101 ร้านอาหารเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ ปี 2024 ที่ต้องไปลอง

กลับมาอีกแล้วกับสรุปลิสต์รวมยอดประจำปีของทีม Soimilk รอบนี้เราได้ ร้านอาหารเปิดใหม่ 2024 ไว้ถึง 100 ร้านด้วยกัน (ซึ่งสารภาพกันตามตรงก็คือ เราเองก็ยังเก็บได้ไม่ครบ และเอาเข้าจริง จำนวนร้านเปิดใหม่ปีนี้ ก็ทะลุเลยไปไกลหลักร้อยมากอยู่) ทั้งร้านที่ปิดตัวไปแล้วกลับมาแบบยิ่งใหญ่กว่าเดิม 

 

เอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าว่ามีร้านอาหารไหนที่ติดอยู่ในลิสต์เรากันบ้าง

 

 

หากใครเป็นแฟนคลับ Zao ร้านอาหารอีสานสุดชิคคนอุบลของคุณอีฟ–ณัฐธิดา พละศักดิ์  น่าจะเคยไปลองกินแจ่วฮอนและลาบของ Zao Larb ที่เป็นร้านร่างแยกของซาวสาขาหลักอีกที เมื่อกลางปีนี้ ตัวร้านเขารีโนเวทใหม่ เป็น Saole ร้านอาหารที่พาเราไปท่องภูเขาและเที่ยวทะเลผ่านวัตถุดิบของดี และเรื่องเล่าสนุกๆ ของคุณฮานีฟ ที่หยืบเอาประสบการณ์กว่า 20 ปี และจานอาหารฝั่งยูนนานของครอบครัว มาทำอาหารสไตล์เข้าใจง่าย 

 

Soimilk Says: นอกจากตัวกุ้งแดง Gambero Rosso หมักน้ำปลาที่ใครไปถึงร้านก็ต้องสั่งแล้ว เรายังชอบกลิ่นอายยูนนานในอาหารของคุณฮานีฟ อย่างตัว ข้าวผัดไข่แฮมยูนนาน (490 บาท) คุณฮานีฟเล่าว่าเป้นเมนูยืนพื้นของที่บ้านสมัยแกเด็กๆ เพราะที่บ้านทำโรงงานขายส่งไส้กรอกจีน เวลาหิวๆ ก็จะเอาไส้กรอก ผักดอง แฮมที่เหลือมาโยนผัดใส่กระทะ ลองสั่งตัว ปลาหมึกหวานงานขี้หม่อน (490 บาท) มากินคู่เป็นกับแกล้มก็ถือเป็นอันจบ เพราะซอสหวานเค็ม พอเคลือบกับเม็ดข้าว กินคู่กับตัวหมึกเนื้อสู้ฟัน แล้วเข้ากันมากๆ 

 

 

ร้านอาหารเปิดใหม่ 2024
 

ถ้าใครอยู่ขอนแก่น น่าจะรู้จักหรือเคยไปลองร้าน ‘แก่น I Kaen’ ร้าน Casual Fine Dining ของเชฟไพศาล ชีวินศิริวัฒน์’ และ ‘เชฟจิ๊บ-กัญญารัตน์ ถนอมแสง ที่เสิร์ฟอาหารอีสานหน้าตาดู ‘แก่น’ โมเดิร์นสมชื่อร้าน–ซึ่งยอมรับว่า เราเองก็เล็งร้านนี้ไว้นานมากๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสไปที่ลอง ที่ขอนแก่นสักกะที–แต่โชคก็ยังเข้าข้างเราอยู่บ้าง เพราะไม่นานมานี้ ทั้งคู่ได้นำร้าน Kaen มาเสิร์ฟถึงมือคนกรุงเทพ ใกล้ๆ แค่ฝั่งธนนี่เอง ไม่ต้องขับรถหรือบินต่อเครื่องไปไกลอีกแล้ว 

 

Soimilk Says: ก่อนจะพูดถึงตัวอาหาร เราขอใช้พื้นที่อวยยศสเปซของร้านก่อน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสาขาแรกของ Kaen ทั้งที ก็ต้องยกเอเลเมนต์และองค์ประกอบความเป็นขอนแก่น มาใส่ไว้ในร้านบ้าง ไล่มาตั้งแต่ประติมากรรมไม้ ที่จำลองมาจากวัดไชยศรี บริเวณชั้น 2 ของตัวร้าน ยังแบ่งพื้นที่มาเป็นเรือนกระจกเล็กๆ ไว้ปลูกสารพัดใบหูเสือ ที่เอามาใช้ในร้านด้วย ถึงจะชวนให้คิดว่าเป็นร้านเชฟเทเบิ้ลอยู่บ้าง ความจริงแล้ว แก่นกรุงเขาเน้นเสิร์ฟเป็นอะลาคาร์ท–ที่เราเองก็คิดว่าราคาไม่ได้หนีจากมาตรฐานร้านกรุงเทพฯ–อย่างตัว ส้มตำพม่า เมนูลูกผสมตำลาว และสลัดใบชาพม่า ก็ได้ Lady Googoo เชฟสาวชาวพม่า มาช่วยออกแบบให้ 

 

 

 

ใครที่เคยไป Stage (สตาช) ร้านอาหารแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่งตรงเอกมัย น่าจะรู้จักเชฟเจย์-สายนิสา แสงสิงแก้ว ศิษย์เก่าร้านอาหารฝรั่งเศสในตำนานอย่าง L'Aterlier de Joel Robuchon กันดีอยู่แล้ว หลังจากแกประกาศลาสเตจย่านเอกมัยไปเมื่อต้นปี เชฟเจย์เขาก็เปิดร้านใหม่ในรูปแบบออลเดย์ไดน์นิ่งในชื่อ Copine ในซ.สาทร 9  ตัวร้านเขาเนรมิตรบ้านเก่าสองชั้นอายุร่วมร้อยกว่าปี มาชุบชีวิตใหม่ให้กลายเป็นสเปซสไตล์โมเดิร์นยุโรป มีดีเทลงานออกแบบด้วยคู่สีครีมและเขียวลุคสบายตา เหมาะมากกับการมาแฮงค์เอาต์และเอนจอยอีตติ้งแทบทุกช่วงเวลา ตามคอนเซปต์ชื่อร้าน Copine (อ่านว่าโค-ปีน) ที่ให้เราทำตัวตามสบายประหนึ่งมาทานข้าวบ้านเพื่อน บ้านแฟนแบบเก๋ๆ 

 

Soimilk Says: อาหารร้านใหม่รอบนี้ของเชฟเจย์ เขามัดรวมจานอาหารสไตล์ตะวันตกที่เข้าใจง่าย ใช้วัตถุดิบดี–แถมยังหน้าตาดีขึ้นกล้อง–ให้เราได้เอนจอยอีตติ้งตั้งแต่เช้าจรดเย็น โทสต์พาเฟ่ต์ตับบดเนื้อเนียน (320 บาท) สลัดมะเขือเทศเพสโต้ท็อปด้วยชีสบูราต้า (550 บาท) หอยแมลงภู่มูล-ฟริต (Moules Frite) เคี่ยวในไวน์ขาวเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งทอด (590 บาท) แต่ละอย่างไม่ใช่เมนูซับซ้อน แต่ก็อร่อย กินเพลิน เหมาะกับการเปิดมื้อได้ดีเลย

 

 

หลังจากที่เคยมาเปิดป๊อปอัพชั่วคราวตรงบ้านตรอกถั่วงอก  โรงชาชื่อดังจากพม่าอย่าง Rangoon Tea House เขาก็ได้ฤกษ์เปิดบ้านใหม่เป็นจริงเป็นจังให้ชาวทองหล่อ มานั่งจิบชา กินติ่มซำ และสารพัดของอร่อยสไตล์พม่า ถึงจะชื่อว่าโรงชา แต่ก็ไม่ได้เป็นโรงชาเก่าแบบโอเพ่นแอร์แบบในภาพจำหรือละครพิเรียดหรอกนะ เพราะทีนี่เขาหยิบเอาบ้านเก่าในซอยแสงชัย ที่เคยเป็นสเปซของ Ang Morr ร้านอาหารจีนกุ๊กช็อปสไตล์โมเดิร์น มารีโนทเวทใหม่ในสไตล์ Mid-Century แต่ก็แอบใส่กลิ่นอายพม่าเข้ามาแบบเนียนๆ ทั้งพัดลมเพดานหน้าตาคลัง ตัวครอบหลอดไฟ บาร์ไม้สัก หรือโคมไฟแชนเดอร์เลียร์ ก็เป้นของสะสมและสั่งทำพิเศษจากพม่า–ซึ่งแทบทั้งหมดนี้คุณ Htet Myet Oo เจ้าของร้านคือขนมา บินไปกลับกรุงเทพฯ​ ย่างกุ้ง หลายทริปมากกว่าจะแล้วเสร็จ

.

Soimilk Says: ถ้าพูดถึงฝั่งอาหาร เราว่าที่นี่น่าจะมีซีเล็กชั่นอาหารพม่าให้เลือกเยอะที่สุด เท่าที่เราเคยเจอมาในกรุงเทพฯ (เพราะอย่างต่ำก็น่าจะมี 58 รวมเมนูคาวหวาน) แบ่งไปเป็นของว่างไว้ทานกับชา เมนูเส้น แกง บริยานี่ และติ่มซำ เราลองสั่งเป็น ‘Burrata with Mutton Tea Leaf (650 บาท) เมนูที่ทวิสต์มาจากสลัดใบชาหมัก นำไปคลุกกับเนื้อแกะบดละเอียด ท็อปมาด้วยบูราต้าชีส  เมนูข้าวบริย่านี่ของที่นี่ เป็นลูกผสมระหว่างบริย่านี่พม่าและอินเดีย โดยนำเอาข้าวบัสมาตีเม็ดเรียวยาว ไปหุ้งในนมหญ้าฝรั่น (Saffron Milk) ก่อนจะซีลปิดหม้อด้วยแผ่นแป้ง กักเก็บรสชาติและกลิ่นหอมไว้ครบ อย่างเราสั่งมาเป็น Lobster Biryani (1,400 บาท) คลุกกับมันกุ้งและเครื่องแกง กินพร้อมกับซอสโยเกิร์ตอีกทีนึง ขึ้นชื่อว่าโรงชา จะไม่สั่งชาก็ยังไงอยู่ ที่นี่ชาพม่า Laphet Yay เขามีให้เลือกถึง 8 แบบ แบ่งไปตามความหนักเบาของสัดส่วนนมข้น ฟองนม และบอดี้ชา สั่งมากินคู่กับติ่มซำตอนเช้าๆ หรือจะสั่งของหวานจริงจังมานั่งทานต่อยันดึกก็ยังได้

.

 

ร้านสเปเชียลตี้แฮมเบิร์กคิวยาวจากโตเกียว กับสาขาแรกบนชั้น 7 ห้าง CentralWorld ที่บดใหม่ ทำใหม่ หุงใหม่ทุกออเดอร์ ตัวเซ็ทแฮมเบิร์ก (590 บาท) เสิร์ฟตัวก้อนเนื้อมาถึง 3 ก้อน (ก้อนละ 90 กรัม) ให้เราได้ทานเนื้อแบบเต็มๆ กินคู่กับซอสพอนซึ แล้วตบท้ายด้วยไข่แดงสดอีกที

 

Soimilk Says: ถ้าไม่นับเรื่องจำนวนคิว เราว่านี่น่าจะเป็นร้านแฮมเบิร์กที่อิ่มคุ้มสุดๆ ณ ตอนนี้แล้ว เพราะภายในเซ็ทนึงสามารถเติมข้าวมากินคู่กับเจ้าก้อนแฮมเบิร์กได้ไม่อั้น ได้แต่หวังว่าเขาจะขยายสาขา กระจายคิวให้เข้าถึงง่ายอีกนิดนึง

 

 

ก๋วยเตี๋ยวเรือแมวดำชามจิ๋วแต่แจ๋วของชาวบรรทัดทอง เสิร์ฟฟามอร่อยในราคาแค่ถ้วยละ 30 บาท เราชอบบ่นประจำว่าย่านบรรทัดทองเริ่มแพงขึ้นทุกๆ วัน จะหาข้าวกินที่นึง อย่างต่ำก็ต้องมีร้อยสองร้อยบาทล่ะ ล่าสุดชาวบรรทัดทอง เขามีร้านมาเปิดใหม่อย่าง แมวดำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ Black me-o boat noodle ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแมวดำชามเล็กถ้วยละ 30 บาทราคาเดียว ขนาดจิ๋วแต่ต่อยหนักด้วยรสแซ่บจากซุปพริกคั่ว

 

Soimilk Says: อย่างที่บอกไปว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือของแมวดำ ขายแค่ถ้วยละ 30 บาท (ไม่มีบวกเพิ่มพิเศษใดๆ) แต่อย่าประมาทกับความจิ๋วของนางเชียว เพราะตัวน้ำซุปพริกคั่วของทางร้าน ขนาดเราสั่งเผ็ดแค่ 50% ก็แซ่บจี๊ดจนเหงื่อซก แนะนำให้สั่งพวกกากหมู (30 บาท) กับเกี๊ยวทอด (39) มาทานคู่กันดู

 

 

นี่น่าจะเป็นห้องอาหารไทยแห่งแรกและแห่งเดียวของในประเทศ–และน่าจะของโลกด้วย–ที่เสิร์ฟอาหารไทยพร้อมกับประสบการณ์วิวสูงวิวจึ้ง เชฟที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ร้าน Le Du (1 ดาวมิชลิน) และ Nusara (อันดับ 6 Asia’s 50 Best Restaurants 2024) ที่มาร่วมจอยแก๊งค์ชาว EA’s Chef Tables บนชั้น 56 ของ The Empire Tower ร่วมกับเชฟคนดังอย่าง Vicky Cheng (@chefvickycheng) กับ K by Vicky Cheng ที่ผสมผสานศาสตร์อาหารจีนรูปแบบใหม่เข้ากับเทคนิคอาหารฝรั่งเศส และ เชฟ Paulo Airaudo กับ Sartoria by Paulo Airaudo ห้องอาหารอิตาเลียนนำเสนอรสชาติดั้งเดิมผ่านการตีความสไตล์ร่วมสมัยและวัตถุดิบตามฤดูกาล

.

Soimilk Says: ในส่วนของร้านฤดูกาล จะเน้นเป็นอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นฉบับเข้าใจง่าย และเสิร์ฟในรูปแบบ A la carte โดยได้เชฟแบงค์-ชัชวาล วราหะจีระกูล อดีตเฮดเชฟร้าน Samut มาช่วยดูแล อย่างเมนู ‘อ่อมไก่’ (420 บาท) ก็โดนยกเครื่องให้กลายเป็นราวีโอรีไก่น้ำปลาร้า ไส้ไก่ด้านในทำเป็นเนื้อมูส ผสมกับพิวเรมะเขือเผา และใบแมงลัก

 

 

 

ถือว่าเป็นร้านที่ถ้าใครไปฮ่องกงบ่อยๆ น่าจะตื่นเต้นกันไม่น้อย เพราะนี่คือห้องอาหารนอกฮ่องกงแห่งแรกของเชฟ Vicky Cheng หัวเรือใหญ่ของ VEA ห้องอาหารจีนกลิ่นอายฝรั่งเศสดีกรีหนึ่งดาวมิชลิน ที่มาเปิดบนชั้น 56 โซน EA Rooftop at the Empire (ตั้งอยู่เยื้องๆ เป็นเพื่อนบ้านของ Le Du Kaan นี่เอง) ด้วยความเชื่อมงคลจีน ตัวร้านเลยดึงคอนเซปต์ กิเลน สัตว์ในตำนานเทพจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องความมงคล มาเสริมการตกแต่งในร้าน 

 

Soimilk Says: สำหรับฝั่งอาหาร เชฟ Vicky Cheng หยิบเอาวัตถุดิบโลคอลของไทย มาใส่ลูกเล่นสไตล์จีนแต้จิ๋วในคอนเซปต์ The Harvest of Kilin เริ่มต้นด้วยฝั่งของทะเล เข้าใจง่าย อย่าง ‘กุ้งอามะดองสไตล์แต้จิ๋ว’ (880 บาท) ที่เชฟใช้กุ้งโบตั๋น นำไปดองในซีอิ๊วจนเนื้อเด้ง ส่วนใครที่อยากลองหมูแดงสไตล์ฮ่องกงฉบับเชฟวิคกี้ เชง ก็ลองสั่งเป็นตัว Barbecue Iberico Pork Chau Siu (480 บาท/4 ชิ้น)  หมูย่างฉ่ำซอสน้ำผึ้งที่เราว่าต่อให้มากันสี่คน ก็ควรสั่งเบิ้ลสองนะ 

 

 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นในตำนานของเชฟคนดัง Nobu Matsuhisa  ที่เป็นทั้งโนบุสาขาแรกของประเทศไทยและสาขาที่มีวิวสูงที่สุดในโลกด้วย ตัวร้านตั้งอยู่บนโครงการ EA Rooftop at The Empire โซนเปิดใหม่ที่เปลี่ยนตึกชาวออฟฟิศสาทรให้กลายเป็นพิกัดไลฟสไตล์พร้อมวิวสุดจึ้ง โดยจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือโซนบาร์และห้องอาหารบนชั้น 57 โซนซูชิบาร์และที่นั่งโซนเอาท์ดอร์บนชั้น 58 และสเปซรูปท็อปกับสถาปัตยกรรมอาร์กโค้งพระจันทร์เสี้ยวที่หน้าตาไอคอนนิคสุดๆ พร้อมกับวิวพานาโรมา 360 องศา

.

Soimilk Says: ในส่วนของอาหาร เชฟโนบุแกขึ้นชื่อในเรื่องหยิบจับส่วนผสมและกรรมวิธีการทำอาหารจากเปรู มาผสมรวมกับศิลปะการทำอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม อย่างเมื่อคืนในวันเปิดตัว ทางทีมซอยมิลก์ได้ลองเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟเป็น Yellowtail with Jalapeno เป็นปลาหางเหลืองเสิร์ฟมาคู่กับฮาลาเปญโญ ที่ถึงแม้จะเสิร์ฟมาเป็นคำเล็กๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพวัตถุดิบ 

.

 

ถ้าพูดถึงร้านเหล้าบ๊วยในกรุงเทพฯ นึกถึงร้านไหนเป็นร้านแรกกันบ้าง? สำหรับเรา ชื่อที่ผุดขึ้นมาในหัวชื่อแรกคงหนีไม่พ้น PrumPlum ร้านอาหารและบาร์เหล้าบ๊วยบรรยากาศญี่ปุ่น กับสาขาแรกในซอยศรีบำเพ็ญ ที่ภายในร้านเรียงรายไปด้วยเหล้าบ๊วยหลายชนิดนับไม่ถ้วน ล่าสุด เราเองก็เพิ่งรู้ว่า เขามาเปิดสาขาใหม่ จอยแก๊งค์ชาวตลาดน้อยอย่างเป็นทางการไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง

.

Soimilk Says: นอกจากเซ็ททดลอง Umeshu ที่ทางร้านคัดเลือกมาจากเหล้าบ๊วยเกรดพันธุ์ดีจากมินาเบะ สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนว้าวกับตัวร้าน คงเป็นจานอาหารที่อร่อยเกินหน้าเกินตาเครื่องดื่มซะเหลือเกิน อย่าง  Hamburg Kare Rice (390 บาท) ข้าวหน้าแกงกะหรี่แฮมเบิร์กเนื้อก้อนโต ที่ทางร้านใช้เบสแกงกะหรี่เป็นแอปเปิ้ลผสมมะม่วง ตัวเนื้อแฮมเบิร์กก็ราดลงมาด้วยชีสอีกต่อนึง ก่อนกลับ ก็อย่าลืมปิดท้ายด้วย Japanese Pudding (80 บาท) สูตรของทางร้านดูด้วยล่ะ 

.

 

 

เชื่อว่าถ้าเป็นคนชอบกินอาหารอิตาเลียน น่าจะเคยไปลองโดนอาหารของ It's Happened to be a Closet ร้านอาหารอิตาเลียนที่มัดรวม เสื้อผ้า สินค้าไลฟ์สไตล์ และอาหารไว้ในที่เดียวกันได้แบบแสนเก๋ ซึ่งตอนนี้เขาย้ายบ้านใหม่มาอยู่ในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 3 เดินจากบีทีเอสช่องนนทรีแปปเดียว ก็ถึงเลย

.

Soimilk Says: อาหารของที่ It's Happened to be a closet ก็ยังดีงามตามท้องเรื่องเหมือนเดิม (ขนาดเล็กลง แต่ก็ยังใหญ่พอกินสองคนอยู่ดี) แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือโซนห้องเวิร์กช็อปอเนกประสงค์ ที่คุณแจะ และพาร์ทเนอร์หุ้นส่วน ผลัดกันมาแจกจ่ายความรู้และอินไซเดอร์ทิปส์ของคนแวดวงสายครีเอเตอร์แนวหน้าของเมืองไทย ในทุกๆ วันพุธ ทางร้านก็จะแปลงร่างสเปซชั้นหนึ่งเป็นห้อบอัดรายการพอดแคสต์ด้วยล่ะ สายพาสต้าที่นี่เขาก็มีเมนูหลากหลายอยู่แล้ว ทั้ง Dried Chili Crab Pasta (750 บาท) สปาเกตตี้ผัดพริกแห้ง ที่ใส่เนื้อปูโปะลงไปแบบเบิ้มๆ ใครที่ชอบทานแกะ ต้องสั่งตัว Black Ink Lamb Ikura Pasta (850 บาท) สปาเกตตี้เส้นหมึกดำ เสิร์ฟพร้อมเนื้อแกะและไข่ปลาอิคุระ 

.

 

เชนสเต็กเนื้อเจ้าดังจากนิวยอร์กอย่าง Wolfgang’s Steakhouse บินตรงมาเปิดที่ One Bangkok เป็นสาขาแรกของประเทศไทย และสาขาที่ 40 ในเครือ Wolfgang’s Steakhouse ด้วย

 

Soimilk Says: จุดเด่นหลักที่ทำให้ Wolfgang’s Steakhouse ครองใจคนได้ในทุกๆ ที่ที่ไปเปิด คงมีส่วนมาจากวิชั่นของคุณ Peter Zweiner ผู้ร่วมก่อตั้งและลูกชายฟาวน์เดอร์ Wolfgang Zweiner ที่ใช้ประสบการณ์จากการเสิร์ฟและเฝ้าสังเกตการณ์ร้านสเต็กเฮาส์ชื่อดังในบรูกลินมาตลอด 40 ปี เพื่อเปิดร้านสเต็กเฮาส์เป็นของตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่นี่เขาเน้นใช้ USDA Prime Beef ที่ไม่ผ่านการแช่แข็ง จึงวางใจได้เลยว่าคุณภาพและเท็กเจอร์ของเนื้อจะไม่ดร็อปลงไปแน่นอน เช่นเดียวกับสาขาอื่นๆ ทั่วโลก เมนูเด่นขายดีตลอดกาลคือ Porterhouse Steak ที่แบ่งขายตามเซ็ทจำนวนคน (เริ่มต้นที่ 5,500 บาท) ที่ให้เราได้เอนจอยกับเนื้อสองส่วนไปพร้อมๆ กัน (คุณปีเตอร์ยังเล่าอีกว่าที่นี่เน้นการตระเตรียมเนื้อในส่วนของการดรายเอจ จนไปถึงการเก็บรักษาก่อนเริ่มทำ จึงทำให้ไม่ต้องปรุงอะไรไปมากกว่านั้น) เห็นว่าในอนาคต อาจจะมีเมนู Exclusive สำหรับสาขาประเทศไทยด้วยล่ะ อาจจะต้องรอดูว่าเป็นอะไร เพราะอย่างในญี่ปุ่นก็มีเสิร์ฟเป็นแซนด์วิชเนื้อ ส่วนเกาหลีก็มีเสิร์ฟจานเคียงเป็นกิมจิ

.

ชั้น 3 One Bangkok เวลาทำการ ทุกวัน 17:30 - 23:00 

 

 

ร้านเทมปุระสไตล์ฮากาตะคิวยาวเฟื้อยน้องใหม่ของ One Bangkok ที่ตอนนี้ถ้าใครไปหลังเที่ยง น่าจะหมดสิทธิ์กินเป็นแน่แท้–ซึ่งเราแนะนำว่าถ้าใครบ้านใกล้โซนบางนา นั่งรถไฟฟ้าหรือขับรถไปเผลอๆ อาจจะมีโอกาสมากกว่า

 

Soimilk Says: จุดขายหลักของ Tempura Yamaya นอกจากการทอดสดใหม่ทุกออเดอร์ ในทุกเมนูข้าวด้งและเซ็ตเทมปุระ จะมาพร้อมกับไข่ปลาเมนไทโกะแบบรีฟิลไม่อั้น เราชอบตัวเมนูด้ง Special Tendon (599 บาท) ที่เสิร์ฟมาเป็นชามข้าวยักษ์ประกอบไปด้วยผักทอด ปลาไหลย่างทอด สาหร่าย ปลาคิสึ กุ้งบด ใบโอบะทอด หอยเชลล์ญี่ปุ่น และไข่ต้มแบบซอฟทอดกรอบนอก แต่ยังเยิ้มอยู่ข้างใน (ตัวนี้เราว่ากินกับเมนไทโกะ ราดซอสหวานแล้วตัดเค็มได้พอดี) 

 

 

 

Yoe Yoe Lae เป็นคำพม่า ถ้าในความหมายไทยก็คืออะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังน่าจดจำ อาหารของ Yoe Yoe Lae ร้านอาหารพม่าเปิดใหม่ฝั่งประตูน้ำ เลยเน้นเสิร์ฟพวกเมนูอาหารพม่ารสชาติเข้าใจง่ายแต่อร่อยจำพวกเมนูเส้นโมฮิงกา (นึกภาพขนมจีนน้ำยาปลา แต่น้ำยาจะข้นและรสออกถั่วกว่า เพราะใช้แป้งถั่วลูกไก่เป็น thickening agent) บะหมี่รัฐฉาน และข้าวบริยานีเวอชั่นของคนพม่า (ซึ่งเราเองก็เพิ่งรู้ว่าบริยานีของคนพม่าจะใช้มาซาล่าน้อยกว่าของคนอินเดีย)

.

Soimilk Says:เราชอบตัว Yangon Noodle Salad ที่ถึงชื่อจะมีคำว่าสลัดอยู่ ก็ไม่ได้เสิร์ฟผักจริงจังอะไรขนาดนั้น เป็นเมนูเส้นพม่า เคลือบด้วยซอสถั่วลูกไก่ เสิร์ฟมาพร้อมหมี่กรอบ อันนี้นึกถึงข้าวซอย แต่เป็นแบบแห้ง และออกข้นกว่าหน่อย อันตรายต่อแผนการคุมน้ำหนักของทุกคนมากๆ ส่วนโมฮิงกา ชอบที่เขาใส่เทมปุระฟักเขียว กับปาท่องโก๋มาเพิ่มเท็กซ์เจอร์ สั่งไชพม่า (ชาพม่า) มากินคู่กันปิดท้ายคือดีเลย

. 

 

 

ถึงตัวจะอยู่กรุงเทพ ก็ไปเอ็นจอยกับไวบ์บีชคลับกันได้แล้วกับ The River Club Bangkok สเปซแฮงค์เอาท์แห่งใหม่ของชาวเจริญกรุง ที่ยกบรรยาศบีชคลับมาไว้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของทีม Watermelon Group ที่อยู่เบื้องหลังร้านดังๆ อย่าง The Rabbit Hole, Crimson Room และอดีตห้องอาหารมิชลิน 1 ดาว อย่าง Canvas ด้วย 

 

Soimilk Says: ต่อให้ไม่มีทะเลของจริง ตัว The River Club ก็ดึงเอาเอเลเมนต์ทรอปิคอลอะโลฮ่า ความเป็นคลับชายทะเล มาแปลงเป็นคลับแบบริเวอร์ไซด์ได้เก๋ดี ให้ฟิลว่าเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลก เหมาะมากกับการหนีงานมาพักร้อนใจชั่วคราว จะจิบค็อกเทลหน้าบาร์ หรือนั่งเอนตัวลงบนเก้าอี้ตัวยาวริมสระน้ำ หรือเลือกที่นั่งริมน้ำดูสะพานกับเรือแล่นไปมาก็สบายใจไปอีกแบบ 

 

 

เวลานึกถึงห้วยขวางตอนนี้ ส่วนตัวก็จะนึกออกแต่อาหารจีน หมาล่าชาบู หมี่จีนฉงชิ่ง จนชักไม่แน่ใจแล้วว่าควรเรียกที่นี่เป็นไชน่าทาวน์สาขา 2 ได้หรือยัง แต่ท่ามกลางธุรกิจจีนที่คลาคล่ำในโซนห้วยขวาง Inle Amattaya น่าจะตอบโจทย์คนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ  โดยอาหารของที่นี่จะชูโรงของดีจากรัฐฉาน (Shan) เมนูส่วนมากก็เลยจะเป็นพวกแป้ง พวกเส้นมาโดมิเนทลิสต์รายการอาหารซะส่วนใหญ่ ไล่เรียงมาตั้งแต่ขนมจีนพม่า (mohinga) สลัดใบชาหมัก แล้วก็สารพัดเมนูเส้นก๋วยเตี๋ยวรัฐฉานทั้งแบบแห้งกับแบบซุป

.

Soimilk Says: ตัวที่มาลองเป็น Tofu Nway (80 บาท) เป็นซุปเต้าหู้ถั่วลูกไก่อุ่น ๆ เท็กเจอร์ออกครีมข้น ออกหวาน มีกลิ่นขมิ้นแซมเข้ามาชัดอยู่ ราดลงมาบนเส้นก๋วยเตี๋ยวหนึบ ๆ มีปาท่องโก๋เสิร์ฟมาคู่กันให้ปาดซุปปิดจ็อบกันได้สะดวก 

 

 

ใครที่ยังรู้สึกว่าร้าน No Name Noodles จองยากอยู่ แนะนำให้แอบที่ทำงานมาต่อคิวกันที่ Tsukesoba Sense ร้านราเมนเส้นจุ่ม (tsukemen) ร้านราเมนแห่งที่สามของเชฟชิน อิโนะอุเอะ กันดูสักหน่อย

.

Soimilk Says: ในฐานะคนชอบกินสึคิเมน เราชอบที่นี่เลือกชูมาทางเส้นก่อน เชฟเล่าว่าตัวเส้นใช้เป็นแป้งสาลีชนิดเดียวกับที่เขาไว้ทำตัวโมจิ สัมผัสที่ได้เลยจะหนึบกว่าหน่อย ด้านล่างตัวเส้นก็มีดาชิ จะกินเปล่าๆ ก่อน หรือบีบมะนาว โรยเกลือก็ได้กินรสหลากหลายดี ตอนนี้เขาทำขายเป็น 3 เซ็ท (320 บาท) หลักๆ คือมีเป็นซุปข้น 1 ตัว ซุปใส 1 ตัว ฝั่งซุปใส (ส่วนตัวเราชอบซุปโชยุอยู่ อันนี้คือมันลงตัว เค็มแต่ก็ไม่หนักไป) ส่วนฝั่งซุปข้นเราชอบตัว Noko Gyokai เป็นซุปข้นจากไก่และซีฟู๊ด ใครอยากลอง ให้รีบไปตั้งแต่หัววัน (10 โมง) เพราะเขาจำกัดการขายอยู่ที่ 100 ชามต่อวันเท่านั้นนะ

 

 

 

สารภาพว่าภาพจำต่ออาหารฝั่งอังกฤษของเรานั้น ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ (ก็แหงล่ะ เวลานึกถึงอาหารโซนนี้ก็จะชอบนึกถึงพวกไส้กรอกเลือดนี่เนอะ) แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชาวทองหล่อเค้ามีร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นบริติช (Modern British) มาเปิดใหม่อย่าง Wynd ที่จะมาลบภาพจำเดิมๆ ด้วยสารพัดเมนูบรันช์คนเก๋ 

 

Soimilk Says: อาหารของที่นี่เขาเน้นชูโรงวัตถุดิบคุณภาพ เริ่มต้นด้วยตัว Beef Tartare ที่เพิ่มมิติด้วยไข่ปลาคัตเทิลฟิช ใครที่ชอบรสซับซ้อนหน่อยก็อาจจะลองสั่งเป็น Sawara Fish ปลามาคาเรลญี่ปุ่นสเปน ที่เสิร์ฟพร้อมซอสแตงกวาและเสาวรสรสสดชื่น แต่ไฮไลท์หลักของจริงเห็นจะเป็น Oxtail Lasagna ที่ใช้เนื้อส่วนหางวัว บ่มนาน 7 วันและตุ๋นนานถึง 48 ชั่วโมง

ซอยทองหล่อ 99 เวลาทำการ : อังคาร-อาทิตย์ 8.00-22.00 น

 

ก่อนหน้านี้เราเคยเขียนถึง orē ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งมาแรงของเชฟ Dimitrios Moudios  เชฟหนุ่มชาวกรีกที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ Borderless Cuisine (หรือพูดง่ายๆ คือไม่จำกัดสัญชาตินั่นแหละ) ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทางทีม orē และ Dominik Jurasz ซอมเมอลิเยร์ชาประจำร้าน เขาก็ได้งอกสเปซใหม่เพื่อทุ่มเทให้กับประสบการณ์จิบชาโดยเฉพาะ

 

Soimilk Says: ถ้าจะบอกว่าจิบชาเฉยๆ ก็คงธรรมดาเกินไป เพราะอันที่จริงแล้ว ที่ orē เขามีคอลเลกชั่นชาหายาก (บางตัวอายุอานามมากกว่า 100 ปีก็เยอะ) แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ส่วนตัวเราชอบ Gawin of Tea อยู่สองอย่างคือ 1) ปกติเวลานึกถึงประสบการณ์ชาในบริบทพิธี น้อยครั้งที่จะเจอฝรั่งเป็นคนชงชาให้ 2) ตัวประสบการณ์ชาที่เราได้ลอง ก็ไม่ได้เข้าถึงยากขนาดนั้น ทุกอย่างถูกลดทอนลงมา ชนิดที่ว่าคนไม่อินเรื่องชาก็เข้าถึงได้ง่ายขึ้น อย่างรอบที่เราไป Tea Experience (2,500 บาท) เราได้ลองตัว Silver Needle ชาขาวจากภูเขาในฝูเจี้ยน ประเทศจีน โดยเสิร์ฟมาทั้ง 3 อุณหภูมิ (เย็น ร้อน อุ่น) ให้เราได้ทานคู่กับขนมและของว่าง 

 

ร้านอาหารอิตาเลียนเปิดใหม่บนถนนนางลิ้นจี่ เสิร์ฟเส้นพาสต้านวดมือ ในไวบ์อบอุ่น ตัวร้านได้แรงบันดาลใจมาจากเมือง Shoreditch โซนที่ใครๆ ก็ขนานนามว่าเป็นย่านฮิปสเตอร์ของเมืองผู้ดี 

 

Soimilk Says: อย่างที่บอกไปว่าพวกสารพัดเส้นเขาทำเองอินเฮาส์หมด แต่นอกจากเรื่องเส้นๆ วัตถุดิบที่ทางร้านใช้ก็ถือว่าเข้าใจเลือก อย่าง Cacio e pepe (290 บาท) ที่ทางร้านใช้เส้น bicoli เส้นอ้วนกลมหนา มาทำเป็นพาสต้าชีสและพริกไทย ตัวชีสที่ใช้ก็ใช้เป็น Parmigiano Reggiano และ Grana Padano ท็อปด้วยไข่แดงกงฟี และวอลนัทปิดท้าย 

 

 

อดีตเชฟเจ้าของดาวเขียวมิชลินจาก J'aime Bangkok, Amerigo Tito Sesti และ Yoan Martin กลับมาพร้อมร้านใหม่ในย่านตลาดน้อยที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของ The Warehouse กับคอนเซปต์ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียนธีม Cyberpunk  ตัวร้านตกแต่งด้วยกลิ่นอายดิสโทเปียแบบไซเบอร์พังก์ มีลิฟต์กรงนกพาแขกขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า ที่เต็มไปด้วยกราฟฟิตี หนังสือนิยายไซไฟ และครัวแบบเปิดที่ใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์และเตาย่างไฟฟืน

 

Soimilk Says: เมนูอาหารที่นี่โดดเด่นด้วยแนวคิด Anti-Waste และวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น Mushroom Skewers (240 บาท/2 ไม้) ที่ใช้เห็ด Lion’s Mane จาก Earthling จับคู่กับมะนาวหมักและน้ำสลัดหอมแดง หรือ Crispy Duck Carbonara (330 บาท) ที่เปลี่ยนชีสแบบดั้งเดิมเป็นทางเลือกที่ผลิตในอำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ส่วนของหวานแนะนำ Burrata and Charred Eggplant Salad (280 บาท) ที่เสริมรสด้วยเพสโต้จากผักชีฝรั่ง

 

 

เวลาเรานึกถึงไวน์บาร์ ส่วนมากเราไม่ได้คาดหวังเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ (เพราะส่วนมากไวน์บาร์ในบ้านเราก็จะเน้นเสิร์ฟเพียงแค่เมนูจำพวกโคลคัทเบาๆ ไม่เน้นเสิร์ฟจริงจังขนาดนั้น ยกเว้นบางร้านที่วางตัวเป็นร้านอาหารด้วย) นานๆ ที่เราจะเจอร้านที่จริงจังทั้งเรื่องไวน์และอาหารจบครบในที่เดียว นั่นก็คือเจ้าไวน์บาร์ในซ.ทองหล่อ 13 อย่าง Must Wine Bar นั่นเอง 

 

Soimilk Says: เชื่อเหลือเกินว่าถ้าใครไปไฟน์ไดน์นิ่งบ่อยๆ หรือชอบสั่งไวน์เป็นประจำอยู่แล้ว ชื่อของพี่เบญ – เบ็ญจวรรณ วิสุทธิ์สัตย์ น่าจะไม่ใช่คนอื่นคนไกลแน่นอน เพราะแกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผู้จัดจำหน่ายและนำเข้าไวน์ยุคบุกเบิกอย่าง Fin Wines ที่ร่วมทำกับคุณลิลลี่ ลูกสาวของพี่เบญ สิ่งที่เราชอบคือทุกเมนูของทางร้าน ก็คือวางไวน์ไว้เป็นตัวนำก่อน ส่วนสูตรอาหารก็เป็นสูตรที่พี่เบญชอบทำให้คนที่บ้านกินเป็นประจำ อย่างตัว Sai Oua Scotch Egg ก็หยิบเอาเมนูง่ายๆ มาเติมความแซ่บตามแบบฉบับไส้อั่ว หรือตัว Southern Crab Croquette ก็หยิบเอาแกงคั่วใบชะพลูมาจับยัดใส่โครเก้ทอดกรอบ 

 

ซ.ทองหล่อ 13 เวลาทำการ ทุกวัน 11:00 - เที่ยงคืน 

 

ร้านเม็กซิกันน้องใหม่ของบ้านตรอกถั่วงอก ที่หยิบเอาเมนูของดีจากเมืองวาฮากา (Oaxaca) มาเสิร์ฟในเยาวราช 

 

Soimilk Says: เราชอบตัว Al Pastor คอหมูหมักย่างเตาถ่าน เสิร์ฟเคียงมาด้วยซัลซ่าสัปปะรด แต่ที่ประทับใจก็คือตัวแป้งตอตีญ่าของทาง Delia เขาเลือกใช้เป็นแป้งชนิดแบบ Gluten Free สัมผัสที่ได้เลยอาจจะสากกว่าแป้งตอตีญ่าทั่วๆ ไปสักหน่อย แต่ก็เพิ่มเท็กเจอร์ให้มากินคู่กับตัวคอหมูได้ดีขึ้น

 

 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผสมผสานศาสตร์การทำอาหารฝรั่งเศสเจ้าดังจากกรุงเกียวโต ที่สามารถคว้า 1 ดาวมิชลินมาได้นานหลายปี มาเปิดสาขาแรกในไทย ที่ Patom Organic ตรงซ.ทองหล่อ 49 ไม่นานมานี้ 

 

Soimilk Says: ที่นี่จะเสิร์ฟเป็น Tasting Menu (5,200 บาท) โดยดึงคอนเซปต์วัตถุดิบตามฤดูกาลและช่วงเวลานั้นๆ อย่างล่าสุดหนึ่งในเมนูไฮไลท์ เชฟโมโทกิ มาเอดะ และเชฟคาซึมะ มิซาโนะ เลือกใช้เนื้อจากจังหวัดโทชิกิ ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่เป็นเนื้อลูกผสมระหว่างวากิวญี่ปุ่นและวัวนมโฮนสไตน์ (Holstein) ทำให้ดึงรสไขมันของเนื้อออกมาได้เต็มที่ 

 

 

หลังจากเปิดสาขาแรกในไทยตรง The Emsphere เมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ได้ฤกษ์เปิดสาขาแฟล็กชิพกันสักทีกับ Breadstreet Kitchen & Bar Flagship ร้านอาหารของเชฟ Gordon Ramsey ที่มาเปิดเอาใจคนฝั่งธนบุรีตรง IconSiam นี่เอง

Soimilk Says: สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป Breadstreet Kitchen & Bar สาขาแรกมาก่อน ที่นี่เขาจะไม่ได้เสิร์ฟอาหารเข้าใจยากอะไรขนาดนั้น แต่เป็นเมนูเรียบง่ายที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพ แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเซ็นของเชฟกอร์ดอนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเมนูขึ้นชื่ออย่าง Beef Wellington หรือ Date Toffee Pudding เป็นต้น 

 

 

ใครที่อยู่ในวงการฟู๊ดดี้ น่าจะรู้จักร้าน Somtum Der ร้านส้มตำที่ถึงกับคว้ามิชลินสตาร์มาแล้วที่สาขานิวยอร์กเมื่อปี 2015 แถมยังมีสาขานอกประเทศโกอินเตอร์ไปหลายๆ ที่อีก ล่าสุด ทางทีมส้มตำเด้อ เขามาเปิดหน้าร้านใหม่ตรงท่าเตียน ให้เราได้กินส้มตำพร้อมรับชมวิวสุดจึ้งไปพร้อมๆ กัน

.

Soimilk Says: เมนูห้ามพลาดคงหนีไม่พ้นส้มตำต่างๆ แต่รสชาติจะไม่ติดหวานเหมือนร้านทั่วไป อีกเมนูที่เราอยากแนะนำคือ ลิ้นวัวอีสานวากิวย่าง (240 บาท) ที่นุ่มละมุนลิ้นที่ใครลองก็ต้องกลับไปซ้ำ ทานส้มตำเสร็จแล้วก็สั่งเฉาก๊วยกรานิต้า มาล้างปากตบท้าย 

.
107 ซ. ท่าสุพรรณ เวลาทำการ ทุกวัน 11:00 - 23:00 

 

Stage (อ่านออกเสียงว่า สะ-ตาช) มีที่มาจากคำในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าการฝึกงาน ซึ่งก็สืบเรื่องสืบราวไปได้ถึงเฮดเชฟเจ้าของร้านผู้ริเริ่มโปรเจกต์นี้อย่าง เชฟเจย์-สายนิสา แสงสิงแก้ว คนไทยหนึ่งเดียวที่ได้ไปฝึกงานโดยตรงที่ L'Aterlier de Joel Robuchon สาขาหลักที่ปารีส จวบจนกลับมาสร้างปรากฏการณ์ร่วมกับแก๊งเชฟที่เหลือเพื่อเป็นทีมเปิดของ Robuchon สาขากรุงเทพฯ นั่นเอง โดยหลังจากปิดตัวไปชั่วคราว เชฟเจย์ก็ได้ย้ายสำมะโนครัวจากบ้านเก่าเอกมัย มาจอยทีมสาทรเรียบร้อยแล้ว

.

Soimilk Says: เช่นเดียวกับร้านสาขาแรก ทางร้านยังให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากทั่วโลก ที่ถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถันตามแต่ละฤดูกาลมาเพื่อใช้เป็นโจทย์หลักในการรังสรรค์อาหารของที่นี่ คอร์สล่าสุด (9 คอร์ส / 4,800 บาท) ไล่เรียงมาตั้งแต่ปลาไหลสไตล์ฝรั่งเศส ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอร์เบตบลัดออเรนจ์ จนไปถึงตัว Duck & Foie Gras Pithivier เมนูแป้งพัฟสอดไส้เป็ดทานคู่กับตับห่าน 

 

 

หลังจากสร้างชื่อกับร้าน Missing Burro ในทองหล่อมานาน สองพี่น้อง Itzco และ Tlahui Calva กลับมาอีกครั้งกับร้านใหม่ Dos Burros ทองหล่อ เสิร์ฟอาหารเช้าสไตล์เม็กซิกันกันตั้งแต่เช้าตรู่ หรือจะอยู่ต่อจนหมดวันเลยก็ยังได้

 

Soimilk Says: อาหารเช้าของที่นี่ครบเครื่อง ตั้งแต่ Huevos Rancheros ไข่ดาวสองฟองราดซอส Tatemada ไปจนถึง Huevos a la Malagena ที่จับคู่ไข่ดาวน้ำกับกุ้ง ถั่วลันเตา และแผ่นตอร์ติญา สำหรับสายมื้อหนักแนะนำ Enchipotladas ไก่เอนชิลาดาราดซอสหวานนุ่มพร้อมไข่ดาว หรือ Mixmole Gordita ขนมปังข้าวโพดที่กรอบถึงใจ ปิดท้ายด้วยเมนูหลักอย่าง Chintextle’s Octopus Tacos ทาโก้ปลาหมึกย่าง หรือ Beef Cheeks on Meloso Rice ข้าวหน้ากระพุ้งแก้มเนื้อที่นุ่มละลายในปาก

 

 

หากใครกำลังมองหาร้านเกาหลีไว้แฮงค์เอาท์กับเพื่อน แต่ก็ไม่อยากกินอาหารเกาหลีแบบซ้ำเดิม เราแนะนำว่าให้รีบพุ่งตัวมาที่ Tokki ร้านอาหารเกาหลีสไตล์ฟิวชั่นบนห้าง Donki Mall ทองหล่อ เพราะนอกจากตัวสารพัดเมนูที่ทางร้านจับมาผสมและตีความใหม่แบบสนุกๆ แล้ว ที่นี่เขายังโดดเด่นเรื่องมักกอลลี (Makgeoll) เหล้าขาวเกาหลีที่ทางร้านคราฟต์เองโดยเฉพาะ 

 

Soimilk Says: ในบรรดาเมนูที่เราเคยลองมา เราชอบตัว Corn Kimchi Jeon (300 บาท) แพนเค้กกิมจิขอบกรอบ ที่ด้านบนท็อปมาด้วยข้าวโพดหวานและมอสซาเรลล่าชีส ตัวนี้ทางร้านแนะนำให้สั่งมาทานคู่กับตัว Honey Coconut Makuli ช่วยดึงรสหวานออกมาให้สุด 

 

 

หากใครเคยไป Small Dinner Club ของเชฟศรีล โรจนเมธินทร์ น่าจะทราบกิตติศัพท์สไตล์การทำอาหารที่ถ้าในภาษาอังกฤษก็คงเรียกว่าสไตล์ Deconstruction คือรื้อสร้างถอดเปลือกตัวคอนเซ็ปต์อาหารจนเปลื้อง แล้วเอามาประกอบสร้างร่างใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิม แต่ถ้าใครอยากเห็นเชฟศรีลเสิร์ฟอาหารฉบับเข้าใจง่าย ประหนึ่งวัยรุ่นชิลล์ๆ นั่งกินตามร้านไวน์แบบไม่ต้องคิดเยอะ เราว่าร้าน Saam น่าจะเหมาะสุดๆ ตัวร้านเกิดจากความตั้งใจของเชฟศรีล และคุณนริสา โพธิกุลชนันท์ ที่ดึงเอาความชอบเรื่องอาหารและไวน์ของแต่ละคน ใส่เข้ามาภายในร้าน–ซึ่งชื่อ Saam (สาม) ก็มาจากการรีโนเวทร้านเป็นครั้งที่ 3 นั่นเอง

 

Soimilk Says: ด้วยความที่แบ็คกราวน์เชฟศรีล เคยทำและเปิดร้านอาหารในเมลเบิร์นมาก่อน กลิ่นอายของร้าน Saam มันจะชวนให้เราหลงคิดไปเองว่าไวบ์บรรยากาศโดยรวมของที่นี่ เหมือนซีนไวน์บิสโทรที่ออสเตรเลีย (กระทั่งแผ่นเมนูและจานแชร์ริ่ง เราเองก็เจออะไรทำนองนี้บ่อยตอนที่ไปซิดนี่ย์) ตัวเมนูอาหาร เชฟแบ่งเป็นเซคชั่นให้สั่งตามง่ายๆ ไล่เรียงมาตั้งแต่ จานเล็กเรียกน้ำย่อย จานกลาง และจานหลัก รวมไปถึงพวกสารพัดเส้น จานเคียงและของหวาน สิ่งที่ทำให้เราชอบ–และยังคงชอบ–ลายเซ็นในจานอาหารของเชฟศรีล คือมุมมองการดึงในสิ่งที่เราหลายคนไม่ทันคิดว่ามันเข้ากัน ให้เข้ากันได้ อย่าง SAAM hoy thod (360 บาท) ที่เชฟหยิบเมนูหอยนางรมยืนพื้นตามร้านอาหาร เอามาทวิสต์ให้กลายเป็นหอยทอด หรือตัว Son-in-law chicken wings stuffed with scallop mousse (330 บาท) ก็ใช้ปีกไก่ยัดไส้มูสหอยเชลล์ แต่หยิบเอาเอเลเมนท์ไข่ลูกเขยมาจับใส่เข้ามาในจาน แต่ตัวที่เราต้องยกให้จริงๆ คือ S.F.C. triple fried baby chicken, sriracha mayo, lemongrass nest (650 บาท) ที่เชฟศรีลใช้ไก่ทั้งตัว ลงไปทริปเปิ้ลฟรายด์ ชุปแป้งที่ปรุงรสมาแล้ว นำเข้าช่องฟรีซ แล้วนำเอามาทอดในอุณหภูมิต่ำจนแป้งที่เคลือบตัวไก่อยู่กรอบ แต่ก็ยังให้ความชุ่มฉ่ำอยู่ข้างใน 

 

 

 

ไม่ว่าคุณจะรู้จักเชฟบิ๊ก–อรรถสิทธิ์จากรายการ Top Chef Thailand อยากทำแต่ไม่อยากกิน อยากย่าง หรือบทบาทเชฟทำข้าวผัดใน Netflix Original Series Hunger ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเชฟบิ๊กกลายเป็นไอค่อนอาหารสำคัญของชาวฟู๊ดดี้ไปแล้ว หลังจากเปิดร้านอาหารสองร้านแรกมาหลายปี เชฟบิ๊กก็ได้รีโนเวทโรงพิมพ์ธุรกิจเก่าของครอบครัวกว่า 41 ปี ให้กลายเป็น Restaurant Patt เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย แต่ก็สอดแทรกเข้ามาด้วยกลิ่นอายความเป็นจีน 

 

Soimilk Says: ตอนนี้เชฟบิ๊กมีเมนูเสิร์ฟให้เลือก 2 แบบคือ 6 Courses (3,468 บาท) และ 8 Courses (4,468 บาท) ในบรรดาเมนูที่เสิร์ฟ เราชอบตัว Hotate Chawanmushi ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Royale เมนูคลาสสิกฝรั่งเศสที่ใช้น้ำสต็อกและการตุ๋นไข่มาปรับใช้กับหอยโฮตาเตะ หอยหวาน หอยลาย หมึกย่าง ตัวกระเพราะปลาก็นุ่มลิ้นสุดๆ อีกหนึ่งอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเซ็ทขนมหวานปิดท้าย ที่เสิร์ฟมาเป็นประติมากรรมกระดาษขนาดหย่อม บอกเล่าเรื่องราวครอบครัว และแรงซัพพอตใต้ปีกที่พาเชฟบิ๊กมาถึงวันนี้ 

 

 

 

ในกรุงเทพฯ เราอาจมี ร้านเปิดใหม่ มากรางวัลจากหลากหลายเวที แต่จะมีสักกี่ร้านที่เราจะได้กินฝีมือเชฟที่ได้รางวัลแกรมมี่กันนะ? นี่ก็คือ Nothing Sacred ร้านอาหารแนวทดลองของ Alex Jarvis อดีตนักดนตรีดีกรีรางวัลแกรมมี่ และคุณแฟน Nicole Scott ที่ทั้งนำเสนอและทลายกรอบอาหารแบบเดิมๆ พร้อมเปิดเพลงคลอเข้าจังหวะ

 

Soimilk Says: ตอนนี้ทางร้านเสิร์ฟเป็น Tasting Menu (3,500 บาท/10 คอร์ส) ที่เน้นหนักไปทางของหมักดอง และยังล้อไปกับเพลง หนัง และโฆษณาที่เชฟอเล็กซ์เคยดูมาสมัยเด็กๆ อย่างคอร์สแรกเราลองเป็นเจลลี่กล้วย ท็อปด้วยไข่หอยเม่นคุณภาพดีจาก Santa Babara บัควีท และข้าวคั่ว หรือเมนูซี่โครงบาร์บีคิว dry-age 48 ชั่วโมง ที่เชฟอินสปายมาจากสมัยยังอยู่แนชวิลล์ ด้านบนท็อปมาด้วยชูโทโร่อีกต่อนึง

 

 

 

ร้านสารพัดเส้นอีสานเครือ Zao ที่เล่าเรื่องวัฒนธรรมอีสานแบบชิคๆ ผ่านเมนูเส้นอย่าง Zaozen เขามาเปิดสาขาใหม่ตรงชั้นใต้ดิน Siam Paragon แล้ว เห็นว่านอกจากสาขาสยามพารากอน ยังจะมีสาขางามวงศ์วานงอกขึ้นมาอีกหน่อด้วย 

 

 

แบรนด์พิซซ่าของ Gordon Ramsay เชฟมาดโหดชาวอังกฤษ ที่เสิร์ฟ bottomless พิซซ่า ให้คนกินกันจนจุใจ (ซึ่งก็น่าเสียดายอยู่ที่พอมาเปิดในไทยสาขาแรกตรง The Emsphere กลายเป็นว่าเสิร์ฟเป็น a la carte เฉย) 

 

Soimilk Says: เราว่าถ้าไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นร้านดัง รสชาติหรือราคาก็ถือว่าน่าสนใจดี อย่างรอบที่เราได้ลอง ก็ลองเป็นตัว Tandoori Paneer (350 บาท) ที่เราว่าไม่ค่อยมีที่ไหนทำพิซซ่าหน้าอาหารอินเดีย ตัวนี้ใช้เป็นคอทเทจชีสพาเนียร์ มะเขือเทศ​ โรยด้วยเม็ดทับทิม ส่วนพิซซ่าหน้าอื่นๆ เราก็ว่าไม่ได้หวือหวาจนต้องมาลองเองขนาดนั้น

 

 

 

ร้านร่างแยกของโอมากาเสะราคาเด็กน้อย Kimi Sushi Bar เขาแตกไลน์มาทำร้าน Casual Dining กึ่งอิซากายะที่ชิดลมในชื่อ Kimi Nomu 

 

Soimilk Says: ถึงจะดูเรียบง่ายเข้าถึงง่ายกว่าเดิม ตัวอาหารเขาก็ยังไม่ทิ้งลายความเป็นโอมากาเสะ ที่ต้องเน้นหนักเรื่องคุณภาพวัตถุดิบก่อนอยู่ดี เริ่มจาก Tsukune with Egg Yolk and Tare Sauce (220 บาท) ไก่บดเสียบไม้คู่กับซอสทาเระและไข่แดง หรือ Hyogo Iwashi Toast (520 บาท) โทสต์ปลาซาดีนจากจังหวัดเฮียวโกะ แทรกมาด้วยซอสวาซาบิซาวครีม 

 

 

 

ในที่สุดร้านบรันช์ไวบ์ดีของเชฟ Chalee Kader และคุณปลา i-berry ก็ได้ขยับขยายสาขาจากสาทร ให้ชาวพร้อมพงษ์ได้ตื่นมากินมื้อเช้ามื้อสายที่ดีต่อใจกันสักที 

 

Soimilk Says: นอกจากเมนูบรันช์และเบค่อนไข่ข้นซิกเนเจอร์สุด photogenic แล้ว เราแอบไปส่องมาก็พบว่า ที่ Fran’s เขาทำเบเกิ้ลขายแล้วด้วย อบใหม่ต่อวัน เรียกว่าเหมาะกับคนทำงานย่านนี้สุดๆ 

 

หลังจากห่างหายไปนาน และกลายเป็นโรงเรียนสอนอาหารไทยไปสักพัก เชฟโบ–ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ ก็กลับมาเปิดให้เราได้ไปเยือนกันอีกครั้งเมื่อกลางปีที่ผ่านมา  

 

Soimilk Says: ท่ามกลางร้านอาหารไทย เชฟเทเบิ้ลมากมายที่เปิดมาหลังโควิด เราอาจมีตัวเลือกอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งให้เลือกมากกว่าก่อนเยอะ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังอยากให้ทุกคนได้ลองกลับไปหวนคืนลองรสชาติ OG วงการอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งยุคบุกเบิกดูสักครั้ง ตอนนี้ทางร้านเปิดให้บริการเป็นช่วงมื้อค่ำวันพฤหัส ถึง อาทิตย์ในคอนเซปต์ โบลานระเริงรส (4,800 บาท/คน) โดยจะเสิร์ฟเป็นเมนูสำรับแชร์ริ่งเหมือนเดิม 

 

 

 

ใครที่มองหาประสบการณ์การกินดื่มที่ต่างออกไป ต้องลอง A Whale บิสโทรสไตล์ยุโรปผสานความเป็นเอเชีย นำโดยเชฟ Nikolaj Lenz และ Mel Rujimora ผู้เชี่ยวชาญด้านการอบขนมและเทคนิคการหมักอาหาร พื้นที่ร้านโดดเด่นด้วยผนังโค้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในท้องวาฬ ผสมผสานโทนสีน้ำเงินเข้มกับพื้นหินอ่อนอย่างลงตัว ไฮไลท์คือครัวกึ่งเปิดที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบหมักเองและไวน์ รวมถึงพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถปรับเป็นเวิร์กช็อปในอนาคต

 

Soimilk Says: เมนูที่ต้องลองเริ่มด้วย Nice Tuna Salad ใช้ปลาทูน่ากระป๋องพรีเมียมจาก Ortiz ให้รสชาติละมุนลิ้น หรือ Chiang Mai Tomato Salad ที่นำมะเขือเทศหลากชนิดมารวมกับชีส Stracciatella และเพสโต้สูตรพิเศษ ส่วนจานหลักอย่าง Dry Aged Duck Breast เนื้อเป็ดดรายเอจจากคลองไผ่ เสิร์ฟพร้อมบีทรูทชัทนีย์และซอสมัลเบอร์รี สำหรับสายพาสต้า ต้องลอง Linguine Braised Wagyu Beef Cheek ที่เติมลูกเล่นแบบนอร์ดิกด้วยบีทรูทดองฝานบาง ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Mag-Num Ice Cream ที่มาในรูปแบบไอศกรีมแท่งเคลือบช็อกโกแลตสามชั้น

 

 

ร้านอาหารใหม่ในซอยสมคิดที่เติมความสนุกและหรูหราให้กับย่านนี้ ผลงานจากเชฟมากเสน่ห์ผู้ครองมิชลิน Olivier Limousin และเชฟ Sebastien Lalanne ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์อาหารสุดพิเศษที่ผสานรสชาติละตินอเมริกาเข้ากับเทคนิคฝรั่งเศส

 

Soimilk Says: เมนูเด่นของที่นี่เริ่มจาก Leche de Tigre Ceviche ที่สดชื่นลงตัว, Black Miso Cod รสชาติเข้มข้น และ Lamb Cutlets เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ แต่ถ้าอยากเริ่มต้นมื้อค่ำแบบจัดเต็ม ขอแนะนำ Caviar และ Vodka Shot ที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ไฮไลท์อีกอย่างคือ Tapas Tree เสิร์ฟทาปาสในต้นไม้จริงๆ ที่ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ

 

 

 

ร้านอาหารใหม่ล่าสุดในโรงแรม Millennium Hilton Bangkok พร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและคอนเซปต์ “Bound by Nature” ที่เน้นความยั่งยืนและวัตถุดิบตามฤดูกาล นำเสนอจานเด็ดจากเมนูปิ้งย่างทั้งไทยและนานาชาติ

 

Soimilk Says: ครัวของที่นี่ดูแลโดยเชฟ Oliver Afonso ชาวเวเนซุเอลา ผู้เน้นวัตถุดิบพรีเมียมจากแหล่งท้องถิ่นทั่วไทย ตั้งแต่เนื้อย่างคุณภาพเยี่ยมไปจนถึงซีฟู้ดสดใหม่ ถือเป็นสวรรค์ของสายปิ้งย่างในแบบ farm-to-fork ที่แท้จริง บรรยากาศในร้านมีความคึกคักด้วยครัวแบบเปิด ผสมผสานการตกแต่งแนวเรโทรชิคที่เข้ากันได้ดีกับวิวริมแม่น้ำ

 

 

 

คออาหารสาย Fine Dining ต้องห้ามพลาด Cannubi by Umberto Bombana ร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่เพิ่งเปิดตัวในโรงแรม Dusit Thani Bangkok โดยเชฟระดับตำนาน Umberto Bombana หรือที่รู้จักกันในนาม “King of White Truffles” นำเสนอประสบการณ์การกินดื่มที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันและรสชาติที่ไม่ธรรมดา

 

Soimilk Says: ไฮไลท์จานเด็ดของที่นี่ ได้แก่ Langoustine Tartare เสิร์ฟพร้อมคาเวียร์ Oscietra, หอยเม่นฮอกไกโด, พอนซึ และน้ำมันมะกอก รวมถึง White Truffle Taglioni เมนูที่แสดงถึงความเป็น Bombana อย่างแท้จริง บรรยากาศในร้านสวยงามลงตัว แขกสามารถเริ่มต้นที่ไวน์บาร์สุดอบอุ่นก่อนเข้าสู่ห้องอาหารที่มองเห็นน้ำตก 9 ชั้นของ Dusit Thani Bangkok ที่สวยงาม

 

Sartoria by Paulo Airaudo เป็นร้านอาหารล่าสุดจาก EA Rooftop ที่มาส่งท้ายปี 2024 พร้อมความอลังการบนชั้น 56 ของ The Empire โดยเชฟ Paulo Airaudo ผู้ครองดาวมิชลิน 6 ดวงจากร้านอาหาร 14 แห่งทั่วโลก ครั้งนี้เขานำเสนออาหารอิตาเลียนสไตล์ฟลอเรนซ์ที่ผสมผสานวัตถุดิบไทยและญี่ปุ่นเพื่อยกระดับรสชาติ บรรยากาศภายในหรูหราสุดขีด ด้วยพื้นที่ 375 ตารางเมตรที่ตกแต่งด้วยสีทองและสัมผัสจากทัสคานี เราแนะนำให้นั่งโต๊ะตรงหน้าโอเพ่นคิทเช่น เพื่อชมฝีมือของเชฟแบบใกล้ชิด

 

Soimilk Says: เมนูเปิดตัวที่ได้ลองคือ Duck Cappelletti ที่ให้รสสัมผัสนุ่มละมุนจากเนื้อเป็ด และ Parsley Risotto ที่เพิ่มความซับซ้อนด้วยกุ้งคาราบิเนโร ในฝั่งของจานปลาก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น Alfonsino in Champagne Sauce ปลากะพงในซอสแชมเปญ และปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Galangal Granita และ Apple Gelato ที่เพิ่มลูกเล่นด้วยบัลซามิกซิกเนเจอร์ของเชฟ ส่วนเครื่องดื่มมีครบ ทั้งไวน์จับคู่กับเมนูและค็อกเทลคลาสสิก เช่น Negroni และ Aperol Spritz

 

 

ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีทองอีกปีของ Erawan Bangkok เพราะมีร้านมาเปิดใหม่เยอะเหมือนกัน หนึ่งในนั้นก็คือ Chisana Nami ห้องอาหารเทปปันยากิไวบ์สุดสนุก ที่ตอบโจทย์ให้เรามาฉลองกันได้ครบทุกโอกาส

 

Soimilk Says: อาหารญี่ปุ่นที่นี่เน้นวัตถุดิบพรีเมียม เริ่มด้วย Yellowtail with Yuzu Dressing สดชื่นกำลังดี ตามด้วย Prawn Tempura ที่กรอบสะใจแบบสุดๆ และ A3 Oguma Beef Striploin เนื้อคุณภาพเยี่ยมที่เต็มไปด้วยรสชาติในทุกคำ ปิดท้ายมื้อพิเศษด้วย White Miso Ice Cream ของหวานที่ทั้งแปลกใหม่และอร่อยจนต้องสั่งเบิ้ล

 

ถ้าคุณเป็นแฟน Ore ของ Dimitrios Moudios ต้องไม่พลาดร้านใหม่ล่าสุดของเขา Mitsos ที่มาพร้อมบรรยากาศผ่อนคลายขึ้น แต่ยังคงคุณภาพอาหารเมดิเตอร์เรเนียนระดับพรีเมียม ที่นี่เสิร์ฟจานใหญ่ เหมาะสำหรับแชร์กับเพื่อนในวงสนทนา

 

Soimilk Says: เริ่มต้นมื้อด้วย Parker House Rolls ขนมปังเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมเนยสาหร่ายและไธม์ที่อยากเก็บไว้กินคู่ทุกจาน หรือ Bone Marrow Waffle วาฟเฟิลเนื้อแน่นมาพร้อมไข่ปลาก้อนเล็กในกระป๋องแบรนด์ Mitsos สุดน่ารัก ไฮไลต์ของเมนูเรียกน้ำย่อยคือ Caesar Salad กับปูนิ่มทอดกรอบ ที่ให้มาแบบจุกๆ ส่วนเมนูจานหลักแนะนำ Squid Ink Fried Rice ข้าวผัดหมึกดำที่เติมรสพิเศษด้วยซอสโรเมสโกและปลาหมึก หรือจะเป็น ‘Nduja Vodka Rigatoni พาสต้าครีมมี่รสเข้มที่กินแล้วหยุดไม่ได้

 

726 ซ.สวนพลู 1 เวลาทำการพุธ-อาทิตย์ 17.00-22.00 น.

 

 

ถ้าคุณอยู่ในโหมดอยากกินสตรีทฟู้ดรสมือแบบลาวแท้ๆ Chulaos Churos คือตัวเลือกที่ต้องมา ร้านนี้กำลังเป็นที่พูดถึงหนักมากในโซเชียล มีดีตั้งแต่รสชาติจริงใจ วัตถุดิบคุณภาพ ไปจนถึงราคาที่จับต้องได้ เชฟแดง ผู้เคยเป็นหัวหน้าเชฟของ Lao Dtom Lao ได้ยกระดับอาหารลาวในแบบครบถ้วน

 

Soimilk Says: เมนูที่พลาดไม่ได้คือ Picanha Beef (180 บาท) เนื้อย่างถ่านที่ให้รสชาติเข้มข้น เนื้อฉ่ำกำลังดี กินคู่ไชเท้าดองหรือน้ำจิ้มแจ่วที่ลงตัวสุดๆ อีกจานคือ Ox Tongue (180 บาท) ลิ้นวัวซูวีนุ่มละลาย เสริมรสด้วยน้ำจิ้มขมหรือแจ่วสูตรพิเศษก็เข้ากันสุดๆ สายส้มตำต้องลอง Tum Chulaos (65 บาท) ที่ใช้มะละกอฝานบางๆ เคล้ากับปลาร้าหอมๆ หรือถ้าอยากได้รสเปรี้ยวหวานแปลกใหม่ แนะนำ Strawberry Salad (150 บาท) ที่มาพร้อมกุ้งสดเด้งและเพิ่มมังคุดตามฤดูกาล รับรองติดใจ

 

 

จุดหมายใหม่สำหรับสายอาหารอีสานในย่านแจ้งวัฒนะ ที่นี่เสิร์ฟเมนูสุดคลาสสิกตั้งแต่ส้มตำ ลาบ ไปจนถึงแจ่วฮ้อนในบรรยากาศสมัยใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นอีสาน

 

Soimilk Says: เมนูซิกเนเจอร์ที่ต้องลองคือ Larb Laren (220 บาท) ลาบหมูสับเนื้อนุ่มใส่ตับ ปรุงรสด้วยปลาร้า และโรยหน้าด้วยเบคอนชิ้นหนา ส่วนใครที่มากันเป็นกลุ่ม แนะนำ Chaew Hon แจ่วฮ้อนหม้อไฟที่มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก พร้อมน้ำแจ่ว 4 แบบ ได้แก่ แจ่วเปรี้ยว แจ่วขม แจ่วปลาร้าสุดจัดจ้าน และแจ่วมิโสะ บอกเลยว่าน้ำซุปหอมฟุ้งตั้งแต่เสิร์ฟ

 

35 คลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เวลาทำการ ทุกวัน 11.00-24.00 น

 

ร้านบรันช์กึ่งไวน์บาร์เปิดใหม่ในโซน 72 Courtyard ที่กำลังจะกลับมาคึกคักมากขึ้นหลังจากได้รับการแปลงโฉมปัดฝุ่นใหม่ ตัวร้านดึงคอนเซปต์ป่าดงดิบ (feral) เปลี่ยนโซนชั้นสองของ 72 Courtyard ให้กลายเป็น Urban Jungle แบบกลายๆ โซนด้านในก็เป็นคลังแผ่นเสียงไวนิล ที่ทางร้านกำลังค่อยๆ ทยอยเติมคลังลิสต์ให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

Soimilk Says: เราชอบที่ Feral มีทั้งเมนูสไตล์ทาปาสจานเล็กให้สั่งมากินแบบชิลล์ๆ เราชอบตัว Buttermilk Waffle Sandwich (220 บาท) วาฟเฟิลแซนด์วิชไส้ไข่เยิ้มๆ ราดซอสเมเปิ้ลซีรัปฉ่ำๆ โซนของหวาน เราชอบตัว Yogurt Parfait ที่เราว่าแปลกดี เพราะเขาใช้แยมซูกีนี ผสมกับกราโนล่ามัทฉะ ชวนให้งงอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นของคาวดี หรือของหวานดีนะ ตกกลางคืน ใครจะนั่งรับลมต่อ ก็ลองขอลิสต์ไวน์ที่นี่เขามาดูก็ได้

 

 

ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นอีกต่อไป เพราะร้านทงคัตสึระดับตำนานที่ใครๆ ก็ต่างยกกันให้เป็น Senmonten (ร้านที่เชี่ยวชาญด้านทงคัตสึโดยเฉพาะ) อย่าง Tonkatsu Aoki ได้มาเปิดที่โซน Nippon Avenue ชั้น 3 ของ Central World แล้ว

 

Soimilk Says: ความพิเศษของทางร้านคือใช้เนื้อหมู SPF (Specific Pathogen Free ไม่ใช่สารกันแดดแต่อย่างใด) กล่าวคือเป็นหมูที่อยู่ในการดูแลปลอดเชื้อ สะอาด และได้รับรองมาตรฐานนานาชาติ และยังมีหลายส่วนให้เลือกใช้ ถึงแม้ตอนนี้คนยังล้นทะลักแตกแตกอยู่หน้าร้าน เราแอบขอแนะนำว่าให้ลองเข้าไปเช็คจองคิวใน Table Check (รอบเร็วสุดตอนนี้คือกุมภาพันธุ์) จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวรอ 

 

 

 

ทีม Quince ร้านอาหารยุโรปสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน หลังจากปิดตัวไปไม่นาน ก็ได้กลับมาด้วยแบรนด์อาหารอิตาเลียนใหม่อย่าง Tabula Rasa ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านอาหารชื่อเดียวกันใน Zurich ประเทศสวิซเซอร์แลนด์ บ้านเกินดเชฟ Ivan Nardozza 

 

 

 

ร้านราเมนคนไทยเปิดใหม่ในเอกมัย ที่อยากส่งต่อไอเดียเมนูไทยๆ ผ่านชามเส้นราเมน 

 

Soimilk Says: หลายเมนูของ Yume Ramen ล้วนแล้วแต่ดึงคอนเซปต์มาจากอาหารไทย (นึกภาพพวกแกงเขียวหวาน ซุปเห็ด ก๋วยเตี๊ยวเรือ) แต่นำเสนอออกมาด้วยเส้นและสต็อกน้ำซุปคุณภาพ อย่างตัว A4 Wagyu Ramen (498 บาท) ถึงจะชูว่าเป็นราเมนซุปโชยุ ก็คือก๋วยเตี๊ยวเรือซ่อนรูปดีๆ นี่เอง 

 

ร้านพิซซ่าสไตล์โตเกียว-นาโปลีเจ้าดังจากญี่ปุ่น เขามาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ Town Hall ซ.สุขุมวิท 49 แล้ว ที่นี่เขาโดดเด่นเรื่องการผสมผสานพิซซ่าสไตล์นาโปลีดั้งเดิมเข้ากับเอเลเมนต์รสชาติที่ชาวญี่ปุ่นโปรดปราน รวมถึงสารพัดซอสที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

 

Soimilk Says: สำหรับสาขาแรกในกรุงเทพฯ​ ทางร้านได้หัวหน้าเชฟชาวญี่ปุ่นและพิซซาโยโล (หรือก็คือคนทำพิซซ่าที่มีประสบการณ์กว่า 5 ปีจากสาขายานแม่) มาช่วยดูแลวางฐานให้กับสาขาน้องใหม่แกะกล่อง ตัวเมนูซิกเนเจอร์ก็จะมี Tamaki และ Special Bianca เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ถอดแบบมาจากสาขาหลักแบบเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว 

 

 

 

ร้านสเต็กเนื้ออบเจ้าดังจากสหรัฐอเมริกา มาเปิดสาขาแรกในไทยที่ Gaysorn Amarin เสิร์ฟเนื้ออบสูตรดั้งเดิมของทางร้าน ที่ไม่เคยเปลี่ยนตลอดระยะเวลา 86 ปีที่ทำมา ที่นี่เสิร์ฟเป็นเซ็ตเมนู 3 แบบ คือ Bangkok Experience (4,290 บาท), Lawry’s Experience (2,590 บาท) และ Owner’s Experience (5,990 บาท) ที่จะแตกต่างตามขนาดและพอร์ชั่นการเสิร์ฟ 

 

 

ชาวสาทรมีร้านไก่ทอดให้ตั้งก๊วนตี้ไปบุกกันอีกหนึ่งร้าน ที่ Sandy’s มีไก่ให้เลือกอยู่ 3 ส่วน 3 ไซซ์คือส่วนปีก ส่วนสะโพก และไก่ไม่มีกระดูก และสามารถเลือกซอสตามใจชอบได้ถึง 4 ซอสคือ Nashville ซอสเผ็ดซาบซ่าตามสไตล์ไก่แนชวิลล์ Lemon Pepper ที่ใช้เนยเลม่อนกับกระเทียมผสมกัน (ตัวนี้ทางร้านแนะนำมาก) ส่วนใครชอบหวานหน่อยก็สั่งเป็นซอส Caramel แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือรส Naked รสเพลนสูตรพิเศษของทางร้านที่หมักไก่กับเกลือ

 

Sathorn Conner ซ.พิพัฒน์ 46 เวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ 11:30 - 23:00 

 

 

ร้านซูชิสายพานชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่น่าจะมาช่วยเขย่าวงการซูชิสายพานให้สนุกขึ้น มาเปิดที่ Central World แล้ว ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 3 โซน Japan Avenue (ซึ่งเอาเข้าจริงตอนนี้แค่ขึ้นไปชั้น 3 เดินตามคนที่ต่อคิวกันไปเดี๋ยวก็เจอเอง) เช่นเดียวกับร้านซูชิสายพานเจ้าอื่นๆ ที่นี่สามารถสั่งผ่านแท็บเล็ต แต่ที่ฉีกกว่าหน่อยคือไวบ์ความสนุกในร้าน ที่คนกินบางทีก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน

 

 

 

ร้านอาหารเปิดใหม่ของทีม el Willy Kitchen อย่างเชฟ Pepe Vargas Huizar ที่ผันตัวมาเสิร์ฟทาปาสและอาหารเม็กซิกัน พร้อมค็อกเทลให้นั่งชิลล์กันยันดึก ตอนนี้ร้านยังอยู่ในช่วง Soft-opening เลยจะเปิดแค่สุดสัปดาห์เท่านั้น 

 

 

ห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์ร่วมสมัยเปิดใหม่ในโรงแรม Athenee Hotel Bangkok ที่นำเอาวัตถุดิบตามฤดูกาลสุดพริเมียม มาผนวกรวมกับวัตถุดิบโลคอลของเกษตกรไทย 

 

Soimilk Says: หนึ่งในเมนูห้ามพลาดคงเป็น โดนาเบะเนื้อตุ๋นแก้มวัวและฟัวกราส์ ที่ทางร้านใช้เนื้อส่วนแก้มวัว ตุ๋นในไวน์แดงกว่า 36 ชั่วโมงให้เนื้อนุ่มละมุน จากนั้นผสมซอสทั่วเหลืองและเครื่องเทศ วางเนื้อบนข้าวสวยพันธุ์โคชิฮิคาริเกรดหม้อดินญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

 

เมื่อสองสามปีก่อน หากใครจำร้าน Tsu Na Gu ร้านราเมนทงคตสึที่มาเปิดตรงเอกมัยระยะสั้นๆ ได้ ก่อนจะปิดตัวไปแบบเงียบๆ ตอนนี้เชฟแกกลับมาเปิดร้านราเมงใหม่สไตล์อิซากายะให้ชาวอ่อนนุชมีร้านราเมนคุณภาพดีให้ซู้ดเส้นเพิ่มกันอีกหนึ่งร้าน

 

Soimilk Says: ลองสั่งเป็น Komi Shoyu Ramen (280 บาท) ราเมงที่ใช้ซุปทำจากซอสถั่วเหลืองจากจังหวัดคิวชู ท็อปด้วยหมูชาชูจากจังหวัดฮอกไกโดที่ผ่านการ slow-cooked มานาน ปิดท้ายด้วยรากบัวและสาหร่าย

 

 

 

ใครที่เป็นแฟนตัวยงร้านเค้ก Summer Forest ตอนนี้เขามีเปิด Casual Dining ในย่านเจริญกรุง เสิร์ฟจานอาหารสไตล์เรียบง่ายในตึกเก่า 5 ชั้นในซ.เจริญกรุง 31 ด้วยล่ะ

 

 

 

ใครที่ชอบกินข้าวอบหม้อดินสไตล์เกาหลี เรามีข่าวดีมาบอก เพราะในที่สุดกรุงเทพฯ ก็มีร้านสเปเชียลตี้ข้าวอบหม้อดินอย่าง SOT Bangkok มาเปิดตรงซ. สุขุมวิท 33 ข้างๆ Emquartier นี่เอง

 

Soimilk Says: ชื่อร้านมาจากคำเรียกหม้อดินในเกาหลี แต่ละเมนูที่เสิร์ฟมาก็จะเป็นข้าวอบหม้อดินดั้งเดิมของคนที่นู่น เสิร์ฟเพราะสารพัดเครื่องเคียง Banchan แบบเบิ้มๆ อย่างตัวซิกเนเจอร์เขา Seabass Sotbap (450 บาท) ก็ใช้ปลากระพงย่างทั้งตัวโปะลงมาบนข้าวอบหม้อดินร้อนๆ วิธีทานก็คือคลุกเคล้าเนื้อปลากับข้าวให้เข้ากัน ลองกินแบบเปล่าๆ ก่อนหนึ่งรอบ แล้วหยิบสาหร่ายมาห่อกินก็ฟินไปอีกแบบ

 

 

 

ร้านบรันช์ของชาวแจ้งวัฒนะ เขามาเปิดสาขาแรกให้ชาวอารีย์ได้ตื่นเช้า มากินมื้อสาย หรือจะอยู่ต่อยันมื้อดึก ตัวร้านตั้งบ้านเก่าสองชั้นในซ. อารีย์ 4 ที่เราว่าเป็นไวบ์บรรยากาศอบอุ่นตามท้องเรื่องในร้านละแวกนั้น

 

Soimilk Says: สำหรับสาขาใหม่ตรงอารีย์ เขามีเมนูใหม่เพิ่มเข้ามาคือ Ari’s Plate (365 บาท) เมนูอาหารเช้าเสิร์ฟพร้อมเบค่อนชิ้นโต แฮชบราวน์ทอดกรอบ ออมเล็ต แซลม่อน ผักโขม และขนมปัง ถือว่าใครมีธุระแถวนี้ก็แว้บมากินอาหารเช้าเติมพลังก่อน ไปสู้รบฝ่าฟันกับชีวิตต่อได้

 

 

 

ร้านข้าวมันไก่ในเครือ i-berry ที่เปิดตัวสาขาแรกใน ตึก Park Silom ที่ผสมรวมข้าวมันไก่สไตล์ไทยๆ กับหูนหนานไว้ด้วยกัน