14 ร้านเปิดใหม่ประจำเดือนกรกฎาคมนี้

 

 

หม่ำมื้อเช้าควบมื้อสาย แล้วยิงยาวยันดึกกับ ‘Take Eat Easy’ All-day Dining น้องใหม่ของย่านเย็นอากาศ ให้เรามานั่งถอดจิตถอดใจ กินบรันช์บรรยากาศธรรมชาติสุดร่มรื่นด้วยแบ็คดรอปเป็นต้นไทรอายุร่วม 200 ปี! ความตั้งใจของคุณ Nika Skripnik และ Andrei Abramov คืออยากทำร้านที่ทำอาหารที่มันเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังอร่อยได้ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ตัวเมนูเขาจะแบ่งเป็นช่วงเช้า ที่เปิดขายตั้งแต่ 8 โมง จนไปถึง 4 โมงเย็น โดยจะเน้นไปทางพวกเมนู All-Day Breakfast โทสต์โฮมเมดและสารพันวาฟเฟิลจานใหญ่คาวหวาน–อย่างเราได้ลองตัว Fig and Berries (420 บาท) เป็นวาฟเฟิลชิ้นโต ราดมาด้วยช็อกโกแลตมาสคาโปนชีส โปะหน้าด้วยลูกมะเดื่อ เบอร์รี่สด และสตรอว์เบอร์รี่ เติมความหวานหลอดใหญ่ให้สู้ต่อกับงานที่เรารัก ตกเย็น เมนูก็จะสลับไปทางของหนักจริงจังมากขึ้น อย่าง Slow Smoked Pork Ribs (2,200 บาท) ซี่โครงหมูไซซ์มหึมาตาแตก ชนิดว่า 6-7 คนยังแทบเอาไม่อยู่ 

 

 

 

ชาวอุดมสุขไม่ต้องแบกร่างไปไกลถึงทองหล่อ หรือพร้อมพงษ์อีกต่อไป เพราะในที่สุดอุดมสุขก็มีร้านราเมนคราฟต์จริงจังกับเขาสักที นี่ก็คือ Honobono Ramen ร้านคราฟต์ราเมนฝีมือลูกศิษย์เชฟชิน อิโนะอุเอะแห่ง No Name Noodles ที่เพิ่งเปิดในซ. อุดมสุข 37 เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง เราลองสั่งเป็น Hono Shoyu Ramen (279 บาท) ราเมนซุปเบสเป็นโชยุไก่ ผสมน้ำซุปของทะเลเข้มข้น ที่เราได้กลิ่นหอยชัดตั้งแต่ซดคำแรก ตัวนี้เขาท็อปมาด้วยอกไก่ซูวี หมูชาชู หน่อไม้ดอง และอาจิทามะ เส้นที่เราเลือกเป็นเส้นลวกแบบแข็งหน่อย กินแล้วยังเฟิร์ม กัดแล้วได้เท็กซ์เจอร์ อีกตัวที่ไม่อยากให้พลาดกันคือ Shio Ramen (259 บาท) ราเมนซุปเกลืออัดแน่นมาด้วยอาโรม่าของท้องทะเลเน้น ๆ ใครชอบเบสซีฟู๊ดคือห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง 

 

 

 

ข้าวผัดอะไรกันนะ ทำไมถึงมีให้เลือกถึง 64 คอมบิเนชั่น? นี่ก็คือ‘ผจง Pahjong’ ร้านข้าวผัดของเชฟ โมน ธีระธาดา แห่ง 00 Pasta ห้องทดลองพาสต้าในตำนานย่านบางลำพู ที่ตอนนี้ผันตัวมาจับกระทะวอคจีนและตะหลิว ทำข้าวผัด Custom Made ให้เราเลือกสั่งได้ตามใจ ตั้งแต่ข้าว 4 แบบ—ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวญี่ปุ่น ข้าวเหนียว และข้าวบาสมาติ—และตัวซอสถึง 16 แบบ ทั้งข้าวผัดหมึกดำ ข้าวผัดแกงเหลือง ข้าวผัดหมาล่า จนไปถึงข้าวผัดทรัฟเฟิลก็มี นอกจากพวกเมนูข้าวผัด ก็ยังมีเมนูโชว์สกิล Wok กลิ่นอายจีน ๆ อย่าง กวางตุ้งน้ำมันหอย กะหล่ำปีทอดน้ำปลา รวมถึงผัดถั่วแขกผัดหมูสับหนำเลี๊ยบ 

 

 

 

การกลับมารอบที่ 4 ของ Choco Project โปรเจ็กต์คาเฟ่ช็อกโกแลต เพื่อคนรักช็อกโกแลต ที่ล่าสุดฮ็อปมาเปิดตรงสเปซคนเก๋ย่านตลาดน้อย ที่ The Corner House ซึ่งรอบนี้ เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นนะ ใครที่ยังติดใจเมนูซิกเนเจอร์ดริงก์ช็อกโกแลตไต่ระดับของทางร้าน ก็ยังมีให้สั่งเหมือนเดิม ไล่ระดับความเข้มมาตั้งแต่ 1 ถึง 3 ตามความเข้มของใจเรา แต่ที่เสริมเพื่มเติมมาในรอบนี้คือตัว Choco Banana (150 บาท) ที่จับคู่คอมโบของหวานเด็กอ้วนระหว่างกล้วยกับช็อคโกแลต เหมือนกินของหวานที่เสิร์ฟมาในรูปแบบพร้อมดื่ม ด้านขนมหวานที่เขาพัฒนามาเพื่อสาขานี้โดยเฉพาะ คือ Chocolate Layer Cake (220 บาท) เลเยอร์เค้กช็อกโกแลต อัดแน่นมาด้วยชั้นช็อกโกแลตฉ่ำวาว ราดลงมาด้วยซอสไวท์ช็อกโกแลตและมิลก์ช็อกโกแลตอีกต่อหนึ่ง เมนูนี้ เขาให้เรา D.I.Y. เพิ่มท็อปปิ้งได้เยอะมาก อย่างเราเลือกท็อปปิ้งเป็น Fruit of the Day (40 บาท) เป็นบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่สด ตัดรสหวานได้ดีทีเดียว 

ใครที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์ช็อกโกแลตแบบเต็มสูบ ก็ต้องรีบมาเช็กอินกันให้ทัน เพราะรอบนี้เขาเปิดถึงแค่ 14 ก.ค. เท่านั้นนะ 

 

 

 

เคยกินบานนอฟฟี่มาก็เยอะแล้ว แล้วเคยกินบานนอฟฟี่แบบดีคอนสตรัคหรือยัง? นี่คือของหวานที่เราว่าคือจานเด็ดของเชฟมาร์ก เชฟชาวฝรั่งเศสและหัวเรือใหญ่ของ Jaja Modern Bistro ร้านอาหารฝรั่งเศสน้องใหม่ของ Baan Turtle ที่เขาอยากนำเอาสูตรอาหารครอบครัวของคุณยาย มานำเสนอให้ดูเป็นสไตล์ที่โมเดิร์นมากขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มกันด้วยตัว Beef Tataki Mosaic (580 บาท) เมนูลูกครึ่งทาร์ทาร์และการ์ปัชโช่เนื้อ ที่เราว่าทุกองค์ประกอบคือใส่ใจมาก ๆ ตั้งแต่การหมักเนื้อในซอส สู่ขั้นตอนเซ๊ยเนื้อ แล้วนำมาบรรจงแร็ปด้วยสาหร่าย ทำให้จานนี้มีกลิ่นอายญี่ปุ่น ส่วนจาน Banoffee (320 บาท) ที่เราเกริ่นไว้ด้านบน เราขอกล้ารับรองว่านี่คือบานอฟฟี่ที่ไม่เหมือนที่ไหนแน่ ๆ เพราะเชฟมาร์กแยกทุกองค์ประกอบของเค้กบานอฟฟี่ออกมา ทั้งตัวกล้วย ครีม เค้ก กินพร้อม ๆ กันหรือแยกกันก็ได้รสชาติที่แตกต่างและสนุกแบบไม่ซ้ำ  

 

 

 

เจลาโต้รสชาติไทยๆ ฉบับเข้าใจง่าย ที่ใส่ความทรงจำและเสน่ห์ของสามยอด ไว้ในถ้วยไอศกรีม อีกหนึ่งย่านที่กำลังจะกลับมา Happening ในช่วงปีนี้คงหนีไม่พ้น ย่านสามยอด เพราะแค่ช่วงนี้ ก็มีร้านมาเปิดใหม่กันเพียบ (เดือนเดียวก็ 3 - 4 ร้านแล้ว) และหนึ่งในนั้นก็คือ Hometownbkk ร้านไอศกรีมเจลาโต้รสชาติไทย ๆ ฉบับเข้าใจง่าย แบบอ่านชื่อรสปุ๊ปแล้วอ๋อเลย ไม่ต้องคิดเยอะ แถมยังเก็บรายละเอียดความทรงจำและเสน่ห์ของย่านสามยอด มาไว้ในถ้วยไอศกรีม และยังมีการตกแต่งร้านแบบเก่าผสมใหม่ ให้คนทุกวัยมาจอยโมเมนต์กันแบบไม่เคอะเขิน 

 

ลองสั่งเป็น Kanom Kai Gelato (179 บาท) เซ็ตเจลาโต้ขนมไข่ เสิร์ฟมาพร้อมขนมไข่โฮมเมด ที่ทางร้านอินสปายมาจากขนมไข่ย่างเตาถ่านขึ้นชื่อของสามยอด ด้านในตัวเนื้อเจลาโต้ สอดแทรกมาด้วยเนื้อขนมไข่จิ๋ว เพิ่มเท็กซ์เจอร์เคี้ยวสนุก โรยถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วซอสคาราเมล และราดซอสสตรอว์เบอร์รี่มาตัดเปรี้ยว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด Som Chun Gelato (189 บาท) เมนูที่ทวิสต์มาจากลอยแก้วดับร้อนตำรับชาววัง ตัวนี้เขาใช้เป็นเจลาโต้ส้มฉุนซอร์เบต์ทำจากส้มซ่า เสิร์ฟพร้อมกับฝรั่งที่นำไปโพชกับเลม่อน ด้านล่างเป็นเจลลี่มะนาว ท็อปมาด้วยเจลลี่ลิ้นจี่เคลือบช็อกโกแล็ตสีชมพู๊ชมพู (อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่)

 

 

 

ชวนมาจิบกาแฟ พร้อมกับเล่นกับน้องเหมียวเจ้าของร้านกับ Brewing Path ร้านกาแฟไวบ์ดี ที่อยากเป็นพื้นที่สร้างบทสนทนาดี ๆ เคล้ากาแฟและสารพัดขนมเบเกอรีอร่อย ๆ นอกจากตัวเฟอร์นิเจอร์หน้าตาลุคมินิมอล และคู่สีน่ารัก ๆ สเปซของที่นี่เขายังเป็น Pet-friendly (เห็นว่าบางวัน คุณเจ้าของร้านก็จะพาน้องเหมียวมาพบปะประชาชนกันด้วย) เราชอบตัว Old Town Coffee (165 บาท) ที่คุณบาริสต้าเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าคิดขึ้นมาได้ ตอนไปเจอคนนั่งดื่มชาตรงภูเก็ต แก้วนี้เลยมีส่วนผสมของชา กาแฟ นมข้น เหมือนกินชาไทยที่หนักคาเฟอีนหน่อย เหมาะมากสำหรับวันที่อยากตื่นกาแฟ แต่ก็ไม่อยากจิบกาแฟชนาดนั้น สั่งกานาเล่ หรือเบเกิ้ลโฮมเมดของร้านมากินคู่กับกาแฟก็ดีเหมือนกัน 

 

 

 

ทรงวาดยังคงเป็นย่านที่เราว่ามีอะไรใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาได้ตลอด ล่าสุดบนชั้นสองของ Bad Poutine ร้านชูโรงมันฝรั่งทอดสไตล์แคนาดา เขามีบาร์มาเปิดใหม่ชื่อ Bukowski & Co. ซึ่งอินสปายมาจากสองพาร์ทหลัก ๆ คือ Charles Bukowski นักเขียนและกวีลูกครึ่งเยอรมัน-อเมริกัน เจ้าของผลงาน “You Get So Alone at Times Than It Just Make Sense” (ที่ในปี 2014 สมัยที่แฮร์รี่ สไตล์ (Harry Styles) ยังเล่นคอนเสิร์ตในวง One Direction เคยหยิบส่วนหนึ่งมาอ่านกลางเวทีที่บอสตันด้วย ส่วนอีกพาทหนึ่งที่ทางร้านดึงแรงบันดาลใจมาคือ Shakespare and Company ร้านหนังสือภาษาอังกฤษใจกลางกรุงปารีส ซึ่งก่อตั้งโดย จอร์จ วิทแมน (George Whitman) ที่ได้รองรับเหล่านักเขียนจากทั่วโลก เวลาต้องการหาแรงบันดาลใจระหว่างเขียนหนังสือ และด้วยคอนเซปต์นี้เอง เลยทำให้ Bukowski & Co เขาจะมีผลัดหมุนเวียนบาร์เท็นเดอร์ มาชงเครื่องดื่มตัวเด็ดให้คนได้ลองกัน 

อย่างรอบล่าสุดที่เราไป เราลองเป็นตัว Japanese Gin (320 บาท) แก้วเบสจิน ที่ทางบาร์เทนเดอร์เขาดึงถอดแบบคาแรกเตอร์มาจากข้าวปั้นญี่ปุ่นโอนิกิริ–มีซีรัปข้าวหอมมะลิมาเติมกลิ่นและรสให้เหมือนข้าวยิ่งขึ้นไปอีก ด้านบนท็อปมาด้วยวาซาบิ และปิดท้ายด้วยสาหร่ายกรอบเป็นการ์นิช 

 

 

 

ก่อนหน้านี้ถ้าใครเป็นสายตามเทรนด์ห้องพักบน Airbnb อาจจะเคยได้ยินชื่อ Surfบก สเปซห้องพัก 4 ชั้นดีไซน์สีเจ็บแห่งย่านอุดมสุขมาแล้วบ้างล่ะ ล่าสุด เขามีสเปซใหม่มาเปิดเพิ่มบนชั้นสามชื่อ Super Nice Land ที่เป็นทั้งคาเฟ่ มัลติแฟชั่นสโตร์ และมุมสวยคิวท์ให้จับจองถ่ายรูป (ในอนาคตเห็นว่าก็จะกลายเป็นสตูดิโอถ่ายภาพไปในตัวด้วย) ลองสั่งเป็นตัว Super Nice Coffee (150 บาท) กาแฟส้มใส่โซดา ท็อปมาด้วยเลม่อนสไลซ์หมักในซีรัปน้ำตาลอ้อย หรือใครไม่ชอบกาแฟจ๋า ๆ ก็สั่งเป็น Matcha Latte (150 บาท) ดู นอกจากตัวเมนูเครื่องดื่ม เค้กเขาก็ไม่น้อยหน้า เราชอบตัว Mocha Brownie (150 บาท) มอคค่อนบราวน์นี่ ที่เลเยอร์แต่ละชั้นมีความครีมมี่และเท็กเจอร์แตกต่างกันออกไป ด้านบนท็อปมาด้วยอัลมอนด์เคลือบคาราเมล มาช่วยเติมเท็กซเจอร์อีกต่อหนึ่ง    

 

 

 

ชาวสุขุมวิทที่เป็นเอฟซีร้านข้าวต้ม “รวยมิตร” ไม่ต้องแบกร่างไปถึงสาทรอีกต่อไป เพราะล่าสุดเขามาเปิดบ้านใหม่ในซ. สุขุมวิท 61 แล้วนะ  ไวบ์ร้านก็ยังต่อยอดจริตของบ้านเพื่อนเทสต์ดี ตอบโจทย์ชาวเรา ที่อยากมานั่งแฮงค์เอาท์ พุ้ยข้าวต้ม เจี๊ยะกับข้าว จิบเครื่องดื่มฟองฟอด แต่ก็ยังอยากคีพลุคคนเก๋อยู่ ไฮไลท์บ้านใหม่ของสาขาเอกมัย คือนอกจากเมนูเครื่องดื่มเบสิคและเบียร์วุ้น ไลน์อัปค็อกเทลเขาก็ขยับขยายออกไปทางเมนูที่แอดวานซ์มากขึ้นกว่าเดิม และเป็นแนวสปิริตฟอร์วาร์ดมากขึ้น ลองสั่งมาเป็น Hong Kong Old Fashioned เมนูแก้วทวิสต์มาจากคลาสสิกโอลด์แฟชั่น แต่เพิ่มความนัวร์มาด้วยน้ำมันงา สั่งมาจิบคู่กับ ‘เนื้อทอดเผิงโหย่ว’ เนื้อสันในแล่มาแผ่นบาง ๆ ลงไปสะดุ้งน้ำมันเร็ว ๆ ราดลงมาด้วยซอสสูตรพิเศษ จะเข้ากันมาก ๆ ตอนกลางคืนไวบ์เขาก็จะดีไปอีกแบบนะ

 

 

 

Dough Bros พิซซ่าแป้งซาวโดวจ์–และโดนัทไส้ทะลัก–เจ้าดังจากฮ่องกง แลนด์ดิ้งที่ไทยแล้ว ปักหมุดสาขาแรกที่ Gaysorn Amarin ความพิเศษของพิซซ่าของเจ้านี้คือ ใช้แป้งซาวโดวจ์เหนียว หนา และนุ่ม พร้อทกับท็อปปิ้งที่แหวกแนวกว่าพิซซ่าเชนเจ้าอื่นหน่อย ๆ อย่างตัว The Parma (430 บาท) ที่แม้หน้าตาอาจจะดูใหญ่มาก แต่ก็อัดแน่นมาด้วยพาร์มาแฮมของดีนำเข้าตรงจากอิตาลี ตัวท็อปปิ้งมีเห็ดที่นำไปซอเตผัดในน้ำมันทรัฟเฟิลและกระเทียม มาเสริมเติมรสเพิ่มเติม ใครที่ชอบบอมโบโลนี่ (Bomboloni) โดนัททอดไส้ทะลักสไตล์อิตาเลียน ที่นี่เขาก็มีให้เลือกถึง 4 รสชาติ ตั้งแต่นูเทลล่า โอรีโอช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี่ วานิลลาคัสตาร์ด (เริ่มต้นที่ชิ้นละ 130 บาท) 

 

 

 

ชาวจุฬา น้องพี่สีชมพู น่าจะคุ้นชื่อกับ Jiao Zi ร้านเกี๊ยวจีนฟิวชั่นหน้าตาโมเดิร์นแห่งโครงการ Block 28 ซ.จุฬา 5 มาบ้าง (เราเองก็เคยโดนสารพันเกี๊ยวหน้าแปลกของที่นี่ตกมาแล้ว สมัยร้านเพิ่งเปิดปีแรก ๆ )  เราเลยค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อย ที่เห็นร้านที่เราชอบขยับขยายสาขาใหม่ มาโผล่ตึก Gaysorn Amarin เมื่อกลางเดือนมิถุนายนนี่เอง โดยสาขาใหม่นี้ จะไม่ได้เน้นแค่เมนูเกี๊ยวจีนอย่างเดียวแล้วนะ แต่จะขยับมาขายเมนูข้าวและเส้นหมี่จีนเยอะขึ้น อย่างรอบล่าสุด เราสั่งเป็นตัว Mapo Tofu Australian Wagyu (295 บาท) เป็นข้าวหน้าเต้าหู้เสฉวน ซึ่งแทนที่จะใช้หมูสับธรรมดา ทางร้านจะใช้เป็นเนื้อวากิวออสเตรเลียน ส่วนเต้าหู้ก็ใช้เป็นเต้าหู้ทอดกรอบมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพิ่มเท็กซ์เจอร์ได้สนุกทีเดียว ส่วนฝั่งเกี๊ยวก็ยังไม่น้อยหน้านะ เราชอบตัว Bolognese Dumplings (155 บาท) เมนูเกี๊ยวหมูทอดโบโลเนส ที่อาจจะทำให้คนอิตาเลียนร้องกรี๊ด แต่เราว่ามันเข้ากันได้ดีนะ ทั้งตัวชีสที่โรยลงมา ตัวโบโลเนส ถึงจะไม่ได้รสตามฉบับชาวอิตาเลียน ก็เหมือนโดนทวิสต์มาให้เข้ากับรสจีน ๆเรียบร้อยแล้ว 

 

 

 

ห้องชาที่เรารักอย่าง Peace Oriental Teahouse เขาได้ขยับขยายมาเปิดสาขาใหม่ใจกลางเมืองตรง Gaysorn Amarin มีมุมโลเกชั่นดี๊ดี เหมาะมากกับการมานั่งจิบชากับขนมระหว่างมองวิวถนนชิดลม สำหรับสาขานี้เน้นหนักไปทางเฟอร์นิเจอร์ไม้อบอุ่น ในส่วนของเมนูสาขาชิดลมนี้ เขามีตัวแพร์ริ่งใหม่พิเศษอย่าง Koicha Coconut Ice Cream + Coconut Mocheezu เป็นไอศกรีมมะพร้าวราดด้วยมัทฉะเกรดพิธีชงแบบข้น (Koicha) ทานคู่กับตัวโมจิไส้ชีส ที่ผิวเคลือบน้ำตาลด้านนอก เบิร์นจนกรอบ   

 

 

 

หมู่นี้ ถ้าไม่นับบรรดาร้านหมาล่าร้านจีนที่มาเปิดบนถนนเส้นบรรทัดทอง ก็นับว่าย่านนี้เขาเด็กขึ้นเยอะ (ถึงจะนึกเสียดายร้านรวงเก่า ๆ ที่หายไปตามกาลเวลาและพายุเศรษฐกิจก็เถอะ) ทว่า หากพูดถึงเรื่องความเก่าความใหม่ เราขอยกให้ร้าน ‘Table of Contents’ คาเฟ่ไวบ์ดีของย่านบรรทัดทอง ที่หยิบเอาขนมไทยหน้าตาธรรมดา มาปัดฝุ่นใหม่ กลายเป็นขนมหน้าตาทันสมัยอย่าง Doughko เมนูลูกครึ่งจีน-ฝรั่ง จับเอาแป้งโดนัทและแป้งปาต๋องโก๋ที่พวกเราคุ้นเคย มาสอดไส้ทรงเครื่องไส้ขนมไทยถึง 8 แบบ เราชอบตัว ขนมครกข้าวโพด (120 บาท) ที่ให้รสข้าวโพดแบบเต็มฝัก หอมเนย และกะทิ อีกเมนูที่เราว่าว้าวดีคือ มะขามคัสตาร์ด (120 บาท) หยิบเอาคาแรกเตอร์ความเปรี้ยวของมะขาม มาตัดหวานกับคัสตาร์ด เป็นคอมบิเนชั่นที่เราว่าน่ารักดี ส่วนใครชอบพวกเค้กหม้อแกง ก็อยากให้ลอง หม้อแกงชีสเค้ก (160 บาท) ของทางร้านด้วย