Rare BKK เชฟส์เทเบิลน้องใหม่ จากการผสมผสานเทคนิคอาหารฝรั่งเศสและวัตถุดิบญี่ปุ่น

วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้ เราขออาสาพาทุกคนฝ่ารถติดข้ามฝั่งสุขุมวิทมาฝังตัวทางฝั่งศรีย่านแถบชานเมืองเก่ากันบ้าง ซึ่งด้วยคอนเซปต์ตามชื่อร้าน นั่นคือ Rare BKK

 

ความ 'แรร์' แรกที่เราจะเห็นได้ตั้งแต่ยังไม่ถึงร้าน คือการกล้าท้าทายตลาดใหม่ ๆ ด้วยการปลีกตัวออกมานอกย่านธุรกิจการค้า แล้วเปิดบ้านหลังเล็ก ๆ ในย่านเมืองเก่านี้ให้กลายเป็นพิกัดปักหมุดลับ ๆ สำหรับใครที่อยากมาลองชิมจากฝีมือเชฟหน้าใหม่แห่งวงการสายไฟน์ไดนิ่งอย่างเชฟแบม ธนโชติ ดลชลัยย์กร

 

 

เรือนกระจกชั้นเดียวหลังเล็กถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายใต้อาณาบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน The Rich Sriyan พร้อมด้วยสวนสีเขียวที่โอบล้อมและโรงจอดรถเล็ก ๆ ขนาดกะทัดรัดสำหรับแขกคนพิเศษที่จองคอร์สเชฟส์เทเบิลมาโดยเฉพาะ เป็นไซซ์ร้านอาหารที่สามารถบ่งบอกได้ถึงความไม่อวดอ้างตัวของร้านน้องใหม่ที่นำทีมโดยเฮดเชฟอายุน้อย ที่ตั้งใจโชว์ฝีมือการทำอาหารผ่านร้านอาหารร้านแรกในชีวิต ภายใต้คอนเซปต์สุดแสนถ่อมตัวอย่าง 'Casual Fine Dining' ที่เชฟบอกว่าไม่อยากให้การมาทานอาหารไฟน์ไดนิ่งเป็นทางการมากนัก และอยากให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนมาทานที่บ้านเพื่อน 

 

เลยเป็นที่มาให้เรือนกระจกหลังน้อยหลังนี้ อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความชิลล์ โต๊ะอาหารตัวใหญ่ถูกจัดวางหลวม ๆ อยู่กลางร้าน แบ่งอีกครึ่งของบ้านให้เป็นห้องครัวล้อมรอบด้วยกระจก ทำให้แขกอย่างเราสามารถมองทะลุไปดูทีมเชฟตระเตรียมอาหารที่ด้านในแบบไม่มีอะไรต้องปิดบัง

 

 

French Fine คือชื่อคอร์สอาหาร 11 เมนูแรกสุด ที่ทำมาเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดร้าน Rare BKK อย่างเป็นทางการ โดยเชฟแบมได้แรงบันดาลใจมาจากวัตถุดิบประจำฤดูกาลสุดพรีเมียมที่เกือบ 90% นำเข้าจากญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบลับสุดแรร์ที่สมกับชื่อร้านมาก ๆ บวกกับเทคนิคการทำอาหารแบบฝรั่งเศสแท้ ๆ ที่เชฟมีความชำนาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คอร์สอาหารในชื่อ French Fine นี้ เลยเป็นเหมือนปฐมบทแรกของเชฟส์เทเบิลที่เราอยากให้สายไฟน์ไดนิ่งทุกคนได้มาลอง!

 

 

 

หลังจากพูดคุยแนะนำเรื่องราวของคอนเซปต์ร้านกันคร่าว ๆ เชฟแบมก็เริ่มเปิดต่อมรับลิ้นเอาด้วย Amouse Bouche เมนูเรียกน้ำย่อย 3 คำไซซ์มินิ ที่เป็นตัวแทนของทะเล หาดทราย และแสงแดด จากวัตถุดิบเลียบชายฝั่งทะเลอย่างคาเวียร์ โฮตาเตะ และหอยตลับ ส่วนถัดมาเป็นอีก 2 คอร์สเบา ๆ อย่าง Island เกาะขนาดเล็กที่สร้างจากเห็ด 3 ชนิด คือ ชิตาเกะ ปารีสมัชรูม และชิเมจิ ด้านบนท็อปด้วยเกี๊ยวเนื้อปลากะพงขาวที่ทำรสชาติให้ออกแนวเอเชียนนิด ๆ และ Ocean ที่ทำโฟม Espuma สไตล์ฝรั่งเศสขึ้นมาจากเห็ดวินเทอร์ทรัฟเฟิล เสิร์ฟเคียงคู่กับหอยเชลล์โฮตาเตะตัวโตนำเข้าจากญี่ปุ่น

 

 

จานที่เราประทับใจมากที่สุดในคอร์สนี้คงต้องยกให้ Lake ที่ยกเอาแรงบันดาลใจจากทะเลสาบ มาสรรค์สร้างจานอาหารจากกุ้ง Botan Ebi เสิร์ฟมาด้านบนซุปดอกกะหล่ำสุดครีมมี่ พร้อมตัดเลี่ยนด้วยหยดน้ำมันโหระพาที่เชฟสกัดเอง

 

 

 

ตามมาด้วยเมนคอร์สทั้งสองจานอย่าง Rock ที่เชฟแบมเลือกใช้หอยเป๋าฮื้อเนื้อสดเด้งมาผสมกับเทคนิคการทำ Escargot อาหารสุดคลาสสิกประจำชาติของฝรั่งเศส พร้อมเพิ่มเทคนิคสมัยใหม่ด้วยการใส่สมุนไพร เครื่องเทศ และเครื่องปรุงลับอย่างกากน้ำตาลจากภาคใต้ลงไปด้วย และปิดท้ายด้วย Wild จานหลักสุดท้ายที่ทำเราอิ่มแปล้ด้วยไขมันแทรกชุ่มฉ่ำทั้งปากจากเนื้อวากิวเกรด A5 สายพันธุ์ฮากาตะ พร้อมด้วยฟัวกราส์เทอรีนห่อเบคอนคำเล็ก ๆ ให้ได้ทานคู่กันเพื่อเพิ่มรสชาติและความหรูหราแบบไฟน์ไดนิ่งได้เป็นอย่างดี

 

 

ตบท้ายล้างปากด้วยขนมอีก 2 คอร์สอย่าง Farm และ Forest ที่แสดงให้เห็นถึงความประณีตบรรจงที่ไม่ได้มีดีแค่อาหารคาวเท่านั้น แต่ในพาร์ตอาหารหวานก็ทำออกมาได้ดีเกินเลเวลเชฟมือใหม่

 

Soimilk Says: แน่นอนว่าคอร์ส French Fine ในสนนราคาเบ็ดเสร็จรวม 2,800 บาทนี้ ถือเป็นคอร์สแรกประเดิมวงการไฟน์ไดนิ่งของทีมเชฟมือใหม่ที่พยายามงัดเอาความเป็นตัวเองในแบบฉบับ 'แรร์' ออกมาเสิร์ฟเป็นอาหารสุดประณีตทั้ง 11 จาน ซึ่งเราเชื่อว่าทีมเชฟ Rare BKK ยังเก็บทีเด็ดและมุกสำรองเอาไว้อีกเพียบเพื่อรังสรรค์ความพิเศษอื่น ๆ ในคอร์สต่อไป สำหรับใครที่เบื่อความเป็นทางการผูกเนกไทกินไฟน์ไดนิ่งแบบเดิม ๆ เราอยากให้ทุกคนลองเปิดใจมาชิมเมนูของที่นี่กันบ้าง เพราะนอกจากสนนราคายังน่ารักกรุบกริบ ไม่โหดร้ายเกินไปแล้ว ยังถือว่าได้ช่วยผลักดันเชฟเลือดใหม่ให้เติบโตมารันวงการไฟน์ไดนิ่งในอนาคตอย่างมีคุณภาพอีกทางอีกด้วยนะ