ในช่วงที่กิจกรรมการออกนอกบ้านและอยู่ในบ้านของคนเรายังไม่ปกติซะทีเดียวแบบนี้ ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก การนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน การนอน เลยดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา เผื่อจะช่วยให้เราดูแลตัวเองในระยะยาวได้ดีขึ้น ซึ่งหนึ่งในข่าวที่สะดุดตาเราก็คือที่สำนักข่าวเดลีเมล ของประเทศอังกฤษ รายงานอ้างอิงงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐอเมริกา ว่าวัยรุ่นที่นอนนานจะมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ที่ดีกว่า สามารถรับมือกับความเครียดและความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ดีกว่า บทความที่ว่านี้เลยถือเป็นการเสนอแนะให้คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกนอนเพลิน ๆ ให้เต็มอิ่มไปในตัวด้วยเลย
เขาบอกว่างานวิจัยฉบับนี้ติดตามวัยรุ่นจำนวน 840 คน ในช่วงเวลาประมาณ 2 ปี เพื่อสอบถามพฤติกรรมการนอน ซึ่งนอกจากจะพบว่าเด็กที่นอนเต็มอิ่มจะ 'ฟื้นตัวทางอารมณ์' ได้เร็วแล้ว กลุ่มที่ล้มตัวลงนอนแล้วหลับง่าย ไม่กระสับกระส่าย ก็ถือเป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวโยงกับศักยภาพการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตเช่นกัน โดยเด็กกลุ่มนี้จะอยู่กับความกดดันได้ดีกว่า ซึ่งในงานวิจัยนี้ นักวิจัยได้เสนอไว้ด้วยว่า การจัดคาบเรียนให้เอื้อต่อการนอนอย่างเต็มอิ่มของนักเรียนน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ชี้ว่า การเลื่อนเวลาเข้าเรียนของโรงเรียนในเมืองซีแอตเทิล มลรัฐวอชิงตัน ให้เริ่มคาบแรกตอน 8:45 น. หรือก็คือสายขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะเป็น 7:50 น. ทำให้เด็กตื่นตัวกับบทเรียนและเข้าใจได้ดีกว่า แถมยังมีผลการเรียนที่ดีขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ โดยวัดจากนักเรียนชั้นม. 4 ที่เข้านอนในช่วงเวลาเดียวกันของปีการศึกษาที่ทำการวิจัย
เห็นแบบนี้แล้ว ชาวซอยมิลค์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับระยะเวลาและพฤติกรรมการนอนกันให้มากขึ้นแล้วล่ะ ยิ่งถ้านอกเหนือจากการเรียนการทำงานแล้ว เรายังต้องแบ่งเวลาให้หนังให้ซีรีส์ที่เรารักด้วยเนี่ย เวลานอนยิ่งลดน้อยถอยลงไปใหญ่ เพราะงั้น ทุกคนดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊า!
