It’s a time for tapas! ได้เวลาสำหรับทาปาสแล้ว! เป็นความหมายเต็มๆ ของ El Tapeo (เอล ทาเปโอ) ร้านอาหารสเปนแห่งใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ ที่พกพารสชาติต้นตำรับจากกรุงมาดริด กลิ่นอายอันทรงเสน่ห์ของแผ่นดินอันดาลูเซีย พร้อมกับบรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเองตามแบบฉบับของชนชาติสเปนมาไว้ใจกลางทองหล่อ

“ถึงแม้จะมีร้านอาหารสเปนหลายร้านในกรุงเทพฯ แต่ทุกร้านมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป พวกเรา (ชาวสเปน) ตั้งใจจะเผยแพร่ความพิเศษที่มันหลากหลาย แทนที่จะทำอะไรเหมือนๆ กันไปหมด” - Jorge Arnanz
เราประทับใจตั้งแต่แนวคิดแรกเริ่มของคุณ Jorge Arnanz และคุณมนัสนันท์ เจริญสุข คู่รักสองสัญชาติที่ไม่ได้มองว่าร้านอื่นเป็นคู่แข่ง แต่เลือกที่จะนำเสนออาหารสเปนผ่านเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอันหลากหลายของแต่ละพื้นที่ในประเทศสเปน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้กลายเป็น El Tapeo ในที่สุด
กลิ่นอายทรงเสน่ห์ของอันดาลูเซีย
เมื่อก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป เรารู้สึกได้ทันทีว่านี่คือ Tavern ในสเปนชัดๆ ซึ่งมันเป็นร้านประเภทที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อจิบเบียร์สักแก้วพร้อมกับแกล้มสักหน่อย นั่งคุยและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์หลังเลิกงานที่มาได้ทุกวี่ทุกวัน คล้ายกับอิซากายะของชาวญี่ปุ่นนั่นแหละ

ตัวร้าน 3 ชั้นแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ชั้นแรกโดดเด่นด้วยพื้นโมเสคที่ซ่อนความโมร็อกกันเอาไว้อย่างแนบเนียน ถือเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นอันดาลูเซียในสเปนที่ผสมผสานความเป็นยุโรปและแขกมัวร์อย่างลงตัว บาร์ใหญ่พร้อมแท็ปเซรามิคของเบียร์ Estrella Galicia ตั้งอยู่ทางซ้ายมือโดยมีขวดไวน์และแอลกอฮอล์มากมายเรียงรายอยู่บนชั้นติดกำแพงเป็นฉากหลัง ใครใคร่นั่งหน้าบาร์ก็แล้วแต่ใจ หรือจะไปนั่งชิลที่โต๊ะกลมกับโซฟานุ่มๆ ก็ย่อมได้

เดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 2 เราจะเจอกับความมีชีวิตชีวาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองเซบีญ่า โดยเฉพาะมุมส่วนตัวเล็กๆ สำหรับ 6-8 คนที่ล้อมรอบด้วยผนังภาพปรินท์สีซีเปียของ Plaza de España ให้อารมณ์เหมือนนั่งทานข้าวอยู่กลางจัตุรัสสีเหลืองทองอร่ามอันโด่งดัง

เราโปรดปรานชั้น 3 มากที่สุดกับโต๊ะ-เก้าอี้หลายแบบที่อยู่ด้วยกันแล้วสบายตา เหมือนกับว่ามานั่งบ้านเพื่อนที่ชอบสะสมเฟอร์นิเจอร์ ประกอบกับบรรดารูปถ่ายขาว-ดำหลายมุมของกรุงมาดริด ซึ่งเป็นทั้งเมืองหลวง เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน รวมถึงบ้านเกิดของคุณ Jorge อีกด้วย
รสชาติต้นตำรับจากกรุงมาดริด
เราปลื้มอกปลื้มใจเหลือเกินเพราะในที่สุดก็มีร้านอาหารสเปนที่รังสรรค์รสชาติได้ใกล้เคียงกับต้นตำรับจริงๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะเชฟใหญ่ของร้านคือคุณ Rubén González เชฟ-ผู้สืบทอดกิจการ El Rinconcito de Juan (เอล รินคอนซิโต เด ฆวณ) ร้านอาหารประเภท Tavern ที่อยู่คู่ย่าน Ciudad Jardín ในกรุงมาดริดมาถึง 12 ปีแล้วจนถึงทุกวันนี้ โดยคุณเชฟจะบินไปมาเพื่อควบคุมคุณภาพของร้านอาหารทั้งในกรุงเทพฯ และมาดริด
เรียกได้ว่า El Tapeo เป็นร้านอาหารพี่น้องของ El Rinconcito de Juan อย่างแท้จริง

เชฟ Rubén González
เมนูกรุบกริบทานง่ายในราคาสบายกระเป๋า
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าอาหารสเปนไม่ได้มีแค่ทาปาส (Tapas) กับข้าวผัดปาเอญ่า (Paella) ซึ่งเมนูของ El Tapeo จะพาเราไปสอดส่องท่องโลก Spanish Culinary อย่างครบถ้วน โดยเน้นหนักที่การประกอบอาหารเมดิเตอร์เรเนียนสไตล์มาดริด รวมทั้งหยิบยกหลากหลายเมนูเด็ดจากแคว้นและเมืองอื่นๆ ทั่วสเปน -- อาทิ กาลิเซีย บาเลนเซีย และโตเลโด-- มาให้ลองกันด้วย

Tostas หน้าต่างๆ
เริ่มจาก Tostas (ตอสตา, 150-250 บาท) หรือแซนวิชหน้าเปิดที่เป็นอาหารเช้ายอดนิยมของชาวสเปน ขนมปังโทสต์กรอบกำลังดี โปะหน้าด้วยวัตถุดิบหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นชีสกามองแบร์ ชีสบรี เซอร์ลอยด์ แซลมอน หอมผัด พริกหยวกผัด ทูน่า แองโชวี่ และแน่นอนว่ามีหน้า jamón ibérico หรือแฮมจากหมูดำแถบไอบีเรีย กับซัลซาที่มีเนื้อมะเขือเทศสับจริงๆ อยู่ด้วย (ซึ่งเราปลื้มมากเป็นการส่วนตัวเพราะบางร้านปาดให้แค่วิญญาณมะเขือเทศ)

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยคือ Cold Cut (พวกแฮมกับไส้กรอก) และชีสที่กินเล่นกันเป็นเรื่องปกติ รวมถึงเมนูเฮลท์ตี้ในหมวด de la huerta ที่แปลตรงๆ ได้ว่าเมนูผักๆ อย่างสลัดและ Gazpacho (กาซปาโช่) หรือซุปเย็นเนื้อละมุนละไมใกล้เคียงน้ำผลไม้ ซึ่งเป็นการรวมตัวของมะเขือเทศ กระเทียม พริกไทยดำ และน้ำมันมะกอก
รู้หรือไม่? Oilve oil หรือน้ำมันมะกอกที่ดีที่สุดในโลกนั้นมาจากสเปน ไม่ใช่อิตาลีอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน (ถ้าไม่เชื่อลองไปดูการจัดอันดับได้ที่เว็บไซต์นี้) แถมน้ำมะกอกส่วนใหญ่ในอิตาลีก็นำเข้าจากสเปนนะ
ลงลึกให้มากกว่าทาปาส

Croquetas
อาหารอีกหมวดที่เราอยากแนะนำคือ Racinoes (ราซิโอเนส) ที่บางคนอาจเข้าใจว่ามันเป็นทาปาสซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ความจริงแล้วทาปาสสำหรับชาวสเปนคือของกรุบกริบที่ได้แถมฟรีกับเครื่องดื่ม หลุดจากนั้นจะเรียกว่าเป็น Raciones กันมากกว่า เช่น Croquetas (ครอเกตาส 5 ชิ้น 150 บาท) ปังบอลจากซอส Béchamel (เบชาเมล) สอดไส้ jamón serrano (เป็นแฮมยอดนิยมอีกชนิด) เห็ด Boletus และชีสกับผักขม

Chorizo a la sidra
อีกเมนูในหมวด Raciones ที่อยากให้ลองคือ Chorizo a la sidra (โชริโซ่ อะ ลา ซีดรา, 280 บาท) หรือไส้กรอกสเปนหมักผงปราปริก้า ปรุงกับซอสแอปเปิ้ลไซเดอร์ เสิร์ฟบนจานร้อนฉ่า ที่ความเผ็ดร้อนของปาปริก้าจะค่อยๆ กระจายในปากเมื่อเคี้ยวไปเรื่อยๆ หรือจะเป็น Berenjenas fritas con miel (เบเรนเฆนาส ฟริตาส กอน มิเอล 170 บาท) มันฝรั่งทอดดีปฟรายด์เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมลน้ำผึ้งที่เป็นของขึ้นชื่อจากเมืองกอร์โดบาก็น่าลองไม่แพ้กัน
อาหารหนักที่ไม่ได้มีแค่ปาเอญ่า

Gambas al ajillo

Pimientos de padrón (พริกหยวกเขียวทอดโรยเกลือ)
อีกหมวดที่อยากแนะนำให้รู้จักคือ Cazuelas (คาซูเอลาส 150 บาททุกเมนู) ที่เสิร์ฟมาในชามหม้อดิน เราชอบ Gambas al ajillo (กามบาส อัล อฆิโย) กุ้งผัดกับน้ำมันมะกอก พริกขี้หนู และกระเทียม ความดีงามคือกระเทียมกรอบเป็นจุดเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามและได้ใจเราไปจริงๆ นอกจากนี้ยังมีพริกหยวกเขียวทอดโรยเกลือ และมันฝรั่งอบเนื้อในนุ่มจิ้มซาวครีมที่กินได้เรื่อยๆ เพลินๆ

สุดท้ายคือข้าวผัดปาเอญ่า (ถ้าไม่พูดถึงต้องบาปมากแน่ๆ) ที่ปรุงตามแบบฉบับดั้งเดิมจากบาเลนเซีย เราได้ลอง Arroz negro (850 บาท) ข้าวดำปรุงจากน้ำหมึกของปลาหมึก ผัดแบบข้าวยังเป็นเม็ดกำลังพอดี ไม่แห้งไป ไม่แฉะไป เครื่องเทศคลุกเคล้าเข้าถึงเนื้อกุ้ง หอย และหมึกจริงๆ แถมเสิร์ฟมาในกระทะใหญ่ กินได้ 3-4 คนสบายๆ
รู้หรือไม่? ความจริงแล้วชาวบาเลนเซียจะเรียกเมนู "ปาเอญ่า (Paella)" สำหรับข้าวผัดแซฟฟรอนสีเหลืองกับไก่เท่านั้น ส่วนเมนูข้าวอื่นๆ มีศักดินาเป็นแค่ข้าวผัดธรรมดา (ลูกเมียน้อยไปอีก) แต่ทุกวันนี้ทั่วโลกก็เหมารวมว่าข้าวผัดจากสเปนคือปาเอญ่าทั้งหมดนั่นแหละ

สำหรับของหวานกับเครื่องดื่มก็ดีงามตามท้องเรื่อง มีไวน์จากสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสให้เลือกสรร แต่ที่เราชอบมากๆ คือ tinto de verano (ตินโต เด เบราโน) เครื่องดื่มเย็นเบสไวน์แดงคล้ายกับแซงเกรีย และ cava sangria (คาวา ซางเกรีย) ที่ใช้บรั่นดีกับ Cava (Sparkling Wine ของสเปน) เป็นส่วนผสมหลัก น้อยที่ในกรุงเทพฯ จะมีเมนูนี้
สนุกสนานเป็นกันเองสไตล์ลาติโน

อีกเสน่ห์ของชนชาติสเปนคือความเป็นกันเองสุดๆ และความเฟรนลี่ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบจนขึ้นชื่อว่าเป็น Land of Passion และปาร์ตี้สังสรรค์กันแบบไม่หยุดยั้ง ซึ่งที่ El Tapeo ก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ กับความใส่ใจของทุกคน ตั้งแต่บริกร เชฟ ไปจนถึงเจ้าของ รวมถึงดนตรีอัพบีทสนุกๆ (ที่ไม่ใช่ Despacito ฮ่าๆ) อย่างฟลาเมงโกและเซบีญาน่าก็ช่วยเสริมความมีชีวิตชีวาเข้าไปใหญ่
“ตอนอยู่สเปนเราไปแฮงค์เอาท์ประจำเลย แต่มันไม่เหมือนกับไปทานข้าวจริงจัง Tavern มันเป็นที่พรีดริงก์ กินกรุบๆ กริบๆ นัดเจอเพื่อนอะไรแบบนั้นมากกว่า ซึ่งมันปกติมากๆ ที่โน่น” - มนัสนันท์ เจริญสุข

ขอยืนยันว่า El Tapeo คือ tavern ที่พร้อมเสิร์ฟความสนุกแบบสเปนโดยแท้ แม้จะไปคนเดียวก็ไม่เหงา และอาจได้เพื่อนกลับไปแน่นอน
El Tapeo, 159/10 ระหว่างซอยทองหล่อ 7 และ 9 (ตรงข้าม Eight Thonglor) สุขุมวิท 55 โทร. 02-052-0656 เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ 11:30-23:00 น. (ศุกร์-เสาร์ ปิด 01:00 น.) BTS ทองหล่อ www.eltapeobkk.com