Cafe Madeleine จิบชาพร้อมชิมขนมอบสไตล์สาวปารีเซียงบนโลเคชันริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สาวสายหวานมาต่อแถวช่องนี้กันได้! ส่วนใครที่เป็นเค้กและเบเกอรี่เลิฟเวอร์ก็ตามมาต่อแถวที่บทความได้อีกเช่นกัน เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปเยือนพิกัดใหม่ล่าสุดแบบที่เพิ่งเปิดทำการเต็มตัวไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ กับ Cafe Madeleine คาเฟ่ขนมแห่งใหม่ล่าสุดของโรงแรม Four Seasons Bangkok บนไพรม์โลเคชันริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ถือเป็นการเปิดตัวเครือโรงแรมแห่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้

 

 

 

และที่บอกว่าให้สาว ๆ สายหวานรวมตัวกันตรงนี้ ก็เพราะ Cafe Madeleine แห่งนี้ถูกออกแบบมาภายใต้การตกแต่งที่โอ่อ่าหรูหราตามสไตล์คาเฟ่แบบปารีเซียงแท้ ๆ มีการใช้หินอ่อนสีเข้มเพื่อเพิ่มความคลาสซี่ให้พื้นที่โซนติดแม่น้ำของโรงแรมดูอลังการยิ่งขึ้น เราชอบที่นั่งโซนเอาต์ดอร์ที่จัดเป็นโซฟากลางสวนสีเขียวตัวใหญ่ ไว้สำหรับให้สาว ๆ ได้นั่งเมาท์มอยกันกับแก๊งเพื่อนในช่วงบ่าย ๆ หรือใครจะมานั่งอ่านหนังสือชิลล์ ๆ พร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงสาย ๆ ก็เพลินดีเหมือนกัน

 

นอกจากนั้น Cafe Madeleine แห่งนี้ยังถูกเนรมิตขึ้นมาภายใต้การนำทีมของ เชฟแอนเดรีย โบนาฟฟินี่ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟด้านขนมอบ เพื่อต้อนรับเหล่านักชิมและเบเกอรีเลิฟเวอร์ด้วยการเปิดตัวเป็นปาตีเซอรี (Patisserie) อย่างเต็มรูปแบบ มีการใช้เทคนิคการทำขนมอบชั้นสูงแบบฝรั่งเศส มาผสมผสานกับการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นดีจากฝั่งยุโรปมาใช้ เพื่อให้เค้ก ขนมปัง แซนด์วิช ไปจนถึงเครื่องดื่มของที่ร้านนี้เลอค่ากว่าร้านไหน ๆ ในย่านนี้กันไปเลย!

 

 

 

ความน่ารักของพาร์ตขนมหวานที่นี่คือการออกแบบซิกเนเจอร์เค้กของที่ร้านให้มีถึง 3 ขนาด ซึ่งถือเป็นไฮไลต์เด็ดของ Cafe Madeleine เลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าเค้กทั้ง 3 ขนาด มีให้เลือกตั้งแต่ไซซ์เล็กจิ๋ว (Petit Mignon) ไซซ์ชิ้นปกติ (Mono Portion) และขนาดใหญ่แบบเค้กปอนด์ (Full Cake) ซึ่งจุด ๆ นี้ถือว่าเป็นความฟินสำหรับคนที่มาแล้วอย่างลองทุกอย่างแบบเรา ก็สามารถเลือกสั่งแบบชิ้น Petit Mignon กันได้รัว ๆ หรือใครชิมแล้วติดใจ ก็สามารถสั่งแบบเค้กปอนด์ไปเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนได้เหมือนกัน ส่วนถ้าจะกินคนเดียวแบบเอาอิ่ม เราก็แนะนำให้เลือกสั่งแบบไซซ์ Mono Portion โลด!

 

อย่างรอบนี้เราเลือกลองชิม Mango and Passion Fruit Cheesecake (95 บาท) ที่เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันด้วยความเปรี้ยวของเสาวรส และตัดหวานด้วยมะม่วง รวมถึง Bronte Pistachio Cake (240 บาท) ที่เลือกใช้ถั่วพิสตาชิโอนำเข้าจากประเทศอิตาลีเท่านั้น และอีกตัวที่เราชอบมากคือ Vanilla Strawberry Sponge Cake (95 บาท) ซึ่งถึงแม้เราจะเลือกสั่งแบบไซซ์เล็กสุดมาชิม แต่ก็ติดใจในความละมุนนุ่มลิ้นของเนื้อสปอนจ์เค้ก จนต้องเดินไปสั่งใส่กล่องกลับบ้านแบบชิ้นใหญ่กันเลยทีเดียว

 

 

 

มา Cafe Madeleine ทั้งที จะไม่ชิมขนมประจำชาติฝรั่งเศสอย่างมาดแลน (Madeleine) ที่ทางร้านเลิฟมากขนาดเอามาตั้งเป็นชื่อคาเฟ่ก็คงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง! จุด ๆ นี้เราเลยเลือกสั่ง Madeleine Box (360 บาท) ที่ประกอบด้วยขนม Madeleine 6 ชิ้น และมีถึง 3 รสชาติ ทั้ง Passionfruit & Coconut, Chocolate & Cacao Caramel Nib และ Raspberry & Vanilla

 

และที่น่ารักคือถ้าสั่งเครื่องดื่มของร้าน อาทิ Pineapple Coconut Coffee Soda (180 บาท) หรือแม้กระทั่งเมนูชาร้อนสไตล์ผู้ดีอังกฤษอย่าง Jasmine Pearls Loose Leaf Tea Pot (140 บาท) มาจิบเบา ๆ คู่ขนม ก็จะได้แถมขนม Madeleine ไซซ์จิ๋วมาให้ลองชิมด้วยแบบฟรี ๆ 

 

 

 

และสำหรับใครที่ตั้งใจมาปักหมุดนั่งยาว ๆ ที่คาเฟ่แห่งนี้แล้วกลัวท้องว่าง ที่นี่ก็มีเมนูอิ่มท้องจำพวกโคลด์แซนด์วิช อาทิ Smoke Salmon Soft Roll (450 บาท) และ Nicoise Salad (340) ไว้คอยเสิร์ฟเอาใจสายเฮลตี้กันแบบจัดเต็มสมมงความเป็นคาเฟ่ประจำโรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยากันแบบโบ้ม ๆ

 

Soimilk Says: เป็นอีกหนึ่งพิกัดน่าปักหมุดที่เราเชื่อว่าจะต้องถูกใจทั้งสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ สายเบเกอรีเลิฟเวอร์ ไปจนถึงสายเฮลตี้แน่ ๆ ใครที่แวะไปย่านเจริญกรุงช่วงนี้แล้วไม่อยากพลาดพิกัดเปิดใหม่ ก็ต้องลองแวะไปเช็กอินกันสักหน่อยก่อนที่จะคนเยอะนะ!