ถ้าคุณมาเที่ยวเชียงใหม่แบบรีบร้อน สวนอินชาลา (Inchala) แห่งนี้คงไม่ใช่จุดแวะพักที่เหมาะเหม็งกับไลฟ์สไตล์รวดเร็วฟาสต์แทร็กของคนเมืองสักเท่าไหร่ เพราะหลังเคาน์เตอร์บาร์กาแฟและร้านชาอินเดียแห่งนี้ไม่มีเครื่องเอสเพรสโซ่แมชชีนไว้ทำเครื่องดื่มสไตล์ express แบบที่คนเมืองคุ้นเคย แต่ที่นี่เลือกเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบสโลว์บาร์ ภายใต้การขีดเส้นใต้คำว่า 'สโลว์' ที่แปลว่าสโลว์จริง ๆ
Masala Chai Tea (60 บาท) แก้วแรกมาเสิร์ฟหลังจากที่เราเลือกถอดรองเท้าไว้หน้าประตู แล้วทิ้งตัวนอนรอบนเปลญวนหน้ากระท่อมไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ความไม่รีบร้อนของที่นี่เป็นไปตามชื่อร้านว่า Inchala ที่แปลว่า 'พระเจ้าทรงประสงค์' ซึ่งรันกิจการโดยคู่รักอย่างซามี่ย์ - ซามมี่ย์ หนุนอนันต์ และ มิว - ตรัชนันท์ พงษ์พานิช ผู้เชื่อในข้อดีของความเนิบช้า ที่เลือกทิ้งชีวิตในกรุงเทพฯ แล้วไปแสวงหาการประกอบสัมมาชีพที่เลี้ยงดูตัวเองได้ในแบบไม่ต้องแข่งขันกับเวลา ร้านนี้จึงเหมือนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เวลายังเดินไปตามความเร็วปกติของมัน เพียงแต่ไม่ได้มีความหมายอะไรในสวนไร้กาลเวลาแห่งนี้ เราเลยจะได้เห็นบรรดาลูกค้าที่มีคลื่นความถี่และจิตวิญญาณคล้าย ๆ กันมาใช้บริการ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กลายมาเป็นลูกค้าประจำ นักโยคะ นักศึกษาสาขาศิลปะและปรัชญา รวมถึงคนรักการจิบชาอินเดียที่ซ่อนตัวอยู่ตามที่นั่งใต้พุ่มไม้
เราค้นพบว่าในช่วงเวลาของการรอคอยนั้นก็มีข้อดีของมันจริง ๆ เป็นช่วงเวลาที่เราได้เงยหน้าขึ้นมองยอดใบไม้จากป่าไผ่ที่ห้อมล้อมกระท่อมหลังนี้ซึ่งกำลังปลิวตามลมเอื่อย ๆ ได้สูดเอาโอโซนจากทำเลพื้นที่สีเขียวใกล้เชิงดอยสุเทพเข้าปอดให้เต็มอิ่ม ได้อ่านหนังสือที่ยัดใส่กระเป๋ามาแบบรีบ ๆ ให้จบเสียที และได้ดื่มด่ำกับกลิ่นสมุนไพรที่ลอยมาจากแก้ว ก่อนจะจิบชามาซาล่าจัยร้อน ๆ เข้าปาก โดยพบว่านี่เป็นชามาซาล่าที่อร่อยกว่าปกติเพราะเต็มไปด้วยรสชาติแห่งการรอคอยและพลังงานบวกที่โอบล้อมสถานที่แห่งนี้อยู่นั่นเอง ซึ่งนอกจากชาเครื่องเทศอินเดียที่มีเหมือนเป็นซิกเนเจอร์แก้วโปรดของทุกคนที่นี่แล้ว ร้านนี้ยังมีกาแฟ Hot Americano (50 บาท) ที่ชงด้วยวิธี Moka Pot ให้เลือกสั่งด้วยเช่นกัน
นอกจากเปลญวนเชือกเส้นหนาที่ห้อยอยู่หน้าประตูร้าน รอคอยให้ใครสักคนมานอนเอนกายแบบไม่ต้องขออนุญาตแล้ว ใครมาที่นี่ก็ยังสามารถเลือกนั่งบริเวณไหนก็ได้ของสวนไผ่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตรงแคร่ไม้ไผ่ที่มีตั่งเตี้ย ๆ ให้ได้วางเครื่องดื่มพร้อมหมอนเอนนุ่ม ๆ หรือใครใคร่จะนั่งด้านในตัวกระท่อมที่เราจะได้เห็นทั้งซามี่ย์และมิวง่วนอยู่กับการหั่นขิง ทุบลูกกระวาน และต้มน้ำร้อนไว้ชงกาแฟแบบใกล้ชิดติดขอบ
ข้อดีอีกอย่างของการนั่งข้างในกระท่อม คือเราสามารถใช้เวลาช่วงรอเครื่องดื่มและอาหาร เลือกดูของใช้จิปาถะทำมือที่เหล่าเพื่อน ๆ ฝากวางขาย อาทิ ชาดอกบัวน้ำเงินอบแห้ง สร้อยคอหินลูกปัด เครื่องปรุงในครัวทำจากมะแขว่นและสมุนไพรท้องถิ่น รวมถึงของฝากจากโซนกัญชาเสรีที่ร้านนี้เขาสนับสนุน
แน่นอนว่ามื้ออาหารก็รอนานเช่นกัน แต่ถ้าใครไม่รีบไปไหน เราบอกเลยว่าอาหารวีแกนของที่นี่คุ้มค่ากับการรอทุกวินาที ซึ่งรอบนี้เราได้สั่งมาลองหลายเมนูจนพี่แม่ครัวน่าจะหัวหมุนอยู่พอประมาณ ทั้ง เปาะเปี๊ยะไส้วุ้นเส้นและเห็ดทอด (60 บาท) เต้าหู้ทอด (60 บาท) เห็ดนางฟ้าชุบแป้งทอด (120 บาท) และ สลัดเต้าหู้ (140 บาท) ซึ่งถ้าใครเป็นสายวีแกนอยู่แล้วคงฟินนาเล่สุด ๆ กับเหล่าเมนูกินเล่นแต่อิ่มท้องของที่นี่ โดยเฉพาะเห็ดนางฟ้าทอดกรอบที่ 'aka' คือ oyster mushroon เนื่องจากเท็กซเจอร์กรึบกรับมันสู้ฟันของน้องนั่นเอง
Soimilk Says: รวม ๆ แล้วที่นี่เหมือนเป็นสวนป่าศักดิ์สิทธิ์ที่อบอวลไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเนิบช้าและพลังงานบวกจากเจ้าของร้านและลูกค้าที่แชร์คลื่นความถี่เดียวกัน ตัวเจ้าของร้านเองก็ได้ใช้เวลาพัฒนาความคิดและเก็บเกี่ยวทักษะการใช้ชีวิตในแบบความเชื่อของตัวเองผ่านการเรียนรู้ร่วมกันกับลูกค้า เราชอบดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมากมายที่ทำให้ร้านนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ใครที่สนับสนุนในความเนิบช้าและจิตวิญญาณที่เป็นมิตรนี้ก็สามารถแวะเวียนไปมาหาสู่กันได้ ซึ่งนอกจากอาหารวีแกนและเครื่องดื่มที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่แล้ว ในทุก ๆ เดือนเขายังมีกิจกรรมทางจิตวิญญาณให้ได้มาร่วมจอยกัน ทั้งคลาสสมาธิบำบัดจนถึงดนตรีโฟล์กในสวน ใครไปเชียงใหม่ช่วงนี้เตรียมก็ปักหมุดกันไว้ได้เลยเด้อเจ้า!
Inchala Teahouse อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เวลาทำการ พุธ - อาทิตย์ 13:00 - 20:00 น. (ปิดจันทร์ - อังคาร) โทร. 098-945-2442 fb.com/inchala.teahouse
