หลังจากปิดไปนานกว่า 2 ปี จากสถานการณ์โควิด เราตื่นเต้นมาก ๆ ที่ในที่สุด Celadon (ศิลาดล) ร้านอาหารไทยสุดหรูยืนหนึ่งในโรงแรม The Sukhothai Bangkok ย่านสาทร ก็ได้เวลากลับมาเปิดทำการอีกครั้ง พร้อมเสิร์ฟเมนูขึ้นชื่อที่หลายคนคิดถึง และเมนูใหม่ที่บรรจงรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอกย้ำถึงความจริงจังด้านอาหารไทยของโรงแรมแห่งนี้


ศาลาทรงเรือนไทยที่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างซิกเนเจอร์ของโรงแรม The Sukhothai Bangkok หลังงาม ถูกจัดวางให้ตั้งอยู่เหนือสระน้ำอันเงียบสงบ ซึ่งเป็นโซนที่แยกออกมาจากฝั่งห้องพักของโรงแรม มีจุดเด่นคือการเป็นศาลาคู่แฝดชั้นเดียวที่สามารถเดินเชื่อมกันด้วยทางเดินด้านข้าง ทำให้แขกผู้มีเยือนห้องอาหาร Celadon ได้รับความเป็นส่วนตัวขั้นสุด รวมถึงยังนำเสนออัตลักษณ์ของห้องอาหารอย่าง 'หินศิลาดล' ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องภาชนะที่จัดเสิร์ฟได้อย่างมีเสน่ห์ ชวนมอง
และถึงแม้จะหายหน้าหายตาไปร่วม 2 ปี แต่ชื่อเสียงของห้องอาหารแห่งนี้ที่เคยคว้ารางวัลด้านอาหารนานาชาติติดต่อกันถึง 5 ปี รวมถึงได้ Michelin Guide มาแล้ว ทำให้การกลับมาครั้งนี้พร้อมทีมเชฟชุดเดิมที่นำทีมโดย เชฟริน รสริน ศรีประทุม เป็นที่ฮือฮาในหมู่คนรักอาหารไทยเอาซะมาก ๆ จนได้ข่าวว่าคิวจองโต๊ะล้นหลามแทบทุกวัน เราเองที่ก็คิดถึงห้องอาหารแห่งนี้ไม่แพ้ชาวกรุงเทพฯ คนไหน เลยอยากชวนแง้มประตูศาลาเรือนไทยสุดไพรเวตแห่งนี้ เข้าไปลิ้มรสมื้ออาหารไทยที่เชฟรินบอกว่าคัดมาเฉพาะเมนูที่ลูกค้าเก่าทุกคนหลงรักล้วน ๆ รวมถึงแอบชิมเมนูใหม่ที่จะวางขายในเร็ว ๆ นี้ด้วย


เริ่มจากเมนูข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ (550 บาท) ที่สอดไส้มาแน่น ๆ ด้วยเห็ดชิเมจิและเนื้อปู ซึ่งปรุงอย่างถึงเครื่องด้วยสมุนไพรสามเกลอแบบไทยแท้ ก่อนจะราดด้วยซอส Coconut Vinegar ตำรับโบราณที่เชฟรินหมักเองตามสูตรที่ไปสืบมาจากคนท้องถิ่น และต่อด้วยเมนูลูกรักเด็กอ้วนที่ใคร ๆ ก็ต้องชอบทานอย่าง ทอดมันกุ้ง (550 บาท) ซึ่งนำกุ้งแชบ๊วยจากประมงพื้นบ้าน จ.กระบี่ มาสับละเอียดจนเนื้อนุ่มเด้ง ทานคู่กับผักดองสไตล์อาจาด ที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูสับปะรด

ส่วนเมนูที่เราชอบมากที่สุด ขอยกให้กับ แกงเลียงเนื้อปูม้าและกุ้งสด (580 บาท) เมนูซดคล่องคอที่ให้รสชาติไทยแท้ ๆ เพราะใส่กะปิจากชุมชนคลองโคน บ้านเกิดของเชฟริน ลงผสมไปด้วย ส่วนตัวน้ำซุปก็ให้รสชาติเข้มข้นจัดจ้านกว่าหน้าตาไปหลายสเตป เนื่องจากเชฟเอาพริกสดและกระชายไปเคี่ยวจนเกิดเป็นซุป Consume ใสแจ๋วแต่รสจัด ทานคู่กับกุ้งเนื้อเด้ง ๆ และเนื้อปูม้าคือฟินเวอร์

สำหรับใครที่อยากลองเมนูตำรับไทยโบราณแท้ ๆ ที่หาทานยากมาก ๆ ในยุคนี้ จงพุ่งตัวไปสั่งเมนู แกงสิงหลแก้มวัว (780 บาท) มาลิ้มลองกันได้เลย เพราะนี่คือแกงโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 โดยเป็นสูตรมาจากชาวศรีลังกาที่อพยพเข้ามาในสยาม ให้รสชาติแบบลูกผสมระหว่างแกงมัสมั่นกับพะแนง ซึ่งเชฟได้นำแก้มวัวมา Slow Cook นานถึง 12 ชั่วโมง ให้เนื้อแก้มวัวฉ่ำไปด้วยรสสมุนไพรไทย พร้อมเพิ่มความอร่อยลับลงไปด้วยใบเตย ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูต้องลองของเชฟรินเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยเมนูขวัญใจสายเซลฟี่กับจานหลักอิ่มจุกอย่าง กุ้งแม่น้ำสามสายย่างไม้โมก (2,700 บาท) ที่ไม่ใช่แค่คัดกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่สดใหม่มาเสิร์ฟเท่านั้น แต่ยังนำไปย่างกับไม้โมก เพื่อกลิ่นสโมกเบา ๆ และที่เราชอบมาก ๆ คือเชฟรินเสิร์ฟมาพร้อมซอสฉู่ฉี่มันกุ้งกับซอสน้ำปลาหวานให้เลือกจิ้มได้ตามใจชอบ
Celadon โรงแรม The Sukhothai Bangkok ถ.สาทรใต้ เวลาทำการ พฤหัสบดี - เสาร์ 18:00 - 23:00 น. (จองล่วงหน้าเท่านั้น) โทร. 02-344-8888 www.sukhothai.com