Skip to main content

Vilas (วิลาศ) เชฟส์เทเบิลตำรับไทย-ตะวันตก ที่หยิบเอาอาหารไทยโบราณมาผสมกับความหรูหราของโลกใหม่

ห้องอาหารไทยในบรรยากาศวิลาศเลิศหรูบนตึกมหานครคิวบ์

Vilas (วิลาศ) เชฟส์เทเบิลตำรับไทย-ตะวันตก ที่หยิบเอาอาหารไทยโบราณมาผสมกับความหรูหราของโลกใหม่
August 22, 2022 Bangkok time

วิลาศเลิศหรูในทุกดีเทล

 
 
Vilas คือชื่อร้านที่สามารถตีความได้ 2 ความหมาย เริ่มจากคอนเซปต์หลักที่มาจากคำว่า 'วิลาศ' ซึ่งหมายถึงต่างประเทศ หรือวัฒนธรรมที่มาจากฝั่งยุโรป โดยใช้ความหมายนี้เป็นกิมมิกหลักของร้านอาหารเชฟส์เทเบิลแห่งใหม่นี้ ที่อยู่ภายใต้ฝีมือการรังสรรของ เชฟปริญญ์ ปริญญ์ ผลสุข และ คุณมินท์ ธัญญพร จารุกิตติคุณ ทีมนักพัฒนาอาหารไทยสุดเก๋าเกมที่การันตีได้จากการพาร้านเชฟส์เทเบิลอาหารไทยที่จองยากที่สุดในย่านถนนมหาเศรษฐ์อย่าง สำรับสำหรับไทย ขึ้นเป็นหนึ่งใน 100 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก โดยรั้งอันดับ 75 เลยทีเดียว
 
แถมชื่อ Vilas นี้ ยังพ้องเสียงกับคำว่า 'วิลาส' ที่หมายถึงความงดงาม หรูหรา และมีเสน่ห์ อย่างที่เราจะเห็นได้จากทุกดีเทลของร้านที่ทั้งวิลาศด้วยการหยิบยืมมู้ดแบบฝรั่ง ๆ มาใช้ รวมถึงวิลาสในความเลิศหรูอลังการตั้งแต่การตกแต่งยันอาหารที่เสิร์ฟ
 
 
และถึงแม้จะอยู่บนตึกมหานครคิวบ์ซึ่งเป็นเดสติเนชันแม่เหล็กขนาดยักษ์ใจกลางเมือง (แถมตอนนี้ฮิตมาก ๆ เพราะเชื่อมกับ The Standard Bangkok) แต่การจัดเลย์เอาต์ของ Vilas ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ กับบรรยากาศเงียบสงบ แต่ก็โก้หรู สมชื่อร้านที่แท้ เป็นความน้อยแต่มากที่แสนจะเชิญชวนให้เจริญอาหารยิ่งขึ้นไปอีก
 
เริ่มจากทางเดินสุดมินิมอลหลังประตูชั้นแรก ที่พอเปิดเข้าไปแล้วจะเจอกับงานศิลปะจัดดอกไม้สไตล์วาบิซาบิของ นาโอมิ ไดมารุ (Naomi Daimaru) ที่สุดทางเดิน และเมื่อเปิดประตูอีกชั้นเข้าไป จะเจอกับห้องรับประทานอาหารในโทนสีขาวโปร่งสะอาดตา มีเคาน์เตอร์บาร์และครัวแบบโอเพ่นอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนถ้าใครมาเป็นกรุ๊ปใหญ่ ก็เลือกจองที่นั่งเป็นโต๊ะส่วนตัวพร้อมวิวตึกมหานครริมกระจกโปร่งทางฝั่งขวามือของร้านได้เลย โดยบนโต๊ะทุกโต๊ะจะมีดอก 'เอื้องวิลาศ' ดอกกล้วยไม้ป่าแถบอีสานที่ทำจากกระดาษประดับอยู่บนแจกัน เพื่อพรีเซนต์สัญลักษณ์ของร้านได้อย่างติดตาและแยบยล
 

 

สำรับไทยในฉบับลูกครึ่ง

 
 
ด้วยแรงบันดาลใจจากตำราอาหารไทย-ตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากพระองค์ทรงเสด็จประพาสยุโรป Vilas จึงเป็นเหมือนร้านแฝดน้องของ สำรับสำหรับไทย ที่ถึงแม้ดูแลโดยเชฟปริญญ์เหมือนกัน แต่แยกขาดจากกันทั้งในแง่คอนเซปต์ การตกแต่ง และวัตถุดิบอย่างสิ้นเชิง โดยวัตถุดิบหลักของร้านนี้จะเน้นการใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่นมาผสมกับสูตรอาหารไทยโบราณ แถมจิกกัดความร้านอาหารไทยขั้นุสด ด้วยการเลือกเฮดเชฟของร้านเป็น เชฟเปเป้ Pepe Dasi หนุ่มสเปนแท้ ๆ ผู้ผ่านงานร้านอาหารไทยขึ้นชื่ออย่าง ซาหมวยแอนด์ซัน และ 80/20 มาแล้ว จนเกิดเป็น Tasting Menu ฉบับอาหารไทยโบราณแต่ฝรั่งปรุง ในสนนราคา 4,500 บาท กับอาหาร 12 คอร์ส ที่จะทำให้คนรักอาหารไทยตราตรึงไปอีกนาน!
 
 
 
2 คอร์สแรก เสิร์ฟมาเป็นคำเล็ก ๆ ให้พอได้รองท้องก่อนไปอิ่มจุกกันในคอร์สท้าย ๆ โดยเริ่มจาก 'ขนมเบื้องวิลาศ' ตับปลาซูวีด์ที่นำมาต้มเค็ม จากปกติที่เราเคยเห็นแต่ปลาทูต้มเค็ม ซึ่งเชฟเปเป้ตั้งใจใช้ความครีมมี่ของตับแทนไส้ครีมในขนมเบื้อง พร้อมมีทองหยอดจิ๋วที่ทำจากไข่แดงแทนไส้หวาน และกระฉีกมะพร้าวอ่อนแทนไส้เค็ม กับอีกคำที่เราชอบมาก ๆ อย่าง 'เมี่ยงไข่หอยเม่น' ที่นำเอารากวัฒนธรรมโบราณของการใช้ใบไม้ห่ออาหารมาเป็นกิมมิก แต่ทวิสต์ไปใช้แครกเกอร์ลายใบโพธิ์แทนใช้ใบไม้จริง ซึ่งได้ไอเดียมาจากเมี่ยงใบโพธิ์ทะเลจากภาคใต้ ท็อปด้านบนด้วยวัตถุดิบพรีเมียมอย่างอูนิ เสริมกลิ่นด้วยใบโอบะ ส้มซ่า และความกรุบกรอบจากมะพร้าวคั่ว
 
 
เมนูไฮไลต์ที่ทุกคนในโต๊ะให้คำชมมาก ๆ ขอยกให้กับ 'ฉู่ฉี่ปลาไหลย่าง' เมนูอาหารไทยโบราณที่ถอดสูตรมาจากตำราท่านผู้หญิงเปลี่ยน (เจ้าของตำราอาหารแม่ครัวหัวป่าก์เล่มแรกของไทย) โดยจับเอาปลาไหลญี่ปุ่นมาย่างจนหนังกรอบ เกิดเป็นเสียงฉู่ฉี่อันเป็นที่มาของชื่อเมนู พร้อมด้วยเซอร์ไพรส์ด้านล่างเป็นวาซาบิย่างหั่นฝอย และท็อปด้านบนด้วยขี้โล้ ซึ่งเป็นการนำกะทิมาคั่วบนกระทะจนกรอบเป็นแผ่น ทดแทนการราดน้ำกะทิลงไปด้านบนเหมือนฉู่ฉี่สมัยใหม่
 
 
 
ต่อด้วยเมนูรสพื้นบ้านอย่าง 'ข้าวบาย หอยจี่' ซึ่งความพีกอยู่ที่รสชาติของหอยชักตีนที่ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับปลาร้าที่หมักด้วยสับปะรด ตัดรสด้วยความเค็มจากของหายากอย่างไข่ปลากระบอก และข้าวจี่ที่หนักท้องยาว ๆ ไปจนถึงคอร์สล้างปากเป็นหวานเย็นฝรั่งกิมจูและมะเขือเทศดองเค็ม ก่อนที่จะสู่เมนคอร์สแบบจริงจัง
 
 
ตัวเมนคอร์สเสิร์ฟมาเป็นสำรับตามสไตล์เชฟปริญญ์ แบ่งออกเป็นข้าวญี่ปุ่นหุงกะทิ สลัดผลไม้ที่นำมะเฟือง ยอดมะพร้าว และเกสรชมพู่มะเหมี่ยวมาคลุกเคล้ากับน้ำดองรสคล้ายอาจาด และมีจานหลักเป็นแกงกะหรี่เนื้อสูตร คุณจีบ บุนนาค (หลานสาวท่านผู้หญิงเปลี่ยน) โดยเชฟเปเป้เลือกใช้ลิ้นและแก้มวัวเพื่อความนุ่มและเหนียวสู้ฟันในเวลาเดียวกัน
 
 
 
ปิดท้ายที่ขนมหวานทั้งสองอย่างคือ 'ขนมหม้อแกงแปะก๊วยและผลไม้วิลาศเชื่อม' ซึ่งล้อเลียนขนมหม้อแกงยุคปัจจุบันด้วยการนำพิมพ์ขนมหม้อแกงตามท้องตลาดมาใช้ แต่ด้านในเป็นหม้อแกงเนื้อเนียนคล้าย Flan สูตรแม่บ้านสเปน ท็อปด้วยแปะก๊วยและหอมเจียวแผ่นบาง พร้อมเคียงด้วยผลไม้เชื่อมน้ำผึ้งตามฤดูกาล ซึ่งตอนนี้เป็นลูกพลับ 
 
กับอีกเมนูคือ 'ไอศกรีมขนมครก' ขนมหวานจานสุดท้ายที่เซอร์ไพรส์เราด้วยรสเค็มจากเยลลี่มะม่วงเบาคลุกพริกเกลือ ส่วนด้านในเปลือกขนมครกเป็นไอศกรีมกะทิเนื้อแน่น
 
Soimilk Says: เราชอบความจิกกัดเบา ๆ ของแต่ละเมนู ที่จะเรียกว่าไทยจ๋าก็ไม่เชิง ฝรั่งจ๋าก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเป็นความ 'ไทยประดิษฐ์' ก็ดูจะไม่ตรงสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คือรสชาติลึกล้ำซับซ้อนทุกอณูและควรค่าแก่การมาลองสักครั้งในชีวิต ช่วงเปิดร้านระยะแรกนี้อาจจะจองยากสักหน่อย ยังไงก็พยายามกันนะเหล่าคนรักอาหารไทย ไฟน์ไดนิ่ง และเชฟส์เทเบิลทุกคน! 
 
Vilas (วิลาศ) ชั้น 2 ตึก Mahanakorn Cube เวลาทำการ ทุกวัน เคาน์เตอร์เสิร์ฟ 2 รอบ คือ 17:30 น. และ 20:00 น. เมนไดนิ่งเสิร์ฟ 1 รอบ คือ 18:30 น. (จองล่วงหน้าเท่านั้น) fb.com/vilasbkk