1.Horrible Bosses
Rating: คะแนนอยู่ที่ 6.9/10 คะแนน นับว่าน่าดูเลยทีเดียว
อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนได้ดี มีทั้งฉากฮาให้เราได้ขยับขากรรไกร และฉากซึ้งๆ ที่ให้เราอินไปพร้อมกับนักแสดงเจ้าบทบาทมากมาย เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์วัยทำงานสามคน (รับบทโดย Jason Bateman, Charlie Day และ Jason Sudeikis) ที่ต้องการจะต่อกรกับนายจ้างสุดเหี้ยมที่ชอบเอาเปรียบเป็นชีวิตจิตใจ (Kevin Spacey, Jennifer Aniston และ Colin Farrell) และจากประเด็นนี้ความสนุกสุดฮาก็ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ทั้งสามได้รวมหัวกันวางแผนแก้เผ็ดคุณบอสกันเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นต้องไปขอคำปรึกษาจากอาชญากรเลยทีเดียว เราไม่แนะนำให้ไปทำตามในชีวิตจริงหรอกนะ แต่ดูเอาฮาสบายๆ เป็นพอ

2. Devil Wears Prada
Rating: สำหรับหนังดูสบายๆ เรื่องนี้ได้คะแนนไป 6.8/10 คะแนน
หนังน้ำดีจากปี 2006 ที่สาวๆ ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ สำหรับ ‘Devil Wears Prada’ โดยเรื่องนี้นำทัพมาโดย Anne Hathaway และ Meryl Streep เรื่องราวเกี่ยวกับสาวจบใหม่ที่ต้องการจะวิ่งตามฝันในการเป็นนักเขียนบทความที่จริงจัง แต่สุดท้ายแล้วดันลงเอยมาเป็นผู้ช่วยบก.ประจำนิตยสาร Runway ซะอย่างนั้น แถมยัยบก. คนนี้ก็คือ Devil ตัวจริง เพราะเธอทั้งเอาแต่ใจ เผด็จการ ไม่ฟังใครและจู้จี้จุกจิกเสียจนผู้ช่วยสาวหนาวใจไปหมด แต่ว่าภายใต้ความเป็น Devil ของเธอนั้นกลับมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ที่คนภายนอกมองไม่เห็น ซึ่งหนังก็แฝงปมตรงนี้เอาไว้ได้ดีเชียวล่ะ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเคยดูแล้ว แต่ถ้ายังล่ะก็ รีบโหลดมาดูด่วน! 

3. Up in the Air
Rating: เรื่องนี้ทำคะแนนได้ถึง 7.4/10 และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขา
งานนี้เป็นฝีมือการแสดงของพระเอกรุ่นเก๋าอย่าง George Clooney ที่มารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการลดจำนวนพนักงานองค์กร และงานนี้ก็ทำให้เขาต้องบินลัดฟ้าไปมาแทบทั้งปีเพื่อที่จะไปเจรจากับบรรดาคนที่กำลังจะตกงานพวกนั้น ซึ่งเขาเองก็รู้สึกดีกับงานจนกระทั่งมีความรักเข้ามาทักทายหัวใจทำให้ผู้ชายบ้างานคนนี้ต้องทบทวนกระบวนการชีวิตใหม่อีกครั้ง เรียกได้ว่าความรักนี่สามารถเปลี่ยนโลกทั้งใบของใครสักคนได้จริงๆ Life's better with company... everybody needs a co-pilot นะ
4. Office Space
Rating: 7.8/10 แบบสวยๆ
เรื่องนี้อาจจะเก่าสักหน่อยเพราะเป็นหนังตั้งแต่ปี 1999 แต่แน่นอนว่าเรื่องราวสำหรับพนักงานออฟฟิศก็ยังคงตรงกับชีวิตปัจจุบันของพวกเราหลายคนอยู่ดี สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดาราน้ำดีอย่าง Ron Livingston มารับบทนำชูโรง เรื่องราวเกี่ยวข้องกับพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งที่เกลียดงานที่ตัวเองทำแบบชนิดที่ว่าเข้ากระดูกดำ แต่เขาก็ยังทนทำงานอยู่อย่างนั้น เขาจึงได้ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตอย่างสุดขั้ว อาจจะฟังดูซีเรียสนะ แต่รับรองว่าเรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้อย่างเเน่นอน ถ้าเบื่อกับงานตัวเองก็ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ซะ ไม่ผิดหวังหรอกนาย

5. The Pursuit of Happyness
Rating: 8/10 เลยนะจะบอกให้
‘เพราะชีวิตไม่มีคำว่าสิ้นหวัง’ คงเป็นประโยคที่อธิบายเรื่องราวของคุณพ่อลูกหนึ่งในเรื่อง The Pursuit of Happyness ได้เป็นอย่างดี รับบทโดยพ่อลูกจากชีวิตจริงอย่าง Will และ Jaden Smith เรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาใส่ทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นโดนไล่ออกจากอพาร์ทเมนท์ ตกงาน และไม่มีแม้แต่เงินจะประทังชีวิต แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวความยากลำบากก็ค่อยๆ ผ่านพ้นไปเมื่อทั้งคู่ไม่รู้จักคำว่าถอย นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังน่าประทับใจอย่างมาก ใครที่รู้สึกกำลังสิ้นหวังกับชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ก็ไปดูซะนะ

6. The Intern
Rating: 7.2/10 เป็นอีกเรื่องที่ดีเกินคาดจริงๆ
เรื่องราวของคุณปู่รุ่นเก๋า (Robert De Niro) ที่เข้ามาเป็นพนักงานฝึกหัดในบริษัทซื้อขายเสื้อผ้าออนไลน์ของเจ้านายคนสวย (Anne Hathaway) ซึ่งหนังก็ผสานความแตกต่างของพนักงานออฟฟิศยุคเก่าและยุคใหม่เอาไว้อย่างลงตัว มันทำให้เห็นชัดเลยว่าต่อให้เราจะเก่งแค่ไหนสุดท้ายแล้วเราก็ต้องการใครสักคนที่พึ่งได้จริงๆ อยู่ดี เหมือนที่เจ้านายสาวสุดมั่นคนนี้ก็ยังต้องขอคำปรึกษาจากคุณปู่เก๋าประสบการณ์ยังไงล่ะ เคมีของทั้งสองนั้นดีงามมาก จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดนใจหลายคนอย่างไม่นาเชื่อ สาวเก่งทุกคนต้องไปดูนะ

7. Morning Glory
Rating: 6.5/10 กำลังดีทีเดียวสำหรับหนังดูเพลินๆ เรื่องนี้
เป็นเหมือนกันทุกประเทศที่ส่วนมากคนเราจะเปิดทีวีในตอนเช้าเพื่อฟังข่าวรับวันใหม่ Morning Glory นั้นนำเสนอเรื่องราวของรายการข่าวที่ใช้ชื่อว่า ‘Day Break’ ที่กำลังประสบปัญหาเรตติ้งรายการตกลงอย่างร้ายแรง จากการทำงานแบบซังกะตายไปวันๆ ของเหล่าทีมงาน จึงถึงคิวออกโรงของ Rachel McAdams โปรดิวเซอร์ไฟแรงที่จะพลิกโฉมรายการนี้ให้กลับมาเจิดอีกครั้ง เรื่องราวความสนุกมันอยู่ที่ว่าเธอต้องการจะดึงนักข่าวรุ่นเก๋า (รับบทโดย Harrison Ford) ลงมารายงานข่าวให้กับเธอด้วย ถือว่าเป็นหนังที่ได้ดาราใหญ่มารับบทโดยยังคงความอินดี้ไว้หน่อยๆ แต่ที่สำคัญเราชอบที่หนังเรื่องนี้ทำให้ย้อนกลับมามองชีวิตการทำงานของตัวเอง ว่าทุกวันนี้เราทำงานมากไปหรือเปล่านะ? แล้วสิ่งที่สำคัญในชีวิตคืออะไร?

8. Spotlight
Rating: 8.1/10 เข้มข้นแบบนี้ควรค่ากับคะแนนสูงๆ แถมยังได้รางวัลหนังยอดเยี่ยมปีล่าสุดอีกด้วยล่ะ
มาถึงคราวของหนังแนวสอบสวนกันบ้าง เนื้อหาอาจจะค่อนข้างเครียดอยู่บ้างแต่ว่าแฝงความสนุกในแง่ของการแก้ปมต่างๆ ได้อย่างสวยงาม การจัดการกับประเด็นร้อนฉ่าที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงในปี 2001 เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศและการข่มขู่เด็กผู้ชายกว่า 80 รายในศาสนจักรคาธอลิค เรื่องราวนี้เป็นข้อครหามาสักพักแต่กลับไม่มีใครลุกขึ้นมาจัดการมันเสียที ทำให้บรรดานักหนังสือพิมพ์ที่นำทีมโดย Mark Ruffalo, Rachel McAdams และ Micheal Keaton ต้องมาเปิดโปงเรื่องนี้เสียเอง อาจจะดูไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนทั่วไปในอาชีพที่เราคุ้นเคย แต่ทำให้เราประทับในไปกับงานของนักข่าวขึ้นไปอีกเท่าตัว

9. The Help
หนังน่ารักไม่จำเป็นจะต้องออกมาในแนวกุ๊กกิ๊กเสมอไป The Help ก็เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่นำเสนอมุมมองในรูปแบบใหม่ของเด็กสาวจบใหม่ซึ่งรับบทโดย Emma Stone เธอมาที่รัฐมิสซิสซิปปีเพื่อที่จะสัมภาษณ์บรรดาสาวใช้และพี่เลี้ยงเด็กในละแวกนั้น ซึ่งทุกคนล้วนเป็นชาวผิวสีที่รับใช้ชาวอเมริกันผิวขาวกันทั้งหมด แต่ทว่าดูเหมือนจะปมบางอย่างที่ถูกปิดบังเอาไว้ และมีแค่เพียงอบิลีน (รับบทโดย Viola Davis) เท่านั้นที่ยอมปริปากให้ข้อมูลกับเธอ ทำให้กลับมามองเรืองการเรื่องเหยียดสีผิวในสมัยก่อน และการต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีขึ้น
10. Million Dollar Baby
Rating: 8.1/10 แถมพกออสการ์ไปอีก 4 รางวัล
หนังใหญ่ที่ได้รับรางวัลไปเหนาะๆ ถึง 4 ออสการ์และถูกเสนอเข้าชิงถึง 7 รายการ นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่ขยี้ใจคนดูได้ตั้งแต่วินาทีแรกยันฉากสุดท้าย เรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางความฝันของนักชกหญิงและครูมวยรุ่นเก๋าผู้แก่ประสบการณ์ ที่มิตรภาพของทั้งสองกลับกลายมาเป็นปมในภายหลังจนได้ แน่นอนว่าเส้นทางความฝันมันไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้กลับมาคิดเรื่องสิ่งที่สำคัญที่สุดของการดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์คนหนึ่งนะ อยากรู้ว่าดีงามขนาดไหนต้องไปดูซะ!
