คู่มือบุฟเฟต์บรันช์ในโรงแรมหรูทั่วกรุงเทพฯ (ฉบับไม่เกิน 2,500 บาท)

ก่อนอื่นเลยอยากจะเกริ่นนิดนึงเกียวกับการทาน "บรันช์" นะ ไอเดียการทานอาหารควบทั้งมื้อเช้าและเที่ยงริเริ่มในปี 1895 โดยนักเขียนชาวอังกฤษ ด้วยความตั้งใจที่จะปล่อยให้วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนอย่างเต็มที่ (โดยเฉพาะคนที่ไปปาร์ตี้ฮาร์ดมาในคืนวันเสาร์นั่นเอง เราคือหนึ่งในนั้น!) บรันช์ส่วนใหญ่จึงเริ่มตั้งแต่ 11 โมงเช้าเป็นต้นไป และมักจะต่อยาวถึงบ่ายสามโมง ในปัจจุบันจะนิยมเป็นรูปแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีรายการอาหารหลากหลายประเภทและเชื้อชาติ มีทั้งหนักและเบาปะปนกันไป

 

ในเมืองไทยอาจจะยังไม่ได้มีวัฒนธรรมในการไปบรันช์ที่โดดเด่นเป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็น all-day breakfast มากกว่า ถ้าอยากจะลองไปทานอาหารมื้อสายตามโรงแรมหรูบรรยากาศดีกันบ้างโดยเฉพาะในโอกาสพิเศษ ก็ลองจดพิกัดไว้เลยว่าอยากไปโดนที่ไหน #เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่

---

Indian Sunday Brunch ที่ โรงแรม Holiday Inn Silom

ค่าเสียหาย:  650 บาท/คน

 

เริ่มต้นด้วยบุฟเฟ่ต์บรันช์ที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคยที่ Tandoor ร้านอาหารอินเดียชั้น 6 ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สีลม ซึ่งเชี่ยวชำนาญในอาหารอินเดียเหนือ จุดเด่นอยู่ตรงที่ความเผ็ดของเครื่องเทศ ซึ่งจะละมุนนุ่มลิ้นกว่าอาหารอินเดียใต้ เมนูหลักของที่นี่ ได้แก่ แกงไก่ทันดูรี, โชเล บัตตุเร แกงถั่วรสจัดเสิร์ฟคู่กับแป้งทอดกรอบ และเมนูเคบับต่างๆ ส่วนดาวเด่นต้องยกให้แกงกะหรี่เมนูพิเศษที่เชฟจะหมุนเวียนสลับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ส่วนเมนูมังสวิรัติก็น่าทานไม่แพ้กันลเย เช่น พาเนียร์ทิกก้า (คอตเทจชีสย่างนั่นเอง) นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซอฟท์ดริงค์กับลาสซี (เครื่องดื่มโยเกิร์ตผลไม้ปั่นของอินเดีย) มาดื่มได้ไม่อั้น บรรยากาศเนี้ยบกำลังดี ไม่หรูหราฟู่ฟ่าจนเกินไป      

 

 

ค่าเสียหาย: 700++ บาท (รวมลาสซี่) และ 1,200++บาท (รวมซอฟท์ดริงค์ ไวน์ และเบียร์)

 

โดยปกติแล้วเราอาจจะไม่ชินกับการทานอาหารอินเดียตั้งแต่เช้ากันซักเท่าไหร่ แต่ Maya Sunday Brunch เป็นบุฟเฟต์ที่เรารู้สึกว่าน่าไปลองเป็นอย่างมาก ห้องอาหารตั้งอยู่บนชั้น 29 ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สุขุมวิท จึงทำให้ได้เห็นวิวสวยๆ ของกรุงเทพมหานคร  ทางร้านบริการอาหารอินเดียเหนือที่หลากหลาย และรสชาติดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีบุฟเฟต์อาหารนานาชาติเพิ่มเติมที่เราถูกใจอีกด้วย เช่น เมนูอาหารทะเล พาสต้า ซูชิ และซาชิมิ ส่วนใครอยากลองจิบลาสซี่ให้เข้าธีม ทางห้องอาหารมีให้เลือก 3 แบบ ลองสอบถามดูได้เลยว่าอยากชิมแบบไหน ส่วนใครที่ถูกใจอาหารอินเดียอย่างลืมติดตามบทความต่อไปของเราด้วยนะ 

 

*ฟรีไวน์หนึ่งแก้วเมื่อจองผ่านเพจในวันที่ 1 พ.ค. ต้อนรับวันแรงงาน

 

 

ค่าเสียหาย: 775 บาท++/คน

 

เรามาทำตัวขี้เกียจในเช้าวันอาทิตย์กันที่ Lazy Sunday Brunch ดีกว่า บรันช์ของโรงแรมดีไซน์แห่งนี้จะเป็นลักษณะ a la carte ในรูปแบบที่เป็นกันเองกว่าที่เราคาดไว้ ไซส์ของแต่ละจานอาจจะดูค่อนข้างเล็กกว่าที่อื่น แต่อย่าลืมว่าเราสามารถสั่งได้ไม่อั้น มีเมนูบรันช์คลาสสิคที่เราเจอกันบ่อยๆ เช่น eggs benedict พร้อมปลาแมคเคอเรลและอะโวคาโด โปะบนขนมปังเซาร์โดว์ และขนมปังอบ เพสทรีต่างๆ รวมทั้งเมนูสลัดสำหรับคนที่อยากทานเบาๆ มากกว่า ร้านบรรยากาศดีระดับโรงแรม 5 ดาว แถมสามารถสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ประเภทไวน์ สปาร์คกลิ้ง เบียร์ และค็อกเทลได้ไม่อั้นเมื่อเพิ่มอีก 775++ บาทนะ ถ้าเป็นคนกินจุเราว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก! 

 

 

ค่าเสียหาย: 1,288 บาท/คน

 

ห้องอาหารอิตาเลียนชื่อดังของโรงแรม Intercontinental ตั้งอยู่ที่ชั้น G ซึ่งเป็นอีกที่ๆ เราชอบไปในโอกาสพิเศษแต่ไม่ซีเรียสจนเกินไป ทุกวันอาทิตย์จะสามารถสั่งอาหารทานเล่นทั้งหลายจากเมนูได้ไม่อั้น อาทิ ซีซาร์สลัด บรูเชต้ามะเขือเทศ สลัดปลาหมึก รวมไปถึงของหวานด้วย มีทั้งทาร์ตมะนาวและทิรามิสุให้เลือกกันตามใจชอบ ส่วนอาหารจานหลักเราสามารถเลือกได้หนึ่งอย่างจากเมนู เช่น พอร์เชตต้า หมูสามชั้นย่างชิ้นโต ลาซานญ่าเนื้อ และพิซซ่า แต่ราคานี้รวมไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แบบไม่อั้นนะจะบอกให้

 

 

ค่าเสียหาย: 1,350 บาท/คน

 

จุดเด่นของบุฟเฟต์ที่นี่คือการปรุงอาหารใหม่แบบสดๆ ร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นตับห่านฟัวกราส์ทอด พิซซ่าอิตาเลียนแท้ส่งตรงออกจากเตา เมนูพาสต้า และซีฟู้ดสุดเด็ด เช่น ปูอลาสก้า กุ้งมังกรร็อคล็อบสเตอร์ เมนูเนื้อย่างและเนื้อแล่ อีกทั้งยังมีอาหารไทยที่หลากหลายด้วยนะ นอกจากนี้แต่ละโต๊ะยังสามารถสั่งบอสตันล็อบสเตอร์ได้ 1 ที่ แต่ที่เด็ดสุดคือแพ็คเกจไวน์ 20 ประเภท สั่งได้ไม่อั้นในราคา 495 บาทนะ

 

 

ค่าเสียหาย: 1,500++ บาท/คน

 

ห้องอาหาร La Vie เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแนวโมเดิร์นในบรรยากาศดูดีมีสไตล์สมชื่อ แต่ไม่ได้หรูจนเกินเอื้อมอย่างที่คิดไว้เสมอไปหรอกนะ บรันช์ของที่นี่จะเป็นสไตล์ a la carte สั่งจากเมนูปกติได้แบบไม่อั้น จานเด็ดสุดของที่นี่มีทั้ง ฟัวกราส์แล่บาง สลัดอาฮีทูน่านิซัวส์ และซี่โครงแกะเสิร์ฟคู่กับคาเวียร์มะเขือยาว ราคานี้รวมซอฟท์ดริงค์อยู่แล้ว แต่ถ้าอยากดื่มแชมเปญและเครื่องดื่มอื่นๆ ต้องเพิ่มอีก 1,300++บาท/คน

 

 

ค่าเสียหาย: 1,080 บาท/คน (รวมน้ำชา), 1,400 บาท/คน (ฟรีโฟลว์ไวน์)

 

เนื่องจากบุฟเฟต์ของห้องอาหาร China Table ต้องสั่งจาก a la carte เมนู แปลว่าทุกรายการอาหารจะปรุงใหม่ก่อนนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่ ไม่เหมือนไปตักตาม station นะจะบอกให้ ในเมนูมีอาหารประมาณ 40 รายการให้เลือก อาทิ เมนูหอยเชลล์นึ่ง ขนมจีบกุ้งห่อแป้งผักโขม ส่วนเมนูที่เราถูกใจมีทั้ง ปลาหิมะซีอิ๊วขาว หมูหัน ซุปเสฉวนล็อบสเตอร์ หมูแดง และหมูอบสามชั้นเยิ้มๆ บรรยากาศของร้านให้ความรู้สึกเซี่ยงไฮ้ชิค แต่งตัวให้เข้าธีมได้นะไม่มีใครว่า  

 

 

ค่าเสียหาย: 1,699 บาท/คน (รวมซอฟท์ดริงค์ และน้ำผลไม้สด)

 

ขอบอกเลยว่าเมนูอาหารที่นี่ตัวเลือกเยอะยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกินเหมาะกับสายแข็งแน่นอน มีทั้งเมนูอาหารทะเล เนื้ออบต่างๆ ซูชิ และซาชิมิ ไฮไลท์อยู่ที่ปูอลาสก้า เป็ดปักกิ่ง และหมูหัน ถ้าอยากได้เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แบบไม่อั้นด้วยก็สามารถสั่งไวน์ สปาร์คกลิ้ง และเบียร์ไทยได้เมื่อเพิ่มอีก (500 บาท/คน)

 

 

ค่าเสียหาย: 1,890 บาท/คน

 

บรันช์ของโรงแรม Radisson Blu นั้นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ในห้องอาหาร Twenty-Seven Bites Brasserie ที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารเช้านานาชาติแถบตะวันตกที่เราคุ้นเคย รวมทั้งอาหารอินเดีย เวียดนาม และอาหารไทยแท้ด้วย นอกจากนี้ยังมี Live Station ไว้ปรุงเมนูเนื้ออบต่างๆ พาสต้า และเมนูซีฟู้ด เช่น ปูอลาสก้าและกุ้งมังกร มีเมนูฟัวกราส์ด้วยนะจะบอกให้ อีกส่วนหนึ่งอยู่ในภัตตาคารอาหารจีน China Table มีเมนูอร่อยเยิ้มอย่างเป็ดปักกิ้ง หมูหัน และโฮมเมดติ่มซำด้วยนะ ถ้าสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ สามารถสั่งไวน์ สปาร์คกลิ้งและเบียร์ได้ไม่อั้นเมื่อเพิ่มอีก 400 บาท  

 

 

ค่าเสียหาย: 1,900++/คน

 

Zuma ถือเป็นอีกหนึ่งในห้องอาหารระดับแนวหน้าในกรุงเทพฯ ในส่วนของบุฟเฟ่่ต์ที่นี่ประกอบไปด้วยเมนูออร์เดิฟ อย่างซูชิ ซาชิมิ และเมนูเทมปุระต่างๆ แต่สามารถสั่งอาหารจานหลักได้ เช่น ปลาย่างถ่าน หรือเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ ในราคา 400 บาท ส่วนเนื้อวากิวเซอร์ลอยน์ราคา 1,000 บาท และถ้าสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แบบฟรีโฟลว์ ต้องเพิ่มอีก 1,050 บาทนะ 

 

*จัดขึ้นเพียงทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนนะ ทันเงินเดือนออกพอดีเลย! 

 

 

ค่าเสียหาย: 1,990 บาท/คน รวมค็อกเทลทิกิ

 

เมื่อได้มาทานบรันช์ที่นี่จะได้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ อยู่ไม่น้อย ด้วยบรรยากาศริมแม่น้ำสบายๆ และกลิ่นอายความเป็นร้านริมทะเลนิดๆ ของห้องอาหาร Trader Vic’s คนรักอาหารญี่ปุ่นก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะในบุฟเฟ่ต์รวมอาหารจาก Benihana ห้องอาหารญี่ปุ่นของโรงแรม อาทิ ซูชิ ซาชิมิ ซีฟู้ดสดๆ เสิร์ฟบนน้ำแข็ง ในบริเวณด้านนอกจะมี live cooking station ที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารทะเลกริลล์ทั้งหลายแหล่ เยอะจนเราตาลาย ถ้าเพิ่มอีก 1,000 บาทจะสามารถสั่งเบียร์และไวน์ได้ไม่อั้น  

 

 

ค่าเสียหาย: 1,999 บาท/คน รวมซอฟท์ดริงค์ กาแฟ และน้ำชา

 

คงเป็นหนึ่งในบุฟเฟต์นานาชาติที่ใช้วัตถุดิบอลังการที่สุดในลิสต์นี้แล้ว มีทั้งอาหารทะเลนำเข้า เช่น ล็อบสเตอร์ราคาแพงจากรัฐเมน หอยนางรมฟิน เดอ แคลร์ และแปซิฟิก หอยแมลงภู่จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ปูอลาสก้าและชิลี กุ้งมังกร กุ้งแม่น้ำ และกุ้งฝรั่งเศส แค่พูดก็ท้องร้องแล้ว! นอกจากนี้ยังมี ปลาดิบซาชิมิ คาร์เวียร์ กระเพาะปลา ซี่โครงเนื้อวากิว ฟัวกราส์ และเนื้อแกะอีกด้วยนะ ไม่อื่มให้มันรู้ไป! สามารถเพิ่มโปรเซกโกไวน์ได้ในราคา 1,399 บาท (Louis Roederer Premier), 1,899 บาท (Chandon) และ 3,899 บาท (Louis Roederer Premier Brut)          

 

 

ค่าเสียหาย: 2,100 บาท/คน

 

Plaza Athenee อาจจะเป็นโรงแรมยอดนิยมสำหรับการจัดงานแต่งงาน แต่จริงๆ แล้วเราประทับใจกับห้องอาหาร The Relexions มากนะ ทุกวันอาทิตย์อาหารของที่นี่จะดัดแปลงเป็นลักษณะบุฟเฟต์ มีทั้งอาหารจานร้อน และอาหารทานเล่นต่างๆ แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือการปรุงอาหารแบบ "a la minute" ส่วนเมนูอาหารคลาสสิคเด็ดๆ ที่เราแนะนำได้แก่ เนื้อแกะอบกับแยมมะเขือเทศ และริซอตโต้เห็ดทาร์รอกอน ราคานี้รวมไวน์ขาว และไวน์แดงไม่อั้นด้วยนะจะบอกให้! ถ้าใครอยากแหกกฎมาทานบรันช์วันเสาร์สำหรับคนที่ปาร์ตี้ฮาร์ดมาแล้ววันศุกร์ก็ต้องไปที่นี่เลย บรรยากาศโมเดิร์นดูดีมีสไตล์มากขอบอก

 

 

ค่าเสียหาย: 2,200 บาท/คน (รวมน้ำผลไม้สด สมูทตี้ และกาแฟ)

 

เป็นอีกห้องอาหารที่อยู่ใน wishlist ของเรา เพราะแค่พิธีการก็ชนะเลิศแล้ว ประสบการณ์บรัชน์ของที่นี่เริ่มต้นที่ชั้น 32 ใน ThreeSixty Lounge พร้อมกับการจิบค็อกเทลและชิมของทานเล่น ก่อนจะไปต่อที่ห้องอาหารริมแม่น้ำพร้อมกับดนตรีแจ๊สสด บุฟเฟต์ที่นี่จะมีรายการอาหารจากทุกห้องอาหารของโรงแรม อาทิ อาหารทะเลและฟัวกราส์จากร้านอาหารนานาชาติ Flow, เมนูเนื้อจาก Prime steakhouse และติ่มซำจาก Yuan Chinese Restaurant ที่เด็ดสุดคือเราสามารถเข้าไปที่ห้องชีส ซึ่งมีรวบรวมไว้ทั้งหมด 40 ประเภทให้เลือกชิมได้ตามาใจชอบ อ้อ! ถ้าเพิ่มอีก 1,000 บาทจะสั่งไวน์ และสปาร์คกลิ้งได้ไม่อั้นนะ

 

 

ค่าเสียหาย: 2,200บาท/คน

 

ตรงบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมมีบริการบุฟเฟต์แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ อาหารทะเล อาหารจีน (มีเป็ดปักกิ่งด้วย!) สลัด พาสต้า และของหวาน ส่วนอาหารจานหลักจะต้องสั่งแบบ a la carte แต่อย่าได้น้อยใจไป เพราะในเมนูมีทั้งล็อปสเตอร์เอ้กเบเนดิกต์กับครีมผักโขม, champagne sabayon and caviar และเบอร์เกอร์เนื้อวากิวกับฟัวกราส์ที่นำมาบริการเสิร์ฟให้ถึงที่ แต่เด็ดสุดคือเมนูหอยนางรมนั่นเอง

 

 

ค่าเสียหาย:  2,200 บาท

 

ถึงแม้ว่าจะชื่อว่า Champagne brunch แต่จริงๆ แล้วไฮไลท์ของบรันช์คืออาหารนะเธอ (เดี๋ยวก็ไม่หายสร่างหรอก) มีทั้งออร์เดิฟชั้นดี อาหารทะเลสดๆ เคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่น และเมนูอาหารที่เราชื่นชอบกัน เช่น ฟัวกราส์ทอดสไตล์ฝรั่งเศส ปลากระพงนิวซีแลนด์ และเนื้อวากิวออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีซุปล็อบสเตอร์เสิร์ฟกับคู่กับพัฟเพสทรีและบรั่นดีหนึ่งช็อต ปูอลาสก้า และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ แถมมีห้องเก็บชีสด้วยสำหรับคนชอบทานเนยแข็งที่หลากหลาย ถ้าอยากจิบแชมเปญ ไวน์ และค็อกเทลไปด้วยให้ครบเซ็ต สามารถสั่งเพิ่มได้ในราคา 1,450 บาท     

 

 

ค่าเสียหาย: 2,300บาท/คน (รวมซอฟท์ดริงค์)

 

เป็นอีกที่ๆ แทบจะอยู่บนสุดในลิสต์ที่เราอยากไป เพราะเป็นบรันช์ที่มากับวิวที่สวยม๊ากมาก สามารถนั่งในห้องอาหาร หรือในโซนเอาท์ดอร์ก็ได้ เมนูอาหารจานหลักจะต้องสั่งแบบ a la carte แต่จะมากับบอสตันล็อบสเตอร์สำหรับแขกทุกคน ตัวอย่างเมนูอาหารสมกับเป็นโรงแรม 5 ดาวมาก มีทั้งฟัวกราส์แบบทอดและลนไฟ เนื้อวากิว หอยนางรม ซาชิมิ ซูชิ สลัด ชาคูเตอรี พาสต้า แกงไทย อาหารทานเล่น และเมนูของหวานเยอะแยะไปหมด เด็ดสุดคือเนื้อไพรม์ริบ และชีสนำเข้าจากฝรั่งเศส (ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ากลิ่นแรงอยู่ไม่เบาเลย) เพิ่มอีก 1,000 บาทจะสามารถสั่งฟรีโฟลว์ไวน์ สปาร์คกลิ้ง เบียร์ และค็อกเทลได้

 

 

ค่าเสียหาย: 2,400 บาท/คน

 

คราวนี้ถึงเรามาดูห้องอาหาร Rain Tree Cafe ของ Plaza Athenee กันบ้าง หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของบุฟเฟ่ต์ที่นี่มาบ้าง เพราะความหลากหลายของเมนูอาหารสูงมาก คิดว่าน่าจะมีทุกเมนูที่เรานึกชื่อออกแล้วล่ะ ทั้งอาหารทะเลสดๆ คาร์เวียร์ เป็ดปักกิ่ง ติ่มซำ หอยนางรม แซลมอนรมควัน เนื้อย่างต่างๆ ช็อกโกแลตฟองดู จนไปถึงข้าวเหนียวมะม่วง ส่วนเมนู a la carte จะมีเมนูเด็ดๆ อย่างฟัวกราส์ ไข่คนซอสเห็ดทรัฟเฟิล และซุปข้นล็อบสเตอร์บิสค์ แถมยังมีไอศครีมของ Movenpick และค็อกเทลปั่นอร่อยๆ อีกด้วย ถ้าอยากดื่มมากกว่านั้น สามารถสั่งเบียร์และ Chandon ได้เมื่อเพิ่มอีก 1,000 บาท

 

 

ค่าเสียหาย: 2,690 บาท/คน

 

อยากแถมอีกซักร้าน เพราะห้องอาหาร Tsu กับ Nami คงจะเป็นสองห้องอาหารญี่ปุ่นที่จัดบุฟเฟต์ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ มีทั้งเมนูซูชิ ซาชิมิ ไปจนถึงเทมปุระ ราเมน แกงกะหรี่ญี่ปุ่น และเทปันยากิทั้งหลายที่ปรุงกันสดๆ ร้อนๆ เลยในฝั่ง Nami ขอบอกว่ามีทั้งฟัวกราส์ เนื้อวัวออสเตรเลีย เนื้อหมูคิโรบูตะ และกุ้งอีกหลากหลายชนิด ราคาอาจจะเกิน 2,500 บาทที่เราตั้งไว้หน่อย แต่ราคานี้รวมทั้งไวน์ สาเก เบียร์ และค็อกเทลแบบไม่อั้นเลยนะจะบอกให้

 

---