา บอกตัวเองว่า 'ไม่เป็นไรนะตัวฉัน ถ้าเธอจะรู้สึกแย่' ใจดีกับตัวเองเข้าไว้ แล้วให้คิดไว้เสมอว่า เดี๋ยวมันจะผ่านไป
งานดราม่าจะต้องมา แต่จงจำไว้ว่า มันทำร้ายเราไม่ได้

ในช่วงหลังอกหัก คนที่ใจร้ายกับเราที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสมองของเราเองนี่ล่ะที่จะคอยสร้างฉากดราม่าและสถานการณ์แย่ ๆ มาคอยหลอกหลอนเรา 'หรือฉันจะต้องตายอย่างเดียวดาย' 'ฉันอาจติดโควิดไปแล้วก็ได้นะ' 'แล้วเขาจะติดหรือยังนะ' ฯลฯ สารพัดความคิดแย่ ๆ ที่จะถาโถมใส่เรา
รับมืออย่างไร: เมื่อใดก็ตามที่ความคิดแง่ลบผุดขึ้นมาในหัว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการย้ำเตือนกับตัวเองว่า มันก็แค่จินตนาการของเรา อย่าไปกังวลกับมันมาก จากนั้นรีบหันเหตัวเองออกจากความคิดนั้น หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เปิดเน็ตฟลิกซ์หาหนังซอมบี้ดูรัว ๆ หรือจะเปิดเพลงลั่นห้องแล้วเต้นคนเดียวก็ได้
เปลี่ยนจากถามตัวเองว่าเราทำอะไรผิดไป เป็นการทำความเข้าใจตัวเอง

อาการอกหักในเฟสที่แย่และร้ายแรงที่สุดก็คือการโทษตัวเอง การย้อนคิดกลับไปว่า เราทำอะไรผิดไปในความสัมพันธ์ที่ล่มสลายครั้งนี้ เราแย่ตรงไหน หรือว่าเป็นเพราะเราเองที่ทำให้ความสัมพันธ์นี้จบลง
รับมืออย่างไร: แทนที่จะมานั่งคิดจับผิดตัวเอง หรือคิดว่า 'ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น เขาก็จะไม่จากไป' ให้ลองเปลี่ยนมุมมองมาเป็นการนั่งทำความเข้าใจตัวเอง ลองทบทวนดูว่าความสัมพันธ์ที่ผ่าน ๆ มาของเราเป็นอย่างไร อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกแต่คนแย่ ๆ เข้ามาในชีวิต และที่สำคัญที่สุด ความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้บทเรียนอะไรแก่เรา และที่สุดแล้วจะนำบทเรียนครั้งนี้ไปปรับใช้เพื่อให้ความสัมพันธ์ครั้งหน้าดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
เอาใจตัวเองหนัก ๆ ไปเลยช่วงนี้

ข้อนี้ไม่ใช่วิธีรับมือ แต่เป็นสิ่งที่เราอยากให้ทุกคนที่เพิ่งผ่านพ้นความเจ็บช้ำไปทำกัน นั่นก็คือการปรนเปรอเอาใจตัวเอง ในเมื่อเราเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ก็เอาใจตัวเองให้หนัก ๆ จะมาสก์หน้าทั้งวัน ซื้อของขวัญให้ตัวเองผ่านการชอปปิงออนไลน์ กินไอศกรีมคนเดียวเป็นกระปุก นอนเปื่อยดูหนังทั้งวัน อยากทำอะไรก็จัดเลย ใช้โอกาสช่วงที่เราไม่ต้องออกไปไหนนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการเยียวยาตัวเอง เพื่อให้พร้อมออกไปเผชิญโลกข้างนอกอย่างสดใสนะ