APO Herb & Dessert Recipes เปลี่ยนตึกแถวย่านเจริญกรุงให้เป็นคาเฟ่ที่ดีทั้งใจ ดีทั้งสุขภาพ

ช่วงนี้เรามีคิวที่จะต้องแวะมาเจริญกรุงบ่อยมาก ๆ นั่นเพราะร้านรวงเกิดใหม่ย่านนี้เยอะเหลือเกิน แถมแต่ละร้านที่เปิดกันก็ยังวาไรตี้สุด ๆ มีหลากหลายร้านแบบไม่ซ้ำกันเลย และคราวนี้ก็ถึงคิวของคาเฟ่ไซซ์กะทัดรัดในซอยเจริญกรุง 38 ข้างโรงเรียนอัสสัมชัญอย่าง APO Herb & Dessert Recipes กันบ้าง

 

 

 

ชื่อก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไรพิเศษมากกว่าคาเฟ่ทั่วไปแน่ ๆ เพราะในชื่อร้านดันมีคำว่า Herb ที่แปลว่าสมุนไพรเข้ามาด้วย ซึ่งนับว่าคำนี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้เพื่อนทั้งสามคนอย่าง ผิง-ณัฐชยา ปอวงศ์สว่าง, ปุ๊กปิ๊ก-ณัฐพร ดวงฉวี และ หมูหลิน-ภัทราพร รินธนาเลิศ ตั้งใจเปิดคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นมา เริ่มมาจากคุณแม่ของผิงนั้นเป็นคนชอบทำขนมอยู่แล้ว และขนมส่วนใหญ่ที่ทำก็จะได้ไอเดียมาจากสมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกอยู่หลังบ้านนั่นแหละ อย่างเช่นวันนี้ใบเตยหลังบ้านกำลังงาม คุณแม่ก็จะคิดแล้วว่าจะตัดใบเตยมาทำขนมอะไรดี หรือว่านหางจระเข้กำลังใหญ่เป่งขนาดนี้ เอาเนื้อว่านมาทำขนมอะไรดีนะ พอเห็นว่าคุณแม่ชอบทำขนมแบบนี้ทุกวัน ก็เลยอยากให้คุณแม่สนุกกับการทำขนม และมีหน้าร้านดูบ้าง

 

ประกอบกับทั้งผิง ปุ๊กปิ๊ก และหมูหลินเองก็เป็นคนที่อาศัยย่านเจริญกรุงมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว จึงคุ้นเคยกับย่านนี้เป็นอย่างดี พอหมูหลินมีที่ทางของตึกแถวห้องนี้ในซอย O.P. Place ที่ชั้นล่างไม่ได้ใช้งาน ทั้งสามคนจึงคิดเพียงคืนเดียวว่า ถึงเวลาต้องมีคาเฟ่แบบนี้แล้วล่ะ คาเฟ่ที่รวมสองสิ่งที่พวกเธอรักไว้ด้วยกัน ทั้งรสมือคุณแม่ และขนมกับเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ใช้วัตถุดิบที่ดี ปลอดภัย และน้ำตาลน้อย

 

 

 

โชคดีที่ผิง หนึ่งในแก๊งเพื่อนสามคนนี้ทำงานด้านออกแบบอยู่ด้วย การออกแบบของร้านจึงเป็นฝีมือของเธอและเพื่อน ๆ เองทั้งหมด ด้วยตัวบ้านเองเป็นสีครีม ๆ เหลือง ๆ ทั้งสามคนจึงแอบหยอดสีแดงเพิ่มเข้ามาภายในร้านให้ดูมีมิติและเข้ากับโทนสีเดิมของตัวบ้าน ส่วนข้าวของต่าง ๆ ในร้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และของที่นำมาตกแต่งนั้น ก็ล้วนแต่เป็นของเก่าที่บ้านของพวกเธอทั้งสามคนมีอยู่แล้ว และก็นำมาประกอบ จัดวางรวมกันใหม่ ทั้งสามคนบอกกับเราว่า อยากให้ทุกคนเข้ามาแล้วยังรู้สึกเหมือนที่นี่เป็นบ้านอีกหลังที่เปิดต้อนรับพวกเขาอยู่นั่นเอง

 

ส่วนชื่อร้านอ่านได้ว่า อาโป (เอ๊ะ แปลว่าอะไรนะ) ก็มีที่มาที่ไปอยู่เหมือนกัน โดยเริ่มจากทั้งสามคนอยากได้คำที่มีอารมณ์ไทย-จีนตามย่านนี้ และมาพบคำว่า Apo ที่เป็นคำไวพจน์ แปลว่าธาตุน้ำ ก็ตรงกับทางร้านที่เน้นเมนูเครื่องดื่มเป็นหลัก และอยากให้ผู้คนที่เข้ามาในร้านรู้สึกเย็นสบายเหมือนน้ำ นอกจากนี้ยังไปคล้องกับคำว่า Apotheke ในภาษาเยอรมัน และ Apotek ในภาษาดัชต์ ที่แปลว่าร้านขายยา ซึ่งก็เข้ากับความ Herb ของทางร้านด้วย นอกจากนั้นโลโก้ยังมีใบรอลเวอร์ 4 แฉกที่เพิ่มความโชคดี (และน่ารัก) เข้าไปอีก 

 

 

 

ที่ Apo อาจเหมาะกับคนชอบเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เพราะที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายพอสมควรเลยล่ะ ซึ่งเมนูเครื่องดื่มสมุนไพรของที่นี่ก็จะมาแบบไลต์ ๆ ไม่มีนม ไม่มีครีมหนัก ๆ มากนัก แถมทางร้านยังเลือกใช้น้ำผึ้งจากธรรมชาติเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอีกด้วย เราลองสั่งเก๊กฮวยพีช (75 บาท) เก๊กฮวยหอมหวาน ที่เพิ่มความหอมของพีชเข้าไปอีก แถมยังสร้างมิติให้แก้วนี้ดื่มสนุกยิ่งขึ้นด้วยเยลลี่เก๊กฮวยที่กลิ่มเก๊กฮวยหอมเตะจมูก แต่ไม่มีรสหวานเลย กินแล้วรู้สึกว่าดีกับสุขภาพขึ้นเยอะ (ขอมโนนิดนึง) หรือจะลองเป็นเก๊กฮวยเสาวรส (75 บาท) ที่ใส่น้ำและเนื้อเสาวรสเข้ามาแบบเน้น ๆ เพิ่มด้วยเยลลี่หล่อฮั่งก้วยที่ยังคงความไม่หวานเหมือนเดิม เพิ่มเติมด้วยกลิ่นสมุนไพรของหล่อฮั่งก้วยในเยลลี่ ก็เข้ากับเสาวรสดีเหมือนกัน 

 

ส่วนถ้าใครชอบรีเฟรชชิ่งด้วยเครื่องดื่มนม ๆ ที่นี่ก็มีอยู่เหมือนกันแหละ อย่างมัตฉะเอ็กเพรสโซ (95 บาท) ที่เสริมท็อปปิ้งเป้นไข่มุกมาให้ด้วย หรือสายชานมไข่มุกจริงจังไปเลย ที่นี่ก็มีอยู่นะ (65 บาท) แม้ตัวไข่มุกจะไม่ได้ว้าวมากอะไร แต่ขอบอกว่าชาร้านนี้หอมจริงอะไรจริงจ้า

 

 

 

เขยิบมาที่ขนมฝีมือคุณแม่บ้าง ซึ่งถ้าเราไม่แนะนำขนมที่ขายดีที่สุดของทางร้าน (และหมดเร็วตลอดดด อยากให้รีบมากันหน่อยถ้าอยากลองชิม) อย่างเปียกปูนใบเตยมะพร้าวอ่อน (55 บาท) ก็คงจะผิดไปหน่อย เปียกปูนที่นี่แม้จะหน้าตาเฉย ๆ แต่ตักเข้าปากแล้วสายรุ้งพุ่งออกปากเลย คุณแม่เลือกใช้ใบเตยจากหลังบ้านที่ปลูกเอง ไร้สารเคมีใด ๆ กับมะพร้าวอ่อนที่คัดพิเศษจากบ้านแพ้ว จ.นครชัยศรี มาทำขนมตัวนี้ อีกตัวหนึ่งเป็นเต้าฮวยน้ำมะพร้าวอ่อน (40 บาท) ก็ใช้มะพร้าวจากบ้านแพ้วเช่นกัน ใครสายมะพร้าวน่าจะถูกใจไม่ยาก นอกจากนี้ยังมีบราวนี่แครนเบอรี่ (85 บาท) ที่คุณแม่ทำสด ๆ แบบโฮมเมด ที่ไม่ได้มีทุกวันด้วย บราวนี่เนื้อแน่น ไม่ร่วน ไม่หวานมาก ใส่แครนเบอรี่แห้งแบบแน่น ๆ ให้เคี้ยวหนึบ ๆ เพิ่ม ได้ฟีลแบล็กฟอเรสต์อยู่เหมือนกันนะ

 

ส่วนสายรักสุขภาพที่ชอบกินเต้าหู้ก็มี งาดำน้ำเต้าหู้ (69 บาท) ราดนมสดหอมมัน กับพุดดิ้งเต้าหู้ Blancmange (69 บาท) เนื้อเหนียวหนึบมาก ๆ ที่ราดน้ำเต้าหู้เพิ่มความสดชื่นลงไปด้วย ก็อร่อยชื่นใจดีทีเดียวแหละ

 

 

 

นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูเย็น ๆ คลายร้อนที่ยังหยิบเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาเหมือนเดิม อย่างน้ำแข็งไสถ้วยโต แบ่งกันกิน 2 คนได้สบาย ๆ (129 บาท) นี้ก็มีให้เลือกหลายรสชาติ ทั้งรสกระเจี๊ยบกุหลาบ ที่ใส่แตงโม เยลลี่กุหลาบ รองก้นด้วยพุดดิ้งเต้าหู้กะทิ ราดซอสกระเจี๊ยบกุหลาบชื่นใจ หรือจะเป็นรสมะม่วงเสาวรส ที่โปะหยน้ามาด้วยมะม่วงสุกและเยลลี่เกํกฮวย ราดด้วยซอสเสาวรสเปรี้ยวหวาน และรสมะพร้าวอัญชัน ที่ใส่ท็อปปิ้งมะพร้าวกับขนุนแน่น ๆ เพิ่มด้วยเยลลี่อัญชัน ราดด้วยซอสกะทิน้ำตาลโตนด ก็เลือกความชื่นใจในแบบที่ตัวเองชอบได้เลย ส่วนใครอยากหาอะไรเย็น ๆ กินระหว่างกลับบ้านไปด้วย ทางร้านก็มีไอศกรีมแท่ง (แท่งละ 39 บาท 3 แท่ง 100 บาท) รสชาติแปลกใหม่ ที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเองทั้งหมด เช่นรสกระเจี๊ยบ-กุหลาบ รสเต้าหู้-ยูสุ รสมัลเบอร์รี่-เก๋ากี้ รสมะตูม-น้ำผึ้ง รสมะม่วงน้ำดอกไม้ และรสมะพร้าวซอร์เบต์ด้วย

 

 

Soimilk Says: นอกจากเครื่องดื่มและขนมแล้ว ที่มุมเล็ก ๆ หน้าร้านยังมีของจุ๊กจิ๊กจากเพื่อนฝูงที่เป็นศิลปินในแขนงต่าง ๆ มาฝากวางขายด้วยนะ อย่างเช่นโปสต์การ์ดและเครื่องประดับของ Suntur ก็มีที่นี่เช่นกันจ้า (ไกด์บุ๊ก Soimilk ก็มาหยิบฟรีได้ที่ร้านนี้เช่นกันนะ!) เรียกว่าเป้นร้านน่ารัก ๆ ที่เหมาะกับทุกคนแถวนี้ เพราะละแวกนั้นมีทั้งโรงเรียน มัสยิด สำนักงาน สถานทูต และผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่มายาวนาน ก็สามารถแวะเวียนมาดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี้ได้ ทางร้านจึงตั้งราคาไว้ไม่แพงมาก เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อ้อ ถ้าขับรถมาอาจลำบากในการหาที่จอดรถสักหน่อยนะ เราแนะนำให้โดยสารรถสาธารณะมาดีกว่า