ตั้งแต่เปิดตัวเทรลเลอร์มา เราก็เชื่อว่าคอหนังหลายคนตั้งตารอจะชมโปรเจกต์ใหม่ของพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่างผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก ด้วยความตื่นเต้นอยู่แล้ว ยิ่งหนัง The Fabelmans ที่เขาหยิบเรื่องราวของตัวเองและครอบครัวมาเล่า เรื่องนี้ ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ไปมากถึง 7 รางวัล รวมถึงในสาขาใหญ่ Best Picture และ Best Director ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการการันตีความน่าดูของผลงานสุดพิเศษนี้ยิ่งขึ้นไปอีก และสำหรับเราที่ได้ดูรอบปฐมทัศน์ที่ โรงศาลาศีนิมา หอภาพยนตร์ จ.นครปฐม มาแล้ว บอกได้ตรงนี้เลยว่า นี่คือเรื่องราวส่วนตัวที่เป็นสามัญและสาธารณะที่สุด ซึ่งเราเชื่อว่านักสร้างสรรค์ คนรักศิลปะ และคนมีฝันทุกคน จะต้องมีน้ำตารื้นหรือเสียน้ำตาอย่างจริงจังให้หนังเรื่องนี้กันบ้างล่ะ

The Fabelmans เล่าเรื่องราวของครอบครัว เฟเบิลแมน โดยอิงเรื่องจริงของสปีลเบิร์กเอง ที่การดูหนังกับครอบครัวตอนเด็ก ๆ เปิดจินตนาการให้เขาได้ลองคิดลองทำหนังของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้คนดูไม่เพียงจะได้สำรวจการเติบโตในฐานะว่าที่ศิลปินของเขาเท่านั้น แต่ยังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายคนหนึ่งกับสมาชิกในครอบครัวที่นิสัยหลากหลายและแตกต่าง ส่วนนี้เองที่ส่งเสริมให้เขาเป็นผู้กำกับระดับตำนานอย่างทุกวันนี้ได้



นอกจากนั้น เรายังจะได้เห็นบรรยากาศชีวิตวัยเรียนของเขาที่แฟน ๆ ไม่น่าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งสภาพแวดล้อม บริบทความเป็นยิวในสังคมที่แทบไม่มีครอบครัวยิวอาศัยอยู่ และการข่มเหงรังแกของเพื่อนนักเรียน ซึ่งรายละเอียดเล็กน้อยต่าง ๆ เหล่านี้ ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญในหนังหลายเรื่องของสปีลเบิร์กในเวลาต่อมา จุดนี้ cinephile ทั้งหลายต้องกรี๊ดกับ easter egg ที่ว่านี้แน่ ๆ


"ศิลปะจะทำให้เธอเจ็บปวด" บทพูดเหนือจริงที่แสนจับใจในเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าชิ้นงานศิลปะหนึ่ง ๆ จะลุกขึ้นมาโบยตีเราแต่อย่างใด แต่หมายถึงการจะผลิตแต่ละชิ้นงานได้นั้นต้องอาศัยพลังใจพลังกายอย่างมาก และสำหรับผู้สร้างสรรค์งานจำนวนไม่น้อย ต้นทุนด้านอุปกรณ์ การสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้าง รวมถึงความคาดหวังต่อตัวเองและการตั้งเป้าจะหาเลี้ยงตัวเองให้รอด ล้วนแต่เป็นอุปสรรคได้ทั้งนั้น และการจะก้าวข้ามทุกสิ่งที่ขวางหน้าอยู่ระหว่างทางนั้น ช่างเจ็บปวด
ทั้งนี้ทั้งนั้น หนังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องราวของคนอมทุกข์หรือศิลปินตกยากหรืออะไรหรอกนะ แต่มันเป็นเรื่องราวการเติบโตที่แม้ว่าคนคนหนึ่งจะล้มลุกคลุกคลานและมีรอยฟกช้ำตามตัวบ้าง แต่ชีวิตของเขาก็แสนจะอิ่มเอม เป็นภาพชีวิตที่ทั้งเต็มเติมหัวใจ ทั้งของผู้สร้างสรรค์อย่างตัวสปีลเบิร์กเอง และของคนดูอย่างพวกเราด้วย เตือนไว้ก่อนว่าความยาวหนังอยู่ที่ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ก็ต้องบอกด้วยว่ามันช่างคุ้มค่าทุกนาทีจริง ๆ
The Fabelmans เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 2 ก.พ.