หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากการขึ้นตำแหน่งร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียของร้าน Le Du โดยรั้งอันดับ 4 จากการจัดอันดับของ Asia's 50 Best Restaurants ในปีล่าสุด แถมยังได้ดาวมิชลิน 1 ดวง มาครอบครองได้สำเร็จ จนขนาดแฟนคลับของ เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร หลาย ๆ คนถึงกับบ่นออกมาดัง ๆ ว่าการจองไปทานมื้อพิเศษที่ Le Du นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ณ จุดนี้ แถมอีกร้านของเชฟต้นในย่านโอลด์ทาวน์อย่าง นุสรา ก็คิวเต็มยาว ๆ ไม่แพ้กัน
ความตาลุกวาวของเราเลยเกิดขึ้นทันที เมื่อได้ข่าวว่าเชฟต้นเพิ่งไปเปิดร้านไฟน์ไดนิ่งใหม่อีกร้าน ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นไฟน์ไดนิ่งอาหารไทยตามสูตรถนัดของเชฟต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นไฟน์ไดนิ่งที่หยิบเอาวัตถุดิบหลักเป็นอาหารทะเลจากชายฝั่งทั้งสองด้านของประเทศไทย คืออันดามันและอ่าวไทย มาปรุงและตีความใหม่ในสไตล์ Hyper Local ซึ่งลิงก์เข้ากับชื่อร้านอย่าง สมุทร (Samut) ที่มีที่มาจากคำว่า 'มหาสมุทร' ได้เป็นอย่างดี แถมยังเลือกไปปักหมุดไกลถึงทำเลกลางผืนน้ำอันดามันอย่างเกาะภูเก็ต จังหวะนี้เราเลยรีบจองโต๊ะก่อนใครเพื่อน แล้วบินตามไปชิมถึงถิ่นภูเก็ตกันแบบด่วน ๆ


สมุทร (Samut) เลือกปักหมุด ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แถวโซนหาดในหาน ซึ่งเราชอบทำเลนี้ของภูเก็ตมาก ๆ ด้วยความเป็นโซนเงียบ ๆ ไม่วุ่นวายเหมือนในเมือง สามารถเดินทะลุไปดูวิวทะเลที่หาดในหานก่อนมาร้านได้ด้วยเก๋ ๆ ส่วนการตกแต่งร้านนี้ของเชฟต้นก็ถือว่าแปลกใหม่คนละสไตล์กับร้านอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ เพราะด้วยความที่ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมลูกผสมจากคนไทยเชื้อสายจีนและเพอร์รานากัน ตัวร้านเลยอบอวลด้วยกลิ่นอายแบบ Chinese Oriental จากตัวอาคารทรงบ้านจีน ด้านในเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โบราณที่เป็นของสะสมของหุ้นส่วนร้าน และประดับประดาด้วยภาพวาดซึ่งเป็นของสะสมส่วนตัวของเชฟต้น ส่วนตัวเราชอบวิวของบึงหนองหานตอนมองออกไปจากร้านในยามพระอาทิตย์กำลังตกดินมาก ๆ


คอร์สนี้เริ่มจากสแน็กคำเล็กที่เสิร์ฟมา 3 คำรวดเดียว โดยเป็น 3 วัตถุดิบทางทะเลที่ทุกคนรัก เริ่มจาก ไข่ปูม้าและเนื้อปูม้านึ่ง ยำง่าย ๆ กับผิวมะนาว เสิร์ฟมาในลูกเสาวรส ต่อด้วย พริกแกงหอยหมาก ที่ทำสไตล์เดียวเมนู Escargot ของฝรั่งเศส แต่เปลี่ยนมาใช้พริกแกงไทย และคำที่เราชอบมากคือ เบือกุ้งย่าง กุ้งแชบ๊วยจากฝั่งอ่าวไทย ย่างด้วยซอสเบือรสเปรี้ยวอมหวาน ท็อปด้านบนด้วยใบเล็บครุฑทอดกรอบ
ปิดท้ายด้วย Amuse-Bouche คำสุดท้ายที่หน้าตาขึ้นกล้องมาก ๆ จากแผ่นเจลลี่ดอกหลาที่วางอยู่ด้านบนข้าวยำสูตรโบราณ รสจัดจ้านด้วยเครื่องแกงใต้ ปลาแห้ง และส้มโอ


คอร์สหลักจานแรกเริ่มจาก ยำหอยหลอด ซึ่งเชฟต้นเลือกหยิบวัตถุดิบหาทานยากอย่างหอยไม้ไผ่มาเสิร์ฟพร้อมโฟมสับปะรดภูเก็ต หอมเจียว และมะม่วงเขียว ถัดมาเป็นเมนูอาหารท้องถิ่นประจำภูเก็ตอย่าง เปาะเปี๊ยะกุ้ง โดยเลือกหยิบเอาเมนูที่เรียกว่า 'เสี่ยวโบ๋ย' หรือติ่มซำที่คนภูเก็ตทานเป็นอาหารเช้า จับมาตีความใหม่สไตล์ Hyper Local โดยนำกุ้งลายเสือเนื้อแน่นจากทะเลภูเก็ตมาห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะญวน เสิร์ฟมาพร้อมซุปสต็อกกุ้งรสเข้มข้น และที่น่ารักมาก ๆ คือแถมคางกุ้งทอดที่เหลือจากกรรมวิธีการทำอาหาร (ร้านนี้เน้น Zero Waste ด้วยนะ) มาให้ได้เคี้ยวเพลิน ๆ ด้วย


อีก 2 คอร์สถัดมา คือจานที่เราชอบมาก ๆ อย่าง หอยเชลล์ซอสขมิ้น หอยเชลล์ตัวโตจากทะเลไทย เสิร์ฟมาพร้อมซอสขมิ้นชันรสเผ็ดร้อนที่ดับคาวอาหารทะเลได้ดี และตัดเลี่ยนด้วยแอปเปิลเขียวสไลด์มาบาง ๆ ส่วน ยำกุ้งมังกร ก็เป็นอีกคอร์สที่ถูกปากคนรักล็อบสเตอร์อย่างเราสุด ๆ ด้วยการนำเสนอ 'ภูเก็ตล็อบสเตอร์' เป็นโปรตีนหลักของจาน ย่างถ่านให้พอสุกครึ่งหนึ่ง เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศ เชอร์รีดอง และโรยด้านบนด้วยผงสาหร่ายพวงองุ่นทำเอง เพื่อเพิ่มรสชาติความอูมามิแบบไม่ต้องใช้ผงชูรส

จานไฮไลต์ของไฟน์ไดนิ่งคอร์สนี้ เราขอยกให้กับ หมึกน้ำดำ เมนูสีแปลกตาที่เกิดจากซอสดีหมึกสด ราดมาบนไข่หมึกจากฝั่งอันดามันที่นำไปอบด้วยความร้อนต่ำ ก่อนจะนำมาห่อใบตองเพื่อย่างให้สุกก่อนเสิร์ฟที่หน้าโต๊ะ ปิดท้ายด้วยการรมควันไม้แอปเปิลอีกครั้ง และท็อปไข่เค็มกับตะไคร้กรอบเพื่อความฟินระดับ 10 แมกนิจูด

จานเมนของคอร์สนี้เสิร์ฟมาเป็นกับข้าวให้ตักตามสไตล์คนไทย โดยมีทั้ง ปลากอและ น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงคั่วหอยมะระ และ ปลาต้มเต้าเจี้ยว ซึ่งนอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบจากทะเลไทยตามคอนเซปต์ที่เราเล่ามาแล้ว แต่ละจานยังแฝงด้วยลูกเล่นสุดละเอียดลออที่เป็นจับเอาเมนูพื้นบ้านไทยมาทวิสต์ได้อย่างลึกล้ำสมมงความเป็นไฟน์ไดนิ่งโลกใหม่ฝีมือเชฟต้นสุด ๆ

และปิดท้ายของหวานที่จับเอา ตูโบ้ ขนมพื้นบ้านภูเก็ตที่หาชิมยากมาแปลงโฉมใหม่ จากที่ปกติเมนูนี้จะเสิร์ฟในน้ำกะทิ แต่ทางร้านก็เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นเจลครีมกะทิรสเข้มข้นแทน และสำหรับผลไม้หลักอย่างฟักทองและมันม่วง ก็ถูกเอามาแปลงโฉมให้กลายเป็นชิปส์ฟักทองอบกรอบ และไอศกรีมมันม่วงแทน พร้อมพระเอกอย่างขนมตูโบ้เหนียวหนึบ เลอค่ามากเวอร์! จานนี้ถูกใจเรามาก ๆ จนปาดจานเกลี้ยงแทบไม่ต้องล้างจานกันเลยทีเดียว
Soimilk Says: จังหวะนี้ถ้าใจเราบอกว่าใกล้ ภูเก็ตก็แค่หน้าปากซอยนั่นแหละทุกคน! ใครที่กำลังแพลนทริปภูเก็ตช่วงปลายปีอยู่ เราอยากขีดเส้นใต้ด้วยปากกาไฮไลต์แปดร้อยล้านสี ว่าต้องห้ามลืมจองไปชิมคอร์สนี้จากร้านใหม่ของเชฟต้นโดยเด็ดขาด ยิ่งถ้าใครเป็นสาวกอาหารทะเลยิ่งต้องไป ส่วนถ้าใครกลัวว่าอาหารทะเลจุก ๆ ถึง 14 คอร์ส จะทำให้เลี่ยนเกิน เราบอกเลยว่า 'คิดผิด!' เพราะด้วยความเป็นเมนูอาหารไทยที่มาพร้อมเครื่องแกงรสจัดจ้าน และไวน์แพริ่งที่เลือกมาดีมาก ๆ ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว โรเซ่ และสวีตไวน์ จากซีเลกชันหายากรอบโลก ทำให้คอร์สนี้อิ่มอร่อยแบบฟินนาเล่ครบถ้วนทุกกระบวนความ ไม่ขาดไม่เกิน แถมราคายังดีงาม เริ่มต้นที่ 2,290 บาท เท่านั้น
สมุทร (Samut) ทางเข้าด้านหน้าโรงแรม Chevitr ใกล้หาดในหาน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลาทำการ พฤหัสบดี - จันทร์ 17:00 - 23:00 น. (จองล่วงหน้าเท่านั้น) โทร. 061-162-5269 www.tablecheck.com/en/shops/samut-phuket/reserve