Mother Say No: แลนด์มาร์กใหม่แห่งเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพาวิลเลียนไม้ไผ่ขนาดยักษ์ ถึงแม่ไม่ให้แต่ใจอยากทำ!

ใครที่ไม่ได้ไปเขาใหญ่นาน ๆ แล้วเพิ่งกลับไปอีกรอบในช่วงหน้าหนาวนี้ อาจได้มีกรีดร้องกันบ้างแน่ ๆ หากขับผ่านพิกัดปักหมุดใหม่ล่าสุดอย่าง Mother Say No ที่จู่ ๆ ก็เหมือนโผล่ขึ้นมากลางถ.ธนะรัชต์ ที่เป็นถนนเส้นหลักของโซนเขาใหญ่ ขนาดเราเองยังเบรกรถดังเอี๊ยด และเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่เข้าเขตระยะสายตาของร้านนี้ก็น่าจะตกใจไม่แพ้เรา เพราะด้วยสถาปัตยกรรมสุดแปลกตาของตัวร้านที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลไม่ว่าจะขับรถมาจากฝั่งไหนของถนน ถือจุดดึงดูดสายตานัมเบอร์วันที่ไม่ว่าใครผ่านก็ต้องอยากแวะชัวร์ ๆ

 

 

ถ้าบอกว่ารูปแบบสถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่นี้เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบของทีมสถาปนิกที่เคยฝากฝีมือไว้ในงานเฟสติวัลสุดยิ่งใหญ่แห่งประเทศอย่าง Wonderfruit หลาย ๆ คนคงต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เพราะเขานำเอาเอกลักษณ์การใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ มาสร้างเป็นอาคารพาวิลเลียนขนาดยักษ์ในรูปทรงฟรีฟอร์ม โดยมีจุดเด่นคือทางเดินวนรอบตัวพาวิลเลียนซึ่งเชื่อมระหว่างชั้น 1 จนถึงชั้น 3 คล้ายโครงสร้างแบบเกลียว ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนทำร้านอาหารในระดับบิ๊กสเกลขนาดนี้ แม่ที่ไหนก็ไม่มีทางยอมให้ลูกทำเด็ดขาด นั่นเลยเป็นที่มาชื่อร้าน Mother Say No ที่หลายคนสงสัยนั่นเอง!

 

 

 

พื้นที่ชั้น 1 ต้อนรับนักเดินทางด้วยกลิ่นหอมของเบเกอรีอบใหม่ (โดยเฉพาะกลิ่นครัวซอง) ที่โชยกลิ่นออกมาจาก bake room โอบล้อมด้วยกระจกใส ซึ่งเราสามารถยื่นดูพนักงานอบขนมกันได้สด ๆ ตรงนั้นเลย โดยส่วนใหญ่แล้วใครที่แวะมาจิบกาแฟเติมคาเฟอีนเข้าร่าง และจุบจิบขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเติมพลังก่อนเดินทางต่อ ก็มักจะเลือกนั่งกันที่โซนติดแอร์ที่ชั้นแรกนี้ พร้อมโบนัสเป็นวิวสวนสีเขียวและน้ำตกขนาดยักษ์ที่โซนด้านหลังร้าน

 

เมนูเบเกอรีซิกเนเจอร์ของที่นี่ต้องยกให้กับบรรดาครัวซองที่เขาไม่ได้ทำมาเล่น ๆ แค่ไม่กี่แบบ แต่มีให้เลือกมากถึง 11 รสชาติ เริ่มตั้งแต่ครัวซองแบบคาวอย่าง ครัวซองแฮมชีส (150 บาท) ไปจนถึงครัวซองไส้ทะลัก อาทิ ครัวซองสตรอเบอร์รี่ (180 บาท) และครัวซองช็อกโกแลตวอลนัต (180 บาท) รวมถึงของหวานเบา ๆ เอาใจสายคาเฟ่ฮอปปิง อย่างเค้กไข่ไต้หวัน (120 บาท) กับคาราเมลพุดดิ้ง (119 บาท) ซึ่งจุด ๆ นี้ใครจะมีจิตศรัทธาสั่งเครื่องดื่มมาเสริมทัพด้วย เราก็แนะนำให้ลอง Kalua Milk Coffee (180 บาท) และ Honey Yuzu Lavender (160 บาท) ที่ทั้งสดชื่นและตัดเลี่ยนของหวานได้ดี 

 

 

ส่วนใครที่เดินวนรอบพาวิลเลียนขึ้นไปอีกชั้น จะได้เจอกับความอลังการของพื้นที่นั่งบนชั้น 2 และ 3 เป็นรางวัลแทนค่าปวดน่องขา ซึ่งไฮไลต์ของชั้นนี้คือพื้นที่แบบโอเพ่นแอร์ให้บรรยาศแบบสเปซเปิดโล่งด้วยเพดานสูง ใช้ความสว่างของแสงธรรมชาติที่ส่องลอดผนังไม้ไผ่เป็นตัวช่วยให้บรรยากาศในตอนกลางวันดูโปร่ง และแสงเทียนพร้อมดนตรีสดคลอเบา ๆ ในช่วงกลางคืนที่มอบซีนสุดโรแมนติกให้กับชั้นนี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

สำหรับเมนูอาหารคาวที่ได้ เชฟบัส ธวัชชัย อัครวงศ์วัฒนา เชฟสายไฟน์ไดนิ่งชื่อดังจากรายการ Top Chef Thailand Season 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของร้านนี้มาช่วยครีเอตเมนูปัง ๆ ก็มีจานเด็ดตั้งแต่ออร์เดิร์ฟยันเมนคอร์ส ที่เชฟบัสแอบกระซิบเรามาว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อันได้แก่ Rose Shrimps Zab (280 บาท) เมนูที่เก๋ไปไกลว่ากุ้งแช่น้ำปลาปกติ แต่เขาเอาไปแช่กับเบียร์ Hoegaarden Rosée ก่อนเสิร์ฟ เพื่อความนุ่มนวลของเนื้อกุ้งที่มาพร้อมกลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของสมุนไพรตระกูลฮอปส์ และ Korat Roasted Chicken (650 บาท) ไก่อารมณ์ดีจากฟาร์มในละแวกโคราช หมักด้วยโยเกิร์ตในสไตล์โปรตุเกสและเสิร์ฟพร้อมซอสรสติดเผ็ดสไตล์ peri peri 

 

 

อีก 2 เมนูถัดมา คือจานที่เรารักแรงมาก ๆ นั่นคือ Khao Yai Salad (320 บาท) สลัดผักปลอดสารที่ได้มาจากฟาร์มเพื่อนบ้านรอบ ๆ เขาใหญ่ มีทีเด็ดคือน้ำสลัดรสเปรี้ยวอมหวานที่ทำมาจากเสาวรส และ Honey Barbecue Pork Ribs (450 บาท) ซี่โครงหมูรมควันที่เนื้อนุ่มจนหลุดออกจากกระดูกแบบแทบจะไม่ต้องใช้แรงดึง รสชาติหวานหอมกลมกล่อม พร้อมสลัดข้าวโพดที่เสิร์ฟเคียงกันมาเน้น ๆ

 

Soimilk Says: จุด ๆ นี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเราเชื่อว่านี่จะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่สายกินดื่มทุกคนต้องแวะเมื่อไปเขาใหญ่อย่างแน่นอน ข้อดีคือเมนูที่มีให้เลือกเยอะขนาดที่เพื่อนที่เรื่องมากที่สุดในกลุ่มยังไม่บ่น แถมเชฟบัสยังเกริ่นอีกว่า หลังจากเปิดไปสักพัก เขาจะเริ่มทำโซนสวนด้านหลังให้เป็นโซนสำหรับสายบาร์บีคิวจริงจัง พร้อมอิเวนต์ปัง ๆ ทุกเดือนที่เอาใจทั้งคนโลคัล และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนเขาใหญ่ได้บ่อย ๆ อย่างแน่นอน!