Skip to main content
AdSense

เปิดประสบการณ์ใหม่ กินเชฟเทเบิ้ลที่ Central Food Hall ครั้งแรกในชีวิตแบบไม่ผิดหวัง!

3 สเต็ป กินเชฟเทเบิ้ลแบบฟิน ๆ ในราคาเกินคุ้มบน Central Food Hall

เปิดประสบการณ์ใหม่ กินเชฟเทเบิ้ลที่ Central Food Hall ครั้งแรกในชีวิตแบบไม่ผิดหวัง!
August 20, 2019 Bangkok time
สำหรับใครที่เป็นนักกินสายลึก เราบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องราวดี ๆ ของชีวิตกับการเปิดประสบการณ์ใหม่กินเชฟเทเบิ้ลจากฝีมือ Executive Chef ระดับโลกที่ไม่ต้องไปกินไกลที่ไหน แค่พุ่งตัวไป Central Food Hall ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์นี่เอง เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ!
 
 
 
ซึ่งจริง ๆ ตอนเราฟังครั้งแรกก็ถึงกับติดสตั๊นต์ไปเป็น 10 วิเหมือนกัน เพราะใครจะนึกว่าบนโซนเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์จะจริงจังขนาดมีเชฟเทเบิ้ลอยู่ด้านในด้วย โดยจริง ๆ ต้องบอกว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มาก แต่พอไปโดนมาแล้ว ถึงกับต้องรีบพุ่งตัวมาบอกต่อกันด่วน ๆ เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในเชฟเทเบิ้ลที่ดี่ที่สุดในชีวิตที่เราเคยลิ้มลองเลยทีเดียว

Step 1: เลือกธีมอาหารตามที่ชอบ

 
 
อย่างแรกที่เราต้องทำก่อนจะได้ไปกินแบบฟิน ๆ ก็คือต้องจองคิวก่อนอะเนอะ ซึ่งการจองคิวของที่นี่คือง่ายยิ่งกว่าดีดนิ้ว เทียบกับเชฟเทเบิ้ลที่อื่นที่ต้องจองคิวกันยุ่งยากวุ่นวาย บางที่รอคิวนานเป็นหลายเดือน บอกเลยว่าที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน เพราะเราสามารถเช็ครอบได้ง่าย ๆ ที่หน้าเฟซบุ๊กของทางฟู้ดฮอลล์ได้โดยตรงเลยที่ fb.com/CentralFoodHall โดยเขาจะมีรายละเอียดเมนูอาหารของแต่ละรอบมาให้ดู ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดเดือนละธีมตามหมวดหมู่อาหารต่าง ๆ อาทิ Japanese Fushion ที่กำลังจะจัดขึ้นในรอบถัดไปสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ส่วนก่อนหน้านี้ก็เคยมีธีม Nose to Tail ที่รวมเอา 5 ส่วนหลักของเนื้อวัวมาทำเป็นอาหารจานพิเศษเสิร์ฟในสไตล์เชฟเทเบิ้ล เป็นต้น ใครถูกจริตตามธีมไหนก็เล็งไว้ให้ดีแล้วพุ่งตัวไปจองคิวกันต่อได้เลย 

Step 2: จองคิวและรอคอย

 
 
ถ้าตกลงปลงใจกับธีมประจำเดือนที่ชื่นชอบแล้ว ก็สามารถพุ่งตัวไปจองคิวกันต่อได้ที่ลิงก์ในหน้าเฟซบุ๊กได้เลย ซึ่งเราจะถูกส่งไปลงทะเบียนชื่อนามสกุลและเบอร์โทรศัพท์ในอีกหน้าหนึ่ง โดยจุด ๆ นี้ใครแพ้อาหารอะไรก็สามารถใส่โน้ตบอกเชฟไว้ได้ด้วย ตามมาด้วยการขำระเงินและนั่งนับวันรอให้อิเวนต์มาถึง! แอบกระซิบบอกหน่อยว่าแต่ละคอร์สจะเปิดจำกัดเพียงแค่ 10-14 ที่นั่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครถูกใจรอบไหนก็ต้องรีบจองหน่อยแล้วล่ะ

Step 3: ดื่มด่ำไปกับอาหารระดับเวิลด์คลาสและไวน์หรู

 
 
 
นอกจากความเอ็กซ์คลูซีฟที่จะได้ชิมอาหารจากฝีมือเชฟชื่อดังอย่าง Chef Timber David Suwannakoot แบบปรุงกันสด ๆ ต่อหน้าต่อตาแล้ว คอร์สนี้เรายังจะได้ลิ้มรสอาหารไปพร้อมกับ Wine Pairing โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์หรือ Sommelier ถึง 2 ท่านที่คอยประจำอยู่บนเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์แห่งนี้ อาทิ เมนูออเดิร์ฟอย่าง Cold Cavier & Warm Oyster with Spinach จานนี้ที่เชฟเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่จากในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเซ็นทรัลมารังสรรค์เป็นจานพิเศษ เสิร์ฟคู่มากับไวน์ขาว Anura, Methode Cap Classique, Brut, South Africa ปี 2011   
 
 
 
ต่อด้วยอีกเมนูที่เราชอบมากในคอร์สนี้ คือ Maine Lobster Mongolian Fried Rice ข้าวผัดสไตล์มองโกเลียนที่เป็นหนึงในเมนูขึ้นชื่อของโซนเซ็นทรัลฟู้ดฮอล์แห่งนี้ เพิ่มความพิเศษด้วยแคนาเดียนล็อบสเตอร์ตัวยักษ์ จับคู่เข้ากับ Zuccardi Q ปี 2017 จากฝั่งอาร์เจนติน่า
 
 
 
 
ส่วนคอร์ส Wild Mushroon & House Made Bacon Fagotelli ที่เป็นราวิโอลีที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาจานนี้ ทาง Sommelier ก็เสิร์ฟมาพร้อมไวน์แดง Fontanafredda ปี 2015 จากอิตาลี ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานจาก Pastry Chef คนดังอย่าง คุณ Beni-Rumjanbenni ที่บรรจงรังสรรค์ออกมาเป็นกล่องขนมหวานกินได้ ทำจากช็อคโกแลต เรียงรายด้วยบรรดาขนมหวานสุดเซอร์ไพรส์ที่อร่อยทุกคำยันชิ้นสุดท้าย
 
 
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องขอยกความดีความชอบให้ฝีมือของทีมเชฟจากเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์แบบมีสิบคะแนนก็อยากให้คะแนนเต็มสิบไปเลย ซึ่งถ้าใครอยากไปลิ้มรสความฟินแบบนี้ก็สามารถเช็คตารางรอบ Chef's Table ครั้งถัดไป รวมถึงลิสต์เมนูและรายละเอียดการจองพร้อมสนนราคาของแต่ละคอร์สได้ที่ fb.com/CentralFoodHall 
 
แอบแถมให้อีกนิด สำหรับใครที่ชอบไปทานอาหารที่โซน Central Food Hall อยู่แล้ว นอกจากงานเชฟเทเบิ้ลที่เราจะชิมฝีมือจากทีมเชฟแบบ Full Team แล้ว ทุกคนสามารถพบปะทีม Exclusive Chefs และเหล่าชาวแก๊งได้ที่โซนเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์แทบทุกสาขาแบบทุกวันวนไปได้เลย เรียกได้ว่าวันไหนแจ็คพอตก็จะเจอกับเชฟ Timber ตัวเป็น ๆ เลยทีเดียว

 
AdSense
AdSense
AdSense