วันเดอร์แลนด์ฉบับปี 2022 ของ It's Happened
เชื่อว่าการมีอยู่ของแบรนด์ It's "Happened To Be" A Closet คืออีกหนึ่งตำนานที่วัยรุ่นปี 2000s ต้องจำขึ้นใจเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่เป็นแบรนด์ที่เคยเขย่าวงการคนชิคยุคนั้นแบบสับ ๆ มาแล้วเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการกล้าท้าทายกรอบเดิม ๆ และฉีกกฎเกณฑ์ในเลเวลที่ไม่มีใครไม่รู้จักและไม่พูดถึงความฟาดของแบรนด์นี้ที่นำทัพโดย พี่แจะ ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล ตัวแม่แห่งสายแฟชั่นในสมัยนั้นอย่างแน่นอน
จนถึงตอนนี้กับสนนเวลาร่วม 20 ปีที่ It's "Happened To Be" A Closet พิสูจน์แล้วว่าในโลกยุคใหม่นี้ ทั้งเสื้อผ้า ไลฟ์สไตล์ และอาหาร สามารถมัดรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้แบบแสนเก๋ ภายใต้มู้ดแอนด์โทนที่ผู้คนในยุคเมื่อ 20 ปีก่อนยังไม่มีใครกล้าทำ ทั้งวอลเปเปอร์ทำมือ สัตว์สตัฟฟ์ โซฟาบุผ้าพิมพ์ลาย รวมถึงจานชามสกรีนชื่อร้านแสนยาวยืดที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปโดยปริยาย ซึ่งหลังการปักหมุด It's "Happened To Be" A Closet สาขาแฟล็กชิปในซ.สุขุมวิท 23 เมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนี้เมืองหลวงของอาณาจักรแห่งนี้ก็ถึงเวลารีโนเวตใหม่ทั้งหมด และพร้อมกลับมาเปิดทำการเพื่อท้าทายไลฟ์สไตล์คนเก๋กันอีกครั้ง!

ตามประสาบ้านหลังใหญ่ที่ผ่านการใช้งานมานานอย่างหนักหน่วง (แถมมีคนเข้าออกตลอดทั้งวัน) 7 ปี จึงน่าจะเป็นช่วงระยะสมควรแก่เวลาที่เจ้าของบ้านหลังนี้จะเข้าสู่เฟสปรับปรุง ตั้งแต่หน้าประตูยันห้องด้านในสุด โดยการแปลงโฉมครั้งนี้เริ่มจากการนำรั้วเหล็กสีดำสไตล์ยุโรปที่เคยกั้นระหว่างตัวบ้าน สวน และทางเท้าที่ติดกับถนนเส้นหลักออก ทำให้ตอนนี้เราสามารถเดินจากหน้าถนนเข้ามาในพื้นที่อาณาเขตของอาณาจักร It's "Happened To Be" A Closet Flagship Store ได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีอะไรมากั้น ซึ่งเอาจริงเราชอบการเอารั้วออกครั้งนี้มาก ๆ เพราะมันมาพร้อมความรู้สึกเฟรนด์ลี่มากกว่าแต่ก่อน ถ้าสาขานี้เมื่อ 7 ปีก่อน คือฉากตรงปากทางเข้าโพรงกระต่ายของอลิสที่ดูลึกลับน่าฉงน หน้าร้านหลังการรีโนเวตรอบนี้ก็น่าจะคล้ายกับซีนที่อลิสทะลุเข้ามาถึงปราสาทหลักของอาณาจักรวันเดอร์แลนด์แล้วนั่นเอง (เพิ่มเติมคือเหมือนมีคำว่า 'เวลคั่มจ้า' ตะโกนดัง ๆ ออกมาจากตัวบ้าน)

คู่สีเฉดใหม่ในโทนฟ้าเข้มและดำ ถูกฉาบทาลงบนผนังของตัวบ้านหลังหลักที่ตอนนี้เคลียร์ต้นไม้ที่บดบังบ้านออก เผยให้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการของบ้าน 2 ชั้น ยุคมิดเซ็นจูรี่หลังนี้ พร้อมไฮไลต์ชวนสะดุดตาไล่มาตั้งแต่จั่วบ้านที่ทำเพิ่ม ลงมาจนถึงห้องเสื้อผ้าบนชั้น 2 ที่สามารถแอบมองเข้าไปส่องเสื้อผ้าด้านในได้จากหน้าต่างกระจกใสบานยักษ์ ยันโซนไพรเวตด้านในบ้านที่จัดเป็นสัดเป็นส่วนมากกว่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือเฟอร์นิเจอร์ ของสะสม และจิตวิญญาณของสาย Maximalism ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวี่วัน


ที่ต้องร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ คือห้องกระจกด้านหน้าบ้านที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ โดยอุทิศพื้นที่สนามสีเขียวครึ่งหนึ่งของจากอาณาจักรเดิม ก่อสร้างเพิ่มเติมให้กลายเป็นโซน 'MEAT' โซนที่แค่เห็นชื่อก็รู้เลยว่าเน้นขายเนื้อ โดยจะโฟกัสไปที่เนื้อนำเข้าจากหลากหลายฟาร์มทั่วโลก เน้นเฉพาะฟาร์มที่ไม่ได้อร่อยแค่รสชาติ แต่สตอรี่เบื้องหลังก็ต้องจ๊าบด้วย อาทิ Magaret River Wagyu ฟาร์มวัววากิวชื่อแสนเก๋จากออสเตรเลียที่โด่งดังเรื่องการเลี้ยงวัวแบบ Stress-free ให้น้องวิ่งโลดแล่นบนทุ่งหญ้าเพื่อความสวยงามเนื้อวากิวลายหินอ่อน ซึ่งเนื้อชั้นดีจากหลากหลายฟาร์มที่คัดมาแล้วนี้ จะถูกทางร้านแบ่งมาดรายเอจในตู้แช่ราคาแพงที่ตั้งโชว์เด่นหราอยู่หน้าร้าน
ส่วนพื้นที่อีกครึ่งของโซนใหม่นี้ ถูกแบ่งสเปซให้เป็นร้านขายของชำไซซ์มินิ ที่มีขายตั้งแต่เส้นสปาเกตตียี่ห้ออิตาเลียนแปลกตา น้ำมันมะกอกออร์แกนิก ไวน์ขาวและแดงจากไร่ไวน์ในแถบโลกเก่า ไปถึงจานชามวินเทจ และหนังสือทำมือจากเพื่อนพี่น้องในวงการแฟชั่นของพี่แจะ
เนื้อเน้น ๆ และอาหารอิตาเลียนแน่น ๆ



แน่นอนว่าถ้าจะพูดถึงโซน MEAT ซึ่งเป็นไฮไลต์ใหม่ของอาณาจักร It's "Happened To Be" A Closet ฉบับปี 2022 มาขนาดนี้ แล้วไม่ยอมสั่งเมนูในหมวดหมู่เนื้อมาลองชิม คงเรียกได้ว่าเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตแน่ ๆ รอบนี้เราเลยขอสั่ง Square for Sear (890 บาท) เซตเริ่มต้นสำหรับคนรักการกินเนื้อแต่กระเพาะอาหารมีพื้นที่จำกัดมาชิม โดยเราสามารถเลือกเนื้อจากฟาร์มต่าง ๆ ที่ทางร้านคัดสรรมา ให้เชฟแล่เป็นไซซ์ขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กพอดีคำ ย่างด้วยไฟแรงและทานคู่กับเกลือตามสไตล์ดั้งเดิม หรือใครที่อยากลองทานเนื้อแบบฝรั่งเศส ก็สามารถสั่ง Filet Mignon (1550 บาท) เมนูพื้นบ้านที่ชาวปารีสรัก โดยเราเลือกสั่งเป็นเนื้อวัวออสเตรเลียส่วนสันในจากฟาร์มชื่อ Ebony มาให้เชฟจัดการย่างและราดซอสเกรวี่คลาสสิก พร้อมเสิร์ฟมาคู่กับมันบดและซอสเกรวี่ชีส 3 ชนิด รสชาติข้นคลั่กในแบบที่เด็กอ้วนต้องหลั่งน้ำตา!
ปิดท้ายหมวดหมู่เนื้อด้วย Bone Marrow (550 บาท) ไขกระดูกวัวที่ละลายไปกับเนยและกระเทียม คุณค่าที่คุณคู่ควรจากการเลือกใช้กระดูกวัวของฟาร์ม SHER ที่ได้รางวัลเรื่องสายพันธุ์วัววากิว เสิร์ฟพร้อมขนมปังบริยอชโฮมเมดอบจากเตาร้อน ๆ ทุกวัน ซึ่งทางร้านแนะนำให้จับคู่กินแบบฟินนาเล่กับไวน์แดงตัวพิเศษอย่าง Le Sughere (1,950 บาท) ไวน์ลูกผสมที่เกิดจากการคอลแลบฯ กันระหว่างไร่ไวน์ที่ฝรั่งเศสกับอิตาลี (ที่ปกติมักจะตีกันมาตลอดปีตลอดชาติ) ทำให้ไวน์ขวดนี้ให้รสซับซ้อนจากสายพันธุ์องุ่นที่ต่างกันนั่นเอง


ตัดภาพกลับมาที่เมนูอาหารอิตาเลียนตามแบบฉบับ It's "Happened To Be" A Closet ซึ่งหลังจากการรีโนเวตอาณาจักรรอบนี้ ก็กลับมาพร้อมเมนูสุดอลังการใหม่ ๆ ยาวเป็นหางว่าว รอบนี้เราเลือกสั่ง Dr.Salad No.4 (590 บาท) สลัดจานยักษ์ที่คิดค้นขึ้นมาจากคำสั่งหมอที่ให้กินผักทุกวัน! โดย Dr.Salad นัมเบอร์ต่าง ๆ ล้วนประกอบด้วยผักสดที่นำไปย่างจนกรอบนิ่มและซอสสลัดหลากรสที่ขนาดคนกินผักยากยังกินหมดจาน โดยจานของเราเป็นกะหล่ำปลีม่วงย่างกับซอสทาฮินีสไตล์กรีกรสติดเปรี้ยวและครีมมี่
และจานใหม่จานสุดท้ายที่เซอร์ไพรส์แฟนคลับร้านนี้อย่างเรามาก ๆ คือ Spaghetti Mentaiko & Lobster (2,250 บาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกของ It's "Happened To Be" A Closet ที่แหวกแนวมาทำอาหารสไตล์ญี่ปุ่น โดยจับเอาวัตถุดิบพรีเมียมอย่างไข่ปลาเมนไทโกะมาโปะลงไปแบบเบิ้ม ๆ บนสปาเกตตี และเสิร์ฟมาพร้อมกุ้งล็อบสเตอร์ตัวยักษ์ จัดเป็นอีกหนึ่งจานที่อลังการงานสร้างสมมงความ more is more ที่เป็นกิมมิกหลักของร้านนี้โดยแท้

ปิดท้ายด้วยความฟินนาเล่ที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนอาณาจักรแห่งนี้อย่างของหวานจากร้านขนม A Pink Rabbit + Bob แบรนด์ลูกที่ย้ายออกมาประจำการใกล้บริเวณสวนด้านหน้าแทนการซ่อนตัวอยู่ในมุมเล็ก ๆ ข้างในบ้าน โดยมีให้เลือกทั้งเค้กครีมแน่น ๆ ขวัญใจเด็กอ้วน ยันฟรุตเค้กรสชาติเบา ๆ อาทิ Queens Berry Fresh Cream (235 บาท) และ Orange Butter Cake (185 บาท) อารมณ์ประหนึ่งว่าถ้ามาร้านนี้แล้วไม่ได้กินเค้ก เท่ากับมาผิดร้าน!


Soimilk Says: ในยุคที่สรรพสิ่งคาเฟ่ ร้านอาหาร ยันเสื้อผ้าบนหน้าฟีดมีแต่ความมินิมอลเกาหลี การปรับโฉมครั้งนี้ของ It's "Happened To Be" A Closet คือการฟาดกรุงเทพฯ แรง ๆ ด้วยความ Maximalism ที่ไปสุดทางอย่างแท้จริง เราชอบความไม่กั๊กอะไรทั้งนั้นของร้านนี้ ตั้งแต่การขายเสื้อผ้าที่ใส่ดีเทลและทำมือสุดคราฟต์ทุกชิ้น พาร์ตร้านชำที่เลือกของมาขายแบบไม่สนกำไร ยันอาหารทุกจานที่ประโคมใส่ทุกอย่างลงไปทั้งวัตถุดิบพรีเมียม การตกแต่ง ยันจานชามแก้วน้ำที่ใช้ จนขนาดเจ้าของแบรนด์ถึงกับพูดเองว่าสาขานี้คือความยานแม่ของแบรนด์ที่แท้จริง และจะไม่มีสาขาไหนที่ทำแบบนี้ได้อีกแล้ว (เพราะแยกร่างไม่ได้!) จุด ๆ นี้ไม่ว่าคุณจะเกิดทันยุคเริ่มต้นของ It's "Happened To Be" A Closet สมัยขายแค่เสื้อผ้าเมื่อ 22 ปีก่อน หรือจะโตมาทันเฉพาะตอนยุคเฟื่องฟูสุด ๆ ของสาขาสุขุมวิทแห่งนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่อาณาจักรในรูปโฉมใหม่ล่าสุดฉบับปี 2022 นี้ ถือเป็นหนึ่งใน a must ที่เหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์รุ่นเก่ารุ่นใหม่ทุกคนควรปักหมุด และแวะเวียนกลับมาอีกครั้งแบบด่วนที่สุด!
It's Happened To Be A Closet ซ.สุขุมวิท 23 เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 22:00 น. โทร. 081-565-2026 BTS อโศก (จอดรถได้ที่เวิ้ง NARZ Bangkok) fb.com/itshappened23