สำหรับใครที่กำลังมองหาพิกัดร้านใหม่ ๆ ไว้ไปฉลองสิ้นเดือนนี้ ทางทีมซอยมิลก์รวมมาไว้ให้ครบแล้ว ทั้งสมูทตี้ผลไม้คิวยาวเฟื้อย คาเฟ่ขนมอบ ราเมนจองยาก อุด้งเส้นสด ยากิโทริเสียบไม้เจ้าดังจากญี่ปุ่น อาหารอินเดียตั้งแต่ทางตอนเหนือจรดใต้ และร้านอื่น ๆ อีกมากมายที่เราอยากให้ทุกคนได้ไปลองกัน
Al Gatto Nero

คนที่ชอบทานอาหารอิตาเลียนอยู่แล้ว น่าจะต้องเคยได้ยินชื่อ About Eatery ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งตึก Ocean Tower II ที่ครองใจชาวอโศก–รวมถึงตัวเราด้วย–มายาวนานหลายปี ล่าสุดเขายกเครื่องเปลี่ยนร้าน เปลี่ยนคอนเซปต์ใหม่ มาเป็น Al Gatto Nero ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์บ้าน ๆ แบบที่เขาเรียกกันว่า Trattoria ที่ยังคงความอร่อยของเมนูสารพัดเส้นพาสต้าเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมมาด้วยอีกหลายสารพัดเมนูโฮมมี่ เรียบง่าย และพิซซ่าทำมือ แบบโชว์อบกันสด ๆ หน้าร้าน ถึงแม้ว่าเราอาจจะยังไม่ได้ไปโดนเมนูเต็ม ๆ ส่วนตัวเราชอบเมนู Slow-Cooked Beef Cheek แก้มเนื้อวัวตุ๋นในซอสไวน์แดงเข้มข้น เสิร์ฟมาคู่กับแมชมันบดเนื้อครีม แค่เอาส้อมแบะยังไม่ทันลงแรง เนื้อก็ตัดขาดเหมือนไม่มีอะไรมากั้น
Al Gatto Nero. Ocean Tower II ซ.สุขุมวิท 21 เวลาทำการ ทุกวัน 11:30 - 14:30 น. และ 17:30 - 22:00 น. โทร. 092-907-2191
Butter Baker

เบเกอรี่ขนาดกะทัดรัด ที่เสิร์ฟเมนูขนมอบท่ามกลางบรรยาศอบอุ่นในซ.สาทร 10 ใครอยู่แถวช่องนนทรี-เซนต์หลุยส์ แล้วอยากหาขนมอบ พร้อมเมนูบรันช์มื้อสายง่าย ๆ ทาน เราแนะนำว่าให้พุ่งตัวมาที่ Butter Bakery คาเฟ่ขนมอบเปิดใหม่ในซ. สาทร 10 ที่ถึงแม้จะขนาดกะทัดรัดไปสักหน่อย แต่ขนมทุกชิ้นของที่นี่ก็โฮมเมดทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผสมแป้งยันตอนเข้าเตาอบ เราลองสั่งเป็นตัว Custard Bun (100 บาท) เป็นเจ้าขนมปังอ้วนกลม สอดไส้คัสตาร์ดครีมมาแบบเน้นๆ หรือจะสั่งเป็น Cinnamon Roll (70 บาท) มาทานคู่กับกาแฟแก้วซิกเนเจอร์ Creme Brulee Latte ก็ได้นะ
Butter Bakery. ซ.สาทร 10 BTS เซนต์หลุยส์ เวลาทำการ ทุกวัน 07:00 - 17:00 น. โทร.
Everyday and Friends

นี่ก็คือมัลติแบรนด์สโตร์ ที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ทั้งร้านขายเครื่องหอม สารพัดของปุ๊กปิ๊ก เสื้อผ้า จนไปถึงสเปซคาเฟ่นั่งชิลล์ก็มี ที่ Everyday and Friends แกเป็นสเปซที่มัดรวมผนึกกำลังร้านกลุ่มเพื่อน Karmakamet, Everyday Kmkm, co-incidence, Ringo รวมถึงแบรนด์ที่คัดสรรจากดีไซน์เนอร์คนไทย และสินค้าต่างประเทศอย่าง BEAMS JAPAN, A.P.C., Human Made เขาก็ขนมาไว้ครบ โดยพื้นที่สเปซชั้น 4 เขาออกแบบมาเหมือนบ้านเพื่อน ให้เรามาหย่อนพักใจกลางสยาม มีโซนหนังสือวางเรียงราย และโซนที่นั่งเอาท์ดอร์ให้สายถ่ายรูปได้ทำคอนเทนต์กัน ตัวเมนูของร้านก็เรียบง่ายตามท้องเรื่อง ทั้งตัวเครื่องดื่มและขนมหวาน เราชอบตัว Chocolate Terrine ด้านล่างเป็นแครกเกอร์ เนื้อช็อคโกแลตด้านบนเข้มข้นทำถึง พอทานคู่กับตัวครีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาก็ตัดรสกันได้พอดิบพอดี
Everyday and Friends. ซ.สยามสแควร์ 3 BTS สยาม เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 21:00 น. โทร. 02-115-7978
Gowin Dimsum

ติ่มซำคุณภาพเยี่ยม ราคาเด็กนักเรียนกินได้ ผู้ใหญ่กินดีของทีมเชฟเชฟ ต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่จะมาเพิ่มความคึกคักให้กับย่านสาธุประดิษฐ์ ที่นี่เสิร์ฟตั้งแต่เมนูติ่มซำเบสิค (เริ่มต้นเข่งละ 39 บาท) จนไปถึงเมนูพรีเมี่ยม ฮะเก๋าปูไส้แน่น และไฮไลต์เด็ดอย่าง ‘ข้าวอบหม้อดินหมูแดงโกวิน’ ที่นี่ทีมเชฟยังคงคอนเซปต์ การใช้ของทะเลไทยเหมือนเดิม ทานเสร็จแล้วไปนั่งชิลล์ต่อใน BK Salon ก็ยังได้
Gowin Dimsum 11/1 ถ.สาธุประดิษฐ์ เวลาทำการ ทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) 07:00 - 16:00 น. โทร. 061-614-9498
Heiwa Kissa

ในชีวิตที่เร่งรีบของคนกรุงเทพฯ เราอาจเห็นเทรนด์ร้านกาแฟหลายต่อหลายร้าน ที่เน้นเมนูสปีดบาร์ ให้คนแกร็บ & โก พร้อมแยกย้ายกันไปทำงาน แต่ใครที่อยากใช้เวลาละเมียดละไมกับรสกาแฟ และอยากหาแหล่งพักใจจากมรสุมชีวิตแล้วล่ะก็ เราแนะนำให้ลองมาที่ Heiwa Kissa บาร์กาแฟเรโทรสไตล์ญี่ปุ่นขนาดเล็กแห่งย่านสามยอด เดินมาจาก MRT ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว จุดเด่นของทางร้าน Heiwa Kissa คือ ทุกขั้นตอนเขาจะไม่มีการใช้แมชชีน และจะไม่มีการเทช็อตกาแฟลงไปในน้ำแข็งทันที เพื่อไม่ให้กาแฟสูญเสียรสชาติไป เราลองสั่งเป็นกาแฟโมก้า (150 บาท) โดย คุณ ธัญ–อธิวัชร์ วงษ์ขวัญเมือง บาริสต้าหน้าบาร์เล่าให้เราฟังว่า เมล็ดที่ใช้ เป็นเมล็ดอินเดีย ที่เขาเอาไปตากตอนหน้ามรสุม ทำให้มีความเข้มลึก
Heiwa Kissa. 245 ถ. บริพัตร MRT สามยอด เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 18:00 โทร. 081-405-0483
Kamakiri Udon

ร้านอุด้งเส้นสดส่งตรงมาจากจังหวัดฟุกุโอกะ ตอนกลางวันเปิดขายแค่เมนูเส้น ตกกลางคืนก็แปลงร่างเป็นอิซากายะ ตอบโจทย์นักกินดื่มย่านพร้อมพงษ์ ที่อยากซู้ดเส้นคำโตลงท้อง ไฮไลต์หลักของทางร้าน คือ ‘Mentai Tororo Egg’ (280 บาท) อุด้งหน้าไข่ปลาเมนไท คลุกมันบดโทโรโระ ท็อปมาด้วยไข่ไก่สด ตัวเส้นทางร้านน้ำไปลวกแล้วผ่านน้ำเย็น ให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเต็มคำมาก ๆ ล่าสุดเห็นว่าตอนนี้เขามีเมนูโอเด้งเพิ่มเข้ามาด้วย เราแนะนำให้หาตี้พาเพื่อนไปสัก 3-4 คน แล้วจองไปกินเมนูตอนเย็น จะได้กินทั้งอุด้งและฝั่งเมนูอิซากายะด้วย
Kamakiri Udon Bangkok อาคาร Live Work Asia ซ.สุขุมวิท 26. BTS พร้อมพงษ์ เวลาทำการ ทุกวัน 11:00 - 14:00 น. และ 17:00 - 00:00 น. โทร. 02-124-5757
Kataru

หากปีก่อนโน้นมี No Name Noodle ของเชฟ ชิน อิโนะอุเอะ ที่มาเขย่าวงการคนรักเส้น พร้อมสร้างปรากฎการณ์จองเต็มจนทำให้ราเมนกลายเป็นแรร์ไอเท็ม ปีนี้เราขอยกให้กับ Kataru ราเมนสายคราฟต์น้องใหม่ ของ The Slurp Brothers เชฟคู่หูดูโอ้คนคลั่งราเมน ที่ก่อนหน้านี้เปิดเพียงแค่ป๊อปอัพ จนตอนนี้เขามามีหน้าร้านเป็นของตัวเองแล้ว ตัวเมนูเขาก็ยังคงคอนเซปต์ ‘ราเมนสุดสัปดาห์’ ที่จะเสิร์ฟเพียงแค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพียงแค่ 3 เมนูเท่านั้น อย่างรอบที่เราไป เราลองตัว Shrimp and Japanese Tsukemen (890 บาท) ราเมนเส้นจุ่ม ที่แต่ละองค์ประกอบในเซ็ทคือว้าวมาก ๆ เพราะเจ้าสึคิเม็งจานนี้มาพร้อมกับน้ำซุป 2 แบบ เป็นซุปใสร้อนทำจากกุ้ง และซุปเย็นทำจากมะเขือม่วง (ซึ่งเจ้าซุปครีมตัวนี้ เชฟเบ็น เล่าว่าไม่ได้ใส่นม หรือครีมเลยนะ แต่เป็นการนำเอามะเขือม่วงไปเคี่ยวนานหลายชั่วโมง จนเกิดมาเป็นเบสซุปมะเขือม่วงเนื้อครีมมี่) ตัวเส้นที่ทางร้านใช้ ก็นำไปแช่กับคอมบุซุย (Kombusui) ที่ได้มาจากน้ำสาหร่ายกับมะเขือเทศ
Kataru. ซอยเอกมัย 30. BTS เอกมัย (ต่อพี่วินไปอีก 10 กว่านาที). เวลาทำการ ศุกร์ - อาทิตย์ 11:00 - 14:00 น. และ 17:00 - 20:00 น. (จองล่วงหน้าเท่านั้น) Instagram: @theslurpbrothers
Kuma no Yakitori

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับยากิโทริ (yakitori) เมนูเสียบไม้ย่างของญี่ปุ่น เวลาไปตามร้านอิซากายะบาร์ต่าง ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่า คนญี่ปุ่นเองเขาก็มีร้านที่ซีเรียสเรื่องเมนูไก่ย่างเสียบไม้ จนมีร้านไฟน์ไดน์นิ่งที่มีสเปเชียลตี้ด้านยากิโทริ นำเอาวัตถุดิบชั้นดี มาย่างเสิร์ฟเป็นคอร์สจริงจังด้วยนะ หนึ่งในร้านที่ว่าก็คือ Kuma no Yakitori ร้านไฟน์ไดน์นิ่งยากิโทริจากเมืองโอซาก้า ที่โด่งดังในเรื่องการใช้ไก่สายพันธุ์พิเศษที่ไม่ใช่ว่าจะหาทานกันได้ง่าย ๆ ซึ่งสาขายานแม่ของเขา เปิดเฉพาะให้คนที่สมัครเมมเบอร์ชิพ เข้ามาทานได้เท่านั้น (แอบไปอ่านมา ก็คือเอ็กซ์คลูซีฟมากนะ เพราะต้องจ่ายค่าแรกเข้าถึง 300,000 เยน หรือเกือบ 70,000 บาทไทยแหนะ) ข่าวดีคือ Kuma no Yakitori ที่มาเปิดในไทย ตรงซ. สุขุมวิท 47 ใน Rain Hill เขาไม่เก็บค่าเข้าสมาชิก ให้เราไปนั่งกินแบบไม่ต้องแย่งชิงกับใครเหมือนกับในญี่ปุ่น ภายในคอร์ส 16 เมนู เชฟ โยชินาริ ทาคากิ (Yoshinari Takagi) เขาก็คือใช้ไก่ทุกส่วนคุ้มมาก ไล่มาตั้งแต่กึ๋น หัวใจ หนัง สันใน ปีก ภายในคอร์สยังมีเมนูไก่ซาชิมิให้คนที่ใจถึงได้ลองด้วยล่ะ
Kuma no Yakitori Bangkok. Rain Hill ซ.สุขุมวิท 47 BTS ทองหล่อ เวลาทำการ ทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) 17:00 - 19:30 น. และ 20:00 - 22:30 น. โทร. 02 258 6173
Nicolo Bakery

ใครที่ชอบบรรยากาศร้านขนม และกลิ่นหอมเนยตลบอบอวลของเบเกอรีอบสดใหม่จากเตาแล้วล่ะก็ ร้าน Nicolo Bakery คือหมุดหมายของย่านพระโขนง ที่สนองนี้ดคนรักขนมอบได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากขนมที่วางเรียงรายอยู่เต็มเคาน์เตอร์ ภายในร้านเขายังมีโซนอบขนมแยกไว้ ให้เราได้เห็นทุกกระบวนการของการทำขนมอบด้วยล่ะ บอกตามตรงว่า เราค่อนข้างว้าวกับราคาขนมของที่นี่มาก เพราะขนมแทบทุกตัวในร้าน ราคาไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ เราชอบตัว Banana Bread (95 บาท) เค้กกล้วยหอมชิ้นโต เนื้อสัมผัสนุ่มฟู โปะมาด้วยเนยฝรั่งเศสคุณภาพดี ตัดรสด้วยเกลือโรยเล็กน้อย คือนิพพานสุด ๆ ใครที่จะไปลองร้านนี้ เราแนะนำว่าให้ลองไปช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเมนูทิรามิสุ ทำสด เสิร์ฟถึงโต๊ะ ปล. ที่นี่เขาเป็น pet-friendly ฉะนั้นใครมีน้องหมา น้องแมวก็พามาโชว์ตัวกันได้นะ
55, 9 ซอยสมานฉันท์ พระโขนง BTS พระโขนง เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 07:00 - 17:00 น. โทร. 065-442-5353
Oh Juice

และนี่ก็คือร้านสมูทตี้ผลไม้น้องใหม่ ที่น่าจะฮอตฮิตที่สุดในตอนนี้แล้ว เพราะตั้งแต่เปิดมาวันแรก จนยันวันนี้ คิวเดินเข้าหน้าร้าน Oh! Juice ก็ยังยาวคดเคี้ยวเป็นหางงูแม้จะเข้าใกล้เวลาห้างปิดก็ตาม คือด้วยความที่เป็นน้องเล็กในเครือ โอ้กระจู๋ เรื่องความเฮลตี้ก็ยังต้องให้เขาอยู่ เพราะที่นี่เขาเสิร์ฟผลไม้ในสมูทตี้มาแบบเน้น ๆ ไม่มีน้ำตาลผสมแน่นอน วันที่เราไป เราลองเป็นตัว ‘Angel’s Secret’ (270 บาท) เมนูแก้วซิกเนเจอร์ เบสเป็นสตรอว์เบอร์รี่ นมอัลมอนด์ อะโวคาโด ปั่นรวมกับเนื้อและน้ำมะพร้าวเน้น ๆ ด้านล่างมีเนื้อแยมสตรอว์เบอร์รี่ผสมเจียซีด (chia seed) พร้อมสารพัดสารสร้างสวย ทั้งวิตามินซีบูสเตอร์ ผงโปรตีน รวมถึงคอลลาเจนกว่า 4,000 มิลลิกรัม ดื่มเสร็จแล้วคือตัดซีนพร้อมแปลงร่างเป็นนางฟ้า ถ้าถามความเห็นส่วนตัว เรายังคิดว่า จริง ๆ แล้วราคาตัวเมนูปกติของทางร้าน ก็ไม่ได้ถือว่าหนีจากร้านสมูทตี้เจ้าอื่น เพียงแต่ด้วยไฮป์และกระแสธารคนในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่คนรีบร้อนอะไรก็รอไปก่อนได้ เพราะยังไม่ถือว่าพลาดอะไร
Oh! Juice. ชั้น 2 Central Ladprao Plaza เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 21:00 น. BTS ห้าแยกลาดพล้าว
Peel and Pit

สมูทตี้บาร์เปิดใหม่ย่านสี่พระยา ที่นอกจากขายน้ำผลไม้ปั่น ดีไซน์ก็ยัง ‘ปั่นจัด’ สุด ๆ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเดินเข้าร้าน ก็จะประจันหน้ากับคำโปรยหน้าร้าน ที่ประกาศกร้าวว่า Bangkok is so f*cking hot (กรุงเทพ ฯ แม่งร้อนจัด ๆ)–ซึ่งเราก็แบบเออ-ออ พยักหน้าตามเห็นด้วย–ภาพวาดเพ้นต์ติดผนังหน้าตาหวาบหวิว จนไปถึงเสื้อผ้าดีไซน์ลายปักธีมน๊มน้มและสารพัดของสะสมและเอเลนเมนท์ความเป็นฮิปฮอป ทั้งหมดนี้คือผลงานของสตูดิโอของ คุณ กาย–ณัฐพัฒน์ จุลละสุวรรณและ เฌอแตม–มลลินิน ศรีสว่าง ที่เพิ่งรีโนเวตสตูดิโอทำงานศิลปะบนตึกสอง บนถนนสี่พระยา ให้กลายเป็นร้านน้ำปั่นผลไม้เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง ที่นี่เขาไม่ใช้สารให้ความหวาน หรือน้ำเชื่อมใด ๆ เลยนะ รอบที่เราไป เราลองสั่งเป็นตัว Banana Grofe (120 บาท) เป็นเมนูสมูทตี้กล้วย เอาลงไปปั่นกับเนยถั่วและนมวัว (จริง ๆ จะขอเป็นนมโอ๊ตก็ได้นะ) ได้รสผลไม้แบบเต็มปากเต็มคำดี อีกเมนูที่ชื่อเตะตาดี คือ Jintara (100 บาท) ซึ่งทางร้านเอาแตงโม ไปปั่นรวมกับใบโหระพา และมะนาว ก็น่าสนใจไปอีกแบบ
Peel and Pit. 639 ถนนสี่พระยา เวลาทำการ ทุกวัน 11:00 - 18:00 น. โทร.. 090 094 6974
Smizzle Burger (Ari)

ใครที่เป็นแฟนตัวยงสายเบอร์เกอร์ คงจะรู้กันอยู่แล้วว่าร้านเบอร์เกอร์ที่เปิดมาเพื่อขาย ‘Smashburger’ โดยเฉพาะอาจจะไม่ได้มีเยอะเท่าร้านเบอร์เกอร์ประเภทอื่น ๆ ในกรุงเทพ ฯ แต่ถ้าจะให้นึกขึ้นมาเร็ว ๆ สักหนึ่งร้าน เราเชื่อว่าชื่อแรกที่ต้องป๊อปอัพขึ้นมาในหัว คงหนีไม่พ้น Smizzle Burger ร้านสแมชเบอร์เกอร์สเปเชียลตี้ฝีมือคนไทย ที่เสิร์ฟเนื้อแพตตี้บด แนบกระทะร้อน ๆ จนขอบเนื้อกรอบเกรียม ประกบคู่ด้วยขนมปังบันนุ่มหนึบหอม ๆ ล่าสุด ทางร้านเขาขยับขยายออกมาจากถิ่นย่านสุขุมวิทและชิดลม มาเปิดสาขาใหม่ตรงอารีย์ ในซ.พหลโยธิน 9 ซึ่งสาขานี้เขามีความพิเศษอยู่ตรงที่ตัวสูตรขนมปังบัน ที่ใช้แป้งฝรั่งเศส ผสมมันฝรั่งทำให้เนื้อ ซึ่งทำให้มีความนุ่มหนึบหนับสู้ฟันมากกว่าตัวขนมปังบัน ที่ใช้กันทั่วไปตามร้านเบอร์เกอร์—ที่สำคัญ สาขานี้เขามีห้องกระจก เปิดให้เห็นกรรมวิธีนวดแป้ง ขึ้นแป้ง อบแป้งสดใหม่จากเตาทุกขั้นตอนด้วยล่ะ ลองสั่งเป็นตัว ‘Crusty Blondie’ (290 บาท) ที่ทางร้านใช้เป็นน้องเนื้อวัวฝรั่งเศส ชาร์โรเล่ส์ (Charolais) ผ่านกระบวนการ Grain-fed เป็นเวลา 300 โดยเริ่มจากเอาตัวหัวหอมสับผสมกับเชดด้าชีส ไปกริลล์จนเป็นแผ่นเหลืองกรอบ ก่อนจะนำเจ้าเนื้อแพตตี้ของเราไปวางทาบ (หน้าตาชวนให้นึกถึงเกี๊ยวกรอบแบบมีปีกอยู่เหมือนกัน)
Smizzle Burger (อารีย์). ซ. พหลโยธิน 9 BTS อารีย์ เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 22:00 น.
Soft Spot Acai

ร้าน Acai น้องใหม่ของทองหล่อ ที่เสิร์ฟอาซาอิแบบเพียว ๆ 100% ไม่มีน้ำตาลผสม สวยสุขภาพดี จะกินกี่ถ้วยก็ไม่อ้วน ที่นี่เขาเสิร์ฟอาซาอิแบบไม่ซ้ำใคร เพราะแทนที่เขาจะทำเป็นเมนูโบล์วทั่ว ๆ ไป ทางร้านนำ Acai จากบราซิล มาทำเป็นซอฟเสิร์ฟเย็นฉ่ำ 3 รสหลัก เป็น Pure Acai ที่ใช้ผลไม้อาซาอิแบบ 100% Tropical Acai และ Cacao Acai (ที่โน๊ตเขาจะออกไปทางช็อคโกแล็ต) เราแนะนำลองสั่งเป็น Soft Spot for Cookies (189 บาท) เมนูพิเศษ ที่ใช้รสชาติ Seasonal เป็นซอฟท์เสิร์ฟรส Yogurt Biscoff ผสมกับอาซาอิ ด้านล่างเป็นกราโนล่ากรอบเพิ่มเท็กเจอร์ สตรอว์เบอร์รี่สไลซ์สดมาเพิ่มความสดชื่น ปิดท้ายด้วยซอสคุกกี้บัตเตอร์ซอส กินแล้วมีความสุข แถมสวยจากภายในไปอีก
Soft Spot Acai. ซ. ทองหล่อ 4 อาคาร Kaulin Building BTS ทองหล่อ เวลาทำการ ทุกวัน 09:00 - 20:00 น.
Tapori

คำว่า Tapori ในภาษาฮินดีเป็นคำแสลง ไว้เรียกเด็กหัวโจกประจำหมู่บ้าน ที่มีความแก่นความกล้า ชอบลองและออกสำรวจพื้นที่แบบไม่มีคำว่ากลัวในหัวใจ นี่คือคอนเซปต์หลักของ Tapori ร้านอาหารอินเดียใหม่ล่าสุดของชาวทองหล่อ ที่อยากจะพาคนไปรู้จักอาหารอินเดียให้ไกลกว่าเมนูพื้น ๆ เบสิคอย่าง บัตเตอร์ชิคเก้น และ แป้งนาน เลยเป็นเหตุผลที่คุณ โรหิต ชาร์มาร์ (Rohit Sharma) นอกจากจะรับบทเป็นหัวเรือใหญ่ของร้าน ยังทำหน้าที่เป็นผู้นำทัวร์ พาเราไปฮ็อปโลกของรสชาติอาหารอินเดีย ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ให้เราได้ทานอาหารตามหมุดหมายสำคัญ ๆ ของแต่ละรัฐในอินเดีย–เชฟโรหิตเล่าให้เราฟังว่า ความตั้งใจเดิมคืออยากให้ร้านมีสัก 300 เมนู แต่ด้วยข้อจำกัดและแรงมือ เลยคัดเลือกมา 29 เมนูจานคาวหวาน ที่เก็บรายละเอียดความเป็นเมืองนั้น ๆ ได้อย่างครบถ้วน อย่างจานนี้ เป็น Gobhi Musallam (380 บาท) เมนูคลาสสิกของ อุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย ติดกับประเทศเนปาล จานนี้เชฟนำเอาดอกกะหล่ำไปกริลล์ในซอสครีม (ซึ่งก็เป็นเมนูที่ทวิสต์มาจาก Chicken Musallam ที่ใช้ไก่เป็นเมนหลักของอาณาจักรโมกุล (Moghul) อีกต่อหนึ่ง) จานนี้แทนที่จะใส่มาแค่ตัวดอกกะหล่ำย่างเฉย ๆ เชฟโรหิตเขานำเอาบีทรูทไปย่าง แล้ววางมาตรงกลางแทน
Tapori. ซ. สุขุมวิท 47 BTS ทองหล่อ เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 17:30 - 23:00 น. 064-569-3798
The Pablo

ชวนมากินบรันช์ตามประสานกที่ตื่นสาย แล้วนั่งแช่ต่อยาว ๆ ยันดึกกับ The Pablo Bangkok ร้านอาหาร All-day Dining น้องใหม่ของชาวอโศก ตัวร้านได้แรงบันดาลใจมาจากร้านอาหารทางฝั่งอเมริกาใต้ เพราะงี้ ตอนมา เราเลยเชียร์ให้ลองสั่งตัว Tuna Ceviche Thailandia (380 บาท) เมนูลูกผสมไทย-เปรูเป็นจานเซวิเช่ทูน่าสด ๆ เติมแต่งความแซ่บด้วยเครื่องเทศของไทย ส่วนใครจะนั่งต่อยาว ๆ เขาก็มีทั้งดนตรีสด และดีเจมาเปิดแผ่นช่วงสุดสัปดาห์ จะสั่งค็อกเทลมาจิบคู่กันก็ได้ฟิลอยู่
The Pablo Bangkok. ซ. สุขุมวิท 25 เวลาทำการ ทุกวัน 09:00 - เที่ยงคืน โทร. 081-142-5317