วันที่ 20 มิถุนายนของทุกปีคือ “วันผู้ลี้ภัยโลก” หลายคนคงไม่เคยทราบมาก่อนว่าทุกวันนี้มีผู้ลี้ภัยชาวพม่าถึง 105,261 คน อาศัยอยู่ในค่าย 9 แห่งตามแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทย จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวพวกเราเลย ดังนั้นทาง UNHCR หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติจึงจัดกิจกรรมดีๆ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต้องพลัดพรากจากถิ่นกำเนิด บ้างเพื่อหลบหนีสงคราม ความรุนแรงและความขัดแย้งบนโลกแสนวุ่นวาย โดยรวบรวมภาพยนตร์ 5 เรื่อง 5 รสจากทุกมุมโลกมาให้เราได้ชมกันตั้งแต่ 16-20 มิ.ย. นี้ที่โรงภาพยนตร์ Paragon Cineplex!

เราแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินว่าเด็กหญิงชาวปากีสถาน มาลาลา ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai) รอดชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่กลางศีรษะโดยกลุ่มตาลีบันขณะโดยสารรถนักเรียนกลับบ้าน ต้องบอกว่าเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ถึงแม้มาลาลาจะเป็นผู้ยืดหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิด้านการศึกษาของเด็กผู้หญิงและสตรีจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี พ.ศ. 2557 แต่เธอก็คือเด็กสาวธรรมดาที่ไม่ถูกกับวิชาฟิสิกส์และชื่นชอบนักเทนนิสโรเจอร์ เฟเดอเรอร์เป็นพิเศษเหมือนกับพวกเรานี่แหละ! ตามติดชีวิตมาลาลาและครอบครัวได้ในสารคดีเข้าชิงรางวัลออสการ์เรื่องนี้เลย


สารคดีตามรอย 2 ผู้กำกับชาวอเมริกันคู่แรกที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าไปอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยซาทารี (Zaatari) ประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่ห่างจากแดนสงครามในซีเรียไม่ถึง 12 กิโลเมตร ตลอดทั้งสารคดีเรื่องนี้เราจะได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวชีวิตที่แท้จริงผู้ลี้ภัยชาวซีเรียทั้ง 85,000 คน ดำเนินเรื่องโดยผู้ลี้ภัย 5 คน อาทิ นางพยาบาลที่สร้างธุรกิจขึ้นมาเพื่อช่วยลูกของเธอ คุณยายที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียและความแตกต่างทางวัฒนธรรม เด็กน้อยวัย 10 ขวบที่ดูเหมือนจะสดใสตลอดเวลา ชายหนุ่มอายุ 30 ที่สูญเสียทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมา และคุณพ่อที่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อตั้งแต่เกิดสงคราม ขอเตือนไว้ก่อนว่าใครค่อนข้างอ่อนไหวต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าไปเผื่อด้วยนะ เพราะผู้กำกับเองก็เสียน้ำตาระหว่างการถ่ายทำกันมาแล้ว


ซาดาฟ ราฮิมิ (Sadaf Rahimi) คือนักมวยหญิงคนแรกจากอัฟกานิสถานที่ได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2555 แต่ทว่าก่อนหน้านี้เธอได้เผชิญกับความรุนแรงสารพัดรูปแบบจากเพื่อนบ้านและกลุ่มชาวมุสลิมสุดโต่ง และยังต้องลี้ภัยสงครามในบ้านเกิดไปยังประเทศอิหร่านอีกด้วย ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่าผู้หญิงที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศสงครามถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพมากแค่ไหน เราแนะนำให้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะเข้าใจอย่างถ่องแท้


การต่อสู้ของมาเรีย อัลแมน (Maria Altmann) และทนายแรนดี้ ณอนช์เบิร์ก (Randy Schoenberg) เพื่อสิทธิภาพวาด Portrait of Adele Bloch-Bauer I ซึ่งโดนทหารนาซียึดไปตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ตกเป็นสมบัติของรัฐบาลออสเตรียในเวลาต่อมา มาเรียต้องลี้ภัยสงครามจากบ้านเกิดและทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อนำภาพวาดที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคุณป้าของกลับคืนมาให้จงได้


เรื่องราวการอยู่รอดของชนกลุ่มน้อยผู้นับถือศาสนาคริสต์ในอิรัก ที่ต้องอดทนต่อสู้กับมุสลิมหัวรุนแรงที่คอยทำร้าย ทรมาน ข่มขืน ลักไปฆ่าเพียงเพราะความแตกต่างทางศาสนา และการใช้ชีวิตของพวกเขาท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเมื่อปราศจากการต้อนรับจากประเทศอื่น ความโดดเด่นของสารคดีเรื่องนี้คือมีคลิปจากเหตุการณ์จริงอย่างการบุกยึดและระเบิดที่พักของชาวคริสเตียนให้ศึกษากันอย่างชัดเจน

ทำไมต้องแคร์หรอ? ไม่ว่าจะเป็นชาวพม่ามากมายในเมืองไทยที่เรากล่าวไปเมื่อข้างต่น จนไปถึงผู้อพยพชาวซีเรียที่ทั้งโลกกำลังให้ความช่วยเหลือและจับตามอง เราว่าภาพยนตร์เป็นทางเลือกที่ดีในการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตและความยากลำบากของเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เพราะสร้างมาจากเรื่องเหตุการณ์จริง บางเรื่องถึงกับลงพื้นที่จริงไปถ่ายทำกันก็มี นอกจากนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมด้วยนะ ได้ดูหนังดีๆ แถมยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย รีบจองที่นั่งกันได้ที่ unhcr.or.th/news/RFF2016 เลย