บุกรัง ‘อี-กา’ (ega_bangkok) แล็บทดลองสูตรอาหารไทยพื้นถิ่นในรังลับบนถนนทรงวาด

 

จริง ๆ ถึงไม่บอกก็พอจะเดาออกไม่ยาก เพราะแค่เห็นหน้าตาการตกแต่งร้านตั้งแต่ประตูทางเข้าที่เหมือนตั้งใจเปิดไว้แค่แคบ ๆ แบบไม่อยากให้ใครเห็นความอลังการด้านในเยอะของร้าน อี-กา (ega_bangkok) บนถนนทรงวาด แฟนคลับนักชิมอย่างเราก็รู้เลยทันทีว่านี่คือร้านหนึ่งในเครือ It's Happened To Be A Closet แน่ ๆ เพราะร้านลูก ๆ ที่แตกไลน์ออกมา มักจะตั้งชื่อร้านตามคาแรกเตอร์ของสัตว์ชนิดต่าง ๆ จากนิทานอีสป ไม่ว่าจะเป็น A Fox Princess And Friends ที่แทนด้วยสุนัขจิ้งจอก หรือแม้แต่ร้านขนมเค้กที่ชาวท่าเตียนรักอย่าง A Pink Rabbit + Bob ที่เป็นภาพจำติดตาชัดเจนด้วยป้ายไฟกระต่ายนีออนสีชมพู ซึ่งมักจะปรากฏอยู่คู่กับร้านอาหารในเครือ "อิต'ส แฮปเพ่นฯ" ทุกสาขา เราเลยไม่แปลกใจนักที่ร้านอีกาดำแห่งนี้จะเป็นหนึ่งในวันเดอร์แลนด์ของ พี่แจะ ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล นั่นเอง

 

 

 

และที่ไม่น่าแปลกใจยิ่งกว่าการเลือกใช้จอมเจ้าเล่ห์แห่งจักรวาลนิทานอีสปมาเป็นกิมมิกหลักของร้าน คือพาร์ตการตกแต่งที่เหมือนถอดเอากลิ่นอายร้านอาหารในดินแดนวันเดอร์แลนด์ตามแบบฉบับของยานแม่ It's Happened To Be A Closet ที่สาขาสุขุมวิท 23 มาไว้ในรังอีกาลับแห่งนี้แบบหลวม ๆ ลดทอนความจัดเต็มลงนิดหน่อยเพื่อความเฟรนด์ลี่สำหรับทุกคนในครอบครัวและบรรดาคนโลคัลในย่านนี้ (เผื่อใครพาอากงมาชิมแล้วจะตกใจ) แต่หลาย ๆ มุมก็ยังสื่อถึงลายเซ็นและเทสต์แบบดีไซเนอร์รุ่นเก๋าของพี่แจะได้เป็นอย่างดี 

 

เริ่มจากเฟอร์นิเจอร์วินเทจอย่างเก้าอี้และโซฟาบุผ้าที่เหมือนเป็นกิมมิกหลักของร้านในเครือนี้ไปแล้ว รวมถึงป้ายไฟนีออน และวอลเปเปอร์กระดาษลายพรินต์แปลกตาก็ยังมีให้เห็นในบางมุม แต่ที่เราชอบมากเป็นพิเศษคือความเก่าของตึกแถวหน้ากว้างขนาด 3 คูหาแห่งนี้ บนถนนทรงวาดที่ดูวินเทจด้วยตัวมันเอง หน้าต่างเหล็กดัดฝีมือช่างสมัยเก่าถูกคงสภาพเดิมไว้และตั้งใจไม่ติดม่านเพื่อบดบังความงามของเหล็กดัด แถมยังมีข้อดีคือสามารถมองออกไปเห็นวิวอันคึกคักของถนนทรงวาดด้านนอกได้อย่างถนัดตาอีกด้วย บวกกับพื้นไม้เก่าที่ส่งเสียงออดแอดตลอดเวลา ทำให้ตึกนี้ดูเท่และวินเทจแบบไม่ต้องพยายาม

 

 

สุดท้ายขอบวกคะแนนจากความชอบส่วนตัวให้กับเลย์เอาต์ตึก ซึ่งประหลาดมาก ๆ เหมือนไม่ได้วัดสเกลมาอย่างถูกต้องตั้งแต่สมัย 60-70 ปีก่อน เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับบันไดทางขึ้นที่ใหญ่โตผิดแปลกจากตึกแถวโบราณในชั้นแรก และห้องบนชั้น 3 ที่เหมือนเป็นลูกผสมระหว่างห้องใต้หลังคากับมาสเตอร์รูมของตัวตึก นี่เลยกลายเป็นส่วนผสมที่ทำให้รังอีกาแห่งนี้ดูเป็นวันเดอร์แลนด์สไตล์ไทย-จีน-วินเทจที่เก๋มาก ๆ ในทุกตารางนิ้ว

 

---

 

 

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสุด ๆ หลังการติดตามแบรนด์ It's Happened To Be A Closet และเป็นแฟนคลับคุณพี่ดีไซเนอร์เจ้าของร้านนี้มานานร่วมสิบปี เห็นจะเป็นการกระโดดออกจากคอมฟอร์ตโซนของวันเดอร์แลนด์อาหารอิตาเลียนที่ทางแบรนด์ถนัด ไปจับธุรกิจอาหารไทยที่ต้องเล่นใหญ่เบอร์เดียวกันกับแบรนด์หลักตามตำรา More is More ของพี่แจะ (ซึ่งจะทำเล่น ๆ ไม่ได้!) เลยทำให้รังอีการังนี้ดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

 

 

ที่เราว้าวมาก ๆ คือการฉีกรูปแบบร้านอาหารไทยแบบเดิม ๆ ลดละเลิกความเอิงเอยต่าง ๆ ที่หลายร้านฮิต แล้วมาโฟกัสที่เมนูอาหารไทยบ้าน ๆ ไร้ซึ่งการทวิสต์ให้เสียของ และเลือกที่จะเสิร์ฟอาหารไทยในรสชาติแบบคุณย่าคุณยายทำ อารมณ์ต้องขับรถไปกินที่บ้านเพื่อนตามต่างจังหวัดเท่านั้นถึงจะได้รสชาติแบบนี้ โดยสูตรทั้งหมดเกิดจากการพยายามรื้อรสชาติความทรงจำในวัยเด็กของพี่แจะ บวกกับตระเวนเสาะแสวงหาเมนูจานเด็ดจากทั่วประเทศมารวมไว้ที่แล็บทดลองทางอาหารแห่งนี้ พูดให้เห็นภาพก็คงเหมือนอีกาที่ไปโฉบเอาเมนูอาหารจานโปรดของแต่ละท้องถิ่นมาฟูมฟักปรับสูตรให้เหมาะสมในรังลับของตัวเองนั่นแหละ

 

อย่าง ผัดหมี่ลำปลายมาศ (90 บาท) จานนี้ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสตรีตฟู้ดในความทรงจำของพี่แจะสมัยย้ายไปอยู่กับคุณยายที่ลำปลายมาศช่วงเด็ก ถึงขั้นสั่งเส้นหมี่มัดตอกมาจากลำปลายมาศเลยทีเดียว รวมถึง น้ำพริกอ่องสูตรยาย(จัน)หอม (190 บาท) ที่ลงทุนไปจูงมือคุณแม่ของเพื่อนจากลำพูนลงมาสอนตำเครื่องน้ำพริกเองถึงถิ่นอีกา จับคู่ทานกับ ไส้อั่วลำพูน (290 บาท) คือฟินมาก ๆ เพราะนี่คือไส้อั่วสูตรลำพูนแต๊ ๆ อบด้วยโอ่งแบบบ้าน ๆ พร้อมเครื่องสมุนไพรแน่น ๆ ส่วนใครเป็นสายกุ้ง เราขอแนะนำให้สั่ง กุ้งเผาอยุธยา (600 บาท) ที่คัดไซซ์มาเฉพาะกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มันเยิ้ม และ ยำมะเขือยาวย่าง (250 บาท) ที่ชูความสโมกกี้ของมะเขือยาวเผาได้อย่างลึกล้ำ พร้อมท็อปปิ้งกุ้งตัวโต ๆ ที่ด้านบน

 

 

 

นอกจากนี้ยังมี แกงคั่วนมชะอมปู (340 บาท) ของดีราชบุรี ซึ่งมีเคล็ดลับอยู่ที่การใช้นมสดแทนกะทิ และ ปลาคังทอดน้ำปลา (490 บาท) ที่เลือกผูกปิ่นโตกับชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อคัดสรรปลาคังเนื้อแน่นตามธรรมชาติ แล่มาในไซซ์แบบครัวชาวบ้านและทอดจนกรอบนอกฉ่ำใน ควรค่าแก่การสั่งมาแชร์ตักทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

 

และทีเด็ดที่ใครมารังอีการังนี้ต้องห้ามพลาด ขอยกให้เมนู หมี่กรอบอีกา (220 บาท) จานหาทานยากที่ไปขอสูตรมาจากร้านกิมเล้งแถวสี่แยกคอกวัว เป็นหมี่กรอบโบราณสไตล์กุ๊กช็อปที่มีเอกลักษณ์ตรงผิวส้มซ่าที่ขูดลงไป เป็นจานที่หมดก่อนใครเพื่อนและต้องสั่งเบิ้ลตลอดทุกครั้งที่มา!

 

 

ปิดท้ายด้วยเค้กจาก A Pink Rabbit + Bob ที่แอบพ่วงตู้เค้กมาแชร์พื้นที่บนชั้น 1 ร่วมกันกับรังอีกาด้วย โดยรอบนี้เราเลือกลองเค้กตัวใหม่ที่ยังไม่เคยชิมมาก่อน ได้แก่ Nocchiola Espresso (195 บาท) เค้กช็อกโกแลตที่ราดกาแฟเอสเพรสโซ่ลงไปถึง 8 ช็อต เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมแบบกาแฟคั่ว ตัดกับครีมรสกาแฟ ถั่วแมคคาเดเมียและเกาลัดที่ด้านบน และ Lemon Dark Choc (185 บาท) ซึ่งเราชอบรสที่ตัดกันของเลมอนเคิร์ดเปรี้ยว ๆ และเลเยอร์ดาร์กช็อกหวานน้อยด้านล่างมาก ๆ

 

Soimilk Says: เราชอบการแหวกขนบที่ร้านอาหารไทยอื่น ๆ เขาไม่ทำกัน เช่นการเสิร์ฟไส้อั่วมาทั้งเส้นแบบโบ้ม ๆ หรือแม้แต่การจัดจานแบบคนรุ่นใหม่ที่ทำให้อาหารพื้นบ้านธรรมดา ๆ ออกมาดูแฟชั่นจ๋าแบบที่โลกต้องจำ ที่สำคัญคือร้านนี้เขาเน้นขายไวน์อิตาลีสำหรับแพริ่งกับอาหารไทยเด้อ แหวกมากแม่! และไม่ใช่แค่การฉีกกฎเกณฑ์ทั้งหลายของร้านอาหารไทยเท่านั้น ที่นี่ยังฉีกมู้ดเดิม ๆ ของถนนทรงวาดให้กลายเป็นเดสติเนชันใหม่ของเหล่าฮอปเปอร์ จากที่แต่ก่อนถนนเส้นนี้เคยถูกมองข้าม และคนมักจะสนใจเส้นเยาวราชมากกว่า แต่ร้านนี้คือแลนด์มาร์กที่กลายมาเป็นจุดปักหมุดให้ทุกคนต้องแวะ ชุบชีวิตและสร้างไวบ์ใหม่ ๆ ให้ย่านเก่านี้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นอีกหลายเบอร์!