2 - 3 ปี ให้หลังมานี้ เชื่อว่าชาวกรุงเทพมหานครได้พบกับซีนธุรกิจชาเขียวที่เติบโตขึ้นมาจากเมื่อหลายปีก่อน จนหลายคนแซวว่ากรุงเทพฯ ตอนนี้อาจจะมีร้านชาเขียวสเปเชียลตี้เยอะพอ ๆ กับที่ญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ (ว่าซ่าน) ซึ่งนอกจากเราจะได้เห็นร้านชาเขียวสไตล์ traditional จ๋า ไปจนถึงร้านชาเขียวสไตล์โมเดิร์นแบบ contemporary สุด ๆ ในช่วงหลัง ๆ มานี้ ปี 2022 นี้ก็ถึงเวลาที่สายชาเขียวย่านเจริญกรุงจะได้ต้อนรับสเปซน้องใหม่อย่าง Koto Tea Space ที่ตั้งใจเปิดมาถ่ายทอดการชงชาเขียวญี่ปุ่นด้วยวิธีดั้งเดิมแบบเล็ก ๆ และเป็นกันเอง เอาใจนักจิบชาแถบย่านสีลม-เจริญกรุงกันแบบวาบิซาบิ

กลิ่นอายร้านชาเขียวแบบลัทธิเซน ที่เน้นความเรียบง่ายและถ่อมตัว ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการตกแต่งห้องแถวเล็ก ๆ ในย่านธุรกิจการค้าช่วงระหว่างสีลม-เจริญกรุงด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ตกแต่งห้องด้วยฉากกั้นไม้ไผ่ และชั้นวางของบนผนังที่ถูกเติมเต็มช่องว่างแบบห่าง ๆ ด้วยถ้วยชงชา ซึ่งเป็นของสะสมจากภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
เราชอบเคาน์เตอร์บาร์ยาวทำจากไม้สีน้ำตาลเข้ม ในเฉดที่เกือบจะเป็นสีดำ ให้ความรู้สึกสงบและเงียบขรึม แบ่งฝั่งหนึ่งของเคาน์เตอร์สำหรับใช้เป็นที่นั่งลูกค้าซึ่งสามารถรับแขกได้แค่รอบละ 5 - 6 คนเท่านั้น หันหน้าเข้าอีกฝั่งที่ใช้เป็นสเตชันชงชา ซึ่งเป็นการจัดที่นั่งคล้ายร้านอาหารโอมากาเสะ ทำให้ลูกค้าอย่างเราสามารถดูการชงชาอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง รวมถึงเจ้าของร้านเองก็สามารถได้ดูแลและพูดคุยกับลูกค้าอย่างทั่วถึงด้วย


นอกจากการตกแต่งร้านที่ดูมินิมอลขั้นสุดแล้ว เมนูก็มาในฉบับมินิมอลแบบไม่ต้องมีให้เลือกเยอะจนปวดหัว อย่างในวันนี้เราเลือกชิม Houjicha (250 บาท) ที่ใช้ชาโฮจิฉะจากจังหวัดชิกะ ซึ่งปลูกต้นชาด้วยเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเกี่ยวและส่งต่อมานานกว่า 400 ปี โดยชาวบ้านในหมู่บ้านมันโดโคโระ ซึ่งไม่เน้นการปลูกชาแบบอุตสาหกรรม จึงได้โฮจิฉะที่มีคาแรกเตอร์รสชาติแตกต่างจากที่อื่นเนื่องจากการกลายสภาพของดินและอากาศแต่ละปี โดยขั้นตอนการชงจะเป็นการนำพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า 'ซะโด' จากสำนัก Urasenke ผู้สืบทอดพิธีชงชาแบบโบราณของญี่ปุ่น มาทำให้สั้นกว่าเดิม และเข้าใจง่าย
ที่เราชอบมาก ๆ คือในเซตนี้เขาจะเสิร์ฟโฮจิฉะมาพร้อมขนมวาราบิโมจิทำเอง ซึ่งทำกันสด ๆ ไม่กี่ที่ต่อวัน ทำมาจากแป้งมันหวานจากจังหวัดคาโกชิม่า ให้เนื้อสัมผัสละมุน ลื่นคอ และตัดรสด้วยซอสคุโรมิซึรสหวานน้อย


นอกจากนั้นเรายังได้ลองชิม Ousu (350 บาท) มัทฉะสายพันธุ์ Uji Hikari ในแบบ single origin เมื่อชงอย่างประณีตจะให้รสชาติหวาน มีกลิ่นเขียวสด พอรวมกับการชงชาด้วยน้ำร้อนจากกาเหล็กที่ทำเป็นทรงภูเขาไฟฟูจิที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์แล้ว จะทำให้รสชาติของชาเขียวตัวนี้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น รวมถึงมีความ full body เข้มข้นกลมกล่อมขึ้นไปอีก ซึ่งเราสามารถเลือกถ้วยชาบนชั้นด้านหลังให้ทางร้านชงเสิร์ฟได้ด้วย
สำหรับมัทฉะในเซตนี้ ทางร้านจะเสิร์ฟคู่กับ Higashi ขนมโบราณของญี่ปุ่นที่มีรูปทรงและสีคล้ายก้อนน้ำตาลกรวด ซึ่งจริง ๆ แล้วจะให้เทกซเจอร์คล้ายวุ้นกรอบ เวลากินจะได้ความกรุบกรอบจากน้ำตาลที่เคลือบอยู่ด้านนอก และความนุ่มจากวุ้นที่อยู่ด้านใน เป็นการตัดรสเลี่ยนของชาเขียวได้เป็นอย่างดี

Soimilk Says: ใครที่ชอบฟีลลิ่งแบบสโลว์ไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่น และคิดถึงวิถีการนั่งจิบชาตอนไปเที่ยวเกียวโต เราก็อยากชวนให้ทุกคนลองมาสัมผัสอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ร้านชาเปิดใหม่ร้านนี้ดู เชื่อว่าจุด ๆ นี้จะช่วยลดความคิดถึงประเทศญี่ปุ่นไปได้เยอะเลยแหละ นอกจากนั้นที่นี่ยังเปิดคอร์สไพรเวตสำหรับสอนชงชา ทั้งเกนไมฉะ เกียวคุโระ เซ็นฉะ มัทฉะ และโฮจิฉะ ให้สายชาเขียวตัวจริงได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กันด้วยนะ
Koto Tea Space ถ.สุรวงศ์ เวลาทำการ ทุกวัน 9:00 - 21:00 น. โทร. 089-927-1805 fb.com/kototeaspace