หนึ่งละครเวทีที่กำลังเปิดการแสดงอยู่ในตอนนี้ และเป็นที่พูดถึงอยู่ไม่น้อยในโลกออนไลน์ คือ บุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัล ที่แค่ชื่อละครเวทีก็กวนโอ๊ยแล้วว่าทำไมต้องมีคำว่า "เกือบจะ" อยู่ในนั้นด้วย ถึงอย่างนั้นการที่ภาพยนตร์ยอดฮิตในดวงใจของเราในยุคมิลเลนเนียมกลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ก็ทำให้เราต้องไปพิสูจน์กันสักที และจากการที่ได้ดูมาแล้วต้องขอบอกเลยว่า นี่คือ 4 เหตุผลที่สาวกผีบุปผา (หรือไม่ใช่ก็แล้วแต่) ก็ไม่ควรพลาดละครเวทีเรื่องนี้ไปเลย
เพราะเก็บความหลอนและมุกตลกมาเต็ม
หากใครเคยดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์ต้นฉบับของพี่ต้ม-ยุทธเลิศ สิปปภาค มาก่อน จะรู้เลยว่าความคลาสสิคของบุปผาราตรีคือช่วงไหนที่สยอง ก็จะสยองมากจนแทบจะต้องปิดตาดู แต่ช่วงไหนที่ตลก ก็เล่นเอาหัวเราะจนพระรามเก้าคาเฟ่ยังต้องมาศึกษาดูงาน โดยเฉพาะไฮไลต์ที่ใคร ๆ ก็จำได้อย่าง "ออสการ์อพาร์ตเมนต์" เองก็ต้องทำถึงและเชื่อจริง ๆ ว่าอพาร์ตเมนต์แห่งนี้หลอนสุด ๆ ยิ่งกว่าหลอน ซึ่งบุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัลก็ทำได้อย่างที่บอก เขาเล่นยกออสการ์อพาร์ตเมนต์มาไว้บนเวทีอย่างเก๋ ๆ ช่วงเปลี่ยนฉากแต่ละครั้งก็ทำได้ลื่นไหล ว่องไว จนเราแทบลืมไปเลยว่าที่คือเรื่องราวที่กำลังแสดงอยู่บนเวที ไม่ใช่ดูหนังอยู่ในจอ

อีกสิ่งที่ปลื้มคือองก์ที่มีซีนหลอน ๆ นั้น ตัวละครเวทีเองเลือกใช้ความมืดของสถานที่ได้อย่างฉลาด เพียงแค่ปิดไฟให้หมดทั้งโรงละคร สร้างสถานการณ์ให้ดูไม่ยัดเยียดว่าตัวละครต้องอยู่ในความมืดอย่างไร้เหตุผล และเลือกใช้การส่องสว่างด้วยไฟฉายในมือของผู้เล่นแทนใช้ไฟดวงนั้นนี้บนเวที การที่ไฟพล็อตเฉพาะจุด ทำให้จังหวะ Jump Scared แบบในภาพยนตร์ใช้งานได้ดีบนเวทีแห่งนี้ด้วย นอกจากนั้นดนตรีเองก็โผล่เข้ามาในจังหวะพอเหมาะพอเจาะพอดี เราขอท้าเลยว่าใครมาดูบุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัลแล้วไม่ตกใจ คนนั้นถือว่าใจแข็งเกินไปแล้ว !
ไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นหนังเสียหมด รับรองว่าไม่ซ้ำ

แม้หนังเรื่องบุปผาราตรีจะฉายให้เราได้ดูมาเป็นสิบปีแล้ว แต่เชื่อว่าหนังในดวงใจเรื่องนี้จะต้องมีใครหลายคนดูแล้วดูอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกแน่ ๆ ครั้นพอจะมาดูเวอร์ชันละครเวทีก็กลัวว่าเนื้อเรื่องมันจะเดิม ๆ หรือเปล่า ดูไปก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนไหน ใครเป็นใคร ไคลแมกซ์อะไร สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะไม่ไปดู แต่เดี๋ยวก่อน เราคงต้องบอกว่าเนื้อเรื่องหลัก ๆ ของบุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัลก็เหมือนกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ (อ้าว) แต่ดีเทลระหว่างเรื่องนั้นถูกปรับเปลี่ยนใหม่ค่อนข้างเยอะ หลายตัวละครในออสการ์อพาร์ตเมนต์ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น สีสันของความสนุกตั้งแต่เจ้าของอพาร์ตเมนต์ (ที่บ้าบอและตลกเหมือนเจ๊สี่ในหนัง Kung Fu Hustle มาก ๆ) สองสาวที่ชอบแต่งตัวแบบ BNK48 คุณน้าตาบอด หรือช่างซ่อมที่จังหวะพูดเหมือน...เอ่อ...เหมือนท่านนายกฯ ของเรามาก ๆ ก็ทำให้เนื้อหาของละครเวทีแตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับแล้ว
ละครเวทีครั้งแรกของแดน-วรเวช
ต้องบอกว่าเมื่อตอนที่รู้ว่าคนที่จะมารับบทบาทเป็นผีบุปผาคือหนูนา-หนึ่งธิดา เราก็สบายใจไปเปาะหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเธอเจนจัดเรื่องเวที และร้องเพลงได้ดีแน่ ๆ แต่พอรู้ว่าผู้ที่มารับบทเป็นหรั่งนั้นคือแดน-วรเวช หรือพี่แดน D2B ของเรานี่ก็หวั่น ๆ ใจอยู่นิดหน่อย เพราะถึงเราจะรู้ว่าเขาร้องเพลงได้ แต่แดนเองก็ไม่เคยเล่นละครเวทีมาก่อนเลย แล้วการที่ต้องเล่นเป้นตัวหลักที่ต้องเดินเรื่องแทบทั้งหมดนอกจากหนูนาแล้ว แดนจะไหวในละครเวทีหรือเปล่านะ

แต่พอเราดูจบแล้วก็ต้องขอมาบอกตอนนี้เลยว่า แดนเอาอยู่มาก ๆ ก่อนอื่นเลยคือเราอยากเตือนสติว่าอย่าเพิ่งติดกับการดูละครเวทีเล่นใหญ่แบบรัชดาลัยเธียเตอร์ เพราะไม่อย่างนั้นจะคิดว่าพี่แดนของเราเล่นแบบไม่มีพลังเอาเสียเลย แต่เราคิดว่าแดนกำลังสมบทบาทอย่างพอดี จังหวะที่ไหลลื่น เคมีที่เข้ากับหนูนาได้ดี และที่สำคัญคือร้องเพลงสดได้เป็นที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้มีลูกคอสิบชั้นเหมือนนักร้องคนอื่น ๆ แต่เสน่ห์ของการร้องเพลงสไตล์แดนที่ชัดถ้อยชัดคำก็มาครบ ส่วนเรื่องความหล่อนี่ขอให้ไปพิสูจน์เอาเอง ขนาดเรานั่งหลัง ๆ โรงละครความหล่อยังทะลุเข้าตามาเลยจ้าพ่อคุณเอ๊ยยย
เพลงดีเกินกว่าจะเป็น "เกือบจะมิวสิคัล"

ภาพจาก ประชาชาติ
เราได้ยินหลาย ๆ เสียงบอกออกเป็นสองทางว่า ละครเวทีเรื่องนี้มีช่วงที่เป็นมิวสิคัลน้อยไปจนไม่น่าเรียกว่า "เกือบจะ" น่าจะไม่มีคำว่ามิวสิคัลเลยดีกว่า กับอีกเสียงคือบอกว่าช่วงมิวสิคัลเยอะมากกว่าที่คาดเอาไว้ จนไม่ต้องใส่คำว่าเกือบจะเข้ามาก็ได้ ซึ่งสำหรับเราแล้วถือเป็นกลุ่มคนในข้อหลัง เพราะใครจะไปคิดว่าละครเวทีตลกสยองขวัญ จะผสมกลมกลืนเข้ากับบทพูดแบบมิวสิคัลได้กลมกลืนขนาดนี้ หลาย ๆ เพลงทำเอาเราติดหู และพอมันโผล่มาบ่อย ๆ ก็ร้องตามกันได้ง่าย ๆ ส่วนการเต้นประกอบมิวสิคัล แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ก็ถือว่าไม่แย่ อย่างน้อยก็ทำให้นี่เป็นบุปผาราตรีอีกเวอร์ชั่นที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็น

เราว่าใครที่ชอบอะไรที่ครบรส ทั้งสยองปนหวีด ทั้งสวีทปนโรแมนซ์ ไปจนถึงเรื่องราวดรามาตึงเครียด บุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัล น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีในเวลานี้ อีกอย่างที่ชอบคือ ละครเวทีมีความยาวเพียง 2 ชั่วโมง จึงดูได้ทั้งการแสดงโดยไม่ต้องมีช่วงพักครึ่งให้อารมณ์ค้างเติ่งด้วย อย่าลืมเข้าห้องน้ำห้องท่าเสียก่อนล่ะ ไม่มีพักครึ่งให้แว่บออกมานะ เดี๋ยวจะพลาดบางตอนไปแล้วจะเสียดาย
บุปผาราตรีเกือบจะมิวสิคัล บัตรราคา 1,000-2,800 บาท ที่ ThaiTicket Major รอบแสดง 20 ต.ค.-11 พ.ย. เวลา 14:00 น. และ 19:00 น. โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน BTS สยาม