




เราชอบที่ภายในคอมมูนิตี้เป็นลักษณะกึ่งโอเพ่นแอร์แต่มีหลังคาอยู่เราจึงสามารถนั่งด้านหน้าร้านอาหารได้โดยไม่ต้องกลัวฝนไป ภายในโครงการยังมีร้านอาหารหลากหลายเชื้อชาติให้เลือก อาทิ ซูชิบาร์และปิ้งย่างที่ In The Middle by Kaizen, ร้านซูชิบาร์ Sukina Sushi และ Yakizen ร้านอิซากายะ น่ารักๆ สำหรับคนที่อยากมานั่งร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังมีร้านดังอย่างชาบูนางใน และไอศครีมหม้อไฟยศเสที่มาเปิดสาขาถึงนี่เลยนะ เรียกได้ว่าไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ถ้ากลัวไม่อิ่มก็สามารถลองอาหารเกาหลีบุฟเฟต์ได้ที่ร้าน Jimdak ในราคา 359 บาท/คนนะ



เราเชื่อว่าหลายคนถูกใจกับเสน่ห์ในวันเก่าของความเป็น analog เราเลยอยากแนะนำให้รู้จักกับ Ansel & Elliott ซึ่งเป็นคาเฟ่ไซส์จิ๋วหนึ่งห้องเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุทธิสารวินิจฉัย ภายในร้านมีการตกแต่งสไตล์มินิมอลประกอบไปด้วยภาพถ่ายขาวดำ และแผ่นเสียง เต็มไปด้วยความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง เหมือนไปนั่งชิลในห้องนั่งเล่นบ้านเพื่อนมากกว่า มีบริการเครืองดื่ม กาแฟ และของหวานง่ายๆ สำหรับไปนั่งพักผ่อนในวันที่วุ่นวาย

ส่วนเมนูกาแฟของทางร้านจะใช้เมล็ดกาแฟจากเชียงใหม่ (Pacamara - เริ่มต้นที่ 50 บาท) และเมนูชาไทยเบลนด์พิเศษ (60 บาท) เมนูของหวานของทางร้านจะเป็นเมนูโฮมเมดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเค้กชาไทยสุดนุ่ม (85 บาท) คุ็กกี้ (35-55 บาท) และบราวนี่ (55 บาท) ตอนนี้เพิ่งมีเมนูมัทฉะบราวนี่และมัทฉะลาเต้ด้วยนะ ถ้าไม่ชอบกาแฟก็ไปลองดูได้ ถ่ายรูปสวย และน่าหม่ำอีกด้วย จะไปนั่งเล่นอ่านนิตยสารเกียวกับการถ่ายภาพทั้งวันก็ไม่ผิด



อาจจะฟังดูเหมือนคาเฟ่ทั่วไป แต่ส่วนที่เป็นจุดเด่นของร้าน คือ บริเวณสวนขนาดใหญ่ด้านนอก ซึ่งมักจะเป็นที่จัดอีเวนต์อยู่เป็นประจำ เช่น ตลาดนัดธรรมชาติ ตลาดผักผลไม้ออร์แกนิกที่คงคอนเซ็ปต์จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ยังมีของเครื่องใช้จุกจิกและเวิร์กช็อปมัดย้อมอยู่เป็นบางครั้ง งานนี้จัดขึ้นทุกต้นเดือนนะ


วินาทีที่เหยียบเข้าไปในร้านจะได้ยินเสียงเพลงที่เปิดจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตั้งอยู่ภายในร้าน อย่าตกใจไปนะเพราะว่าพอเดินเข้าไปจะเจอกับคอลเลคชันแผ่นเสียงที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งมือหนึ่งและมือสอง แผ่นเสียงเพลงไทยเก่ายุคดึกดำบรรพ์ และแผ่นนำเข้าจากต่างประเทศ เรียกว่ามีครบทุกแนวดนตรีเลยทีเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 400 บาทสำหรับแผ่นมือสอง

ครั้งที่แล้วที่เราไปเยี่ยมเยียนทางร้านเราสังเกตเห็นทั้งแผ่นเพลงไทยจากค่ายเบเกอรี่ และ GMM จนกระทั่งไปถึง Amy Winehouse, Radiohead, Pink Floyd และแผ่นเพลงแจ๊ส (Norah Jones ก็มี!) แนะนำให้ใช้เวลาเดินหาแผ่นไปเรื่อยๆ นะ อาจจะเจออะไรดีๆ เข้าก็ได้

ร้านเพิ่งย้ายเข้าไปในซอยประดิพัทธ์ 19 และร้านมีแผนจะนำเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาขายเพิ่มขึ้นมาด้วยนะ
ซอยประดิพัทธ์ 19โทร. 086-666-8768 เวลาทำการ ทุกวัน 10:30-22:00น.

ย่านสะพานควายก็มีแกลเลอรี่แล้วนะรู้หรือเปล่า! เดินต่อมาถึงถนนพหลโยธินใกล้ๆ กับสี่แยกสะพานควายจะเจอกับ Buffalo Bridge Gallery ซึ่งส่วนหนึ่งเป็น co-working space (ที่ใช้ชื่อว่า Inn Office) โดยเพิ่งเปิดตัวงานนิทรรศการแรกไปเมื่อต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ภายในอาคารนั้นประกอบไปด้วย 5 ชั้น แบ่งออกเป็นบริเวณโต๊ะทำงาน ห้องประชุมส่วนตัว รวมไปถึงบริเวณจัดเวิร์กช็อปด้วย ซึ่งทางสเปซจะจัดขึ้นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเวิร์กช็อปถ่ายภาพ หรือเป็นการจัดเสวนา

ส่วนชั้นบนจะเป็นสเปซดิบๆ ล้อมรอบไปด้วผนังขาวที่สามารถรองรับการจัดนิทรรศการได้หลายประเภท โดยทางแกลเลอรี่ตั้งใจเปิดขึ้นมาเพื่อให้พวกเราได้สามารถเข้าถึงผลงานของศิลปินไทยที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้นนั่นเอง แอบได้ยินมาด้วยว่าช่วงวันเปิดนิทรรศการทางแกลเลอรี่จะเปิดชั้นดาดฟ้าพร้อมจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้วิวติดกับสถานีรถไฟฟ้าเลยนะจะบอกให้


490/5 ถนนพหลโยธิน โทร. 02-616-6669 เวลาทำการ ทุกวัน 9:00-20:00น.



หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าลึกเข้าไปในซอยประดิพัทธ์ 6 นั้นยังมีร้านอาหาร-บาร์ขนาดย่อมซ่อนอยู่ในซอย อาจจะคุ้นชื่อกันมาตั้งแต่สมัยที่ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ภายในร้านมีผนังเป็นสีเขียวอ่อน มีการตกแต่งด้วยของสะสมจุกจิกของเจ้าของร้าน

เมนูอาหารอาจจะไม่ได้ยาวเฟื้อยมากมาย แต่ขอบอกว่าเมนู signature เบอร์เกอร์ของที่นี่เด็ดมากต้องห้ามพลาด (อย่างที่เราเคยเล่าให้ฟังไปแล้วในบทความนี้) แถมราคายังเป็นมิตรมาก (ตั้งแต่ 145-250 บาทเท่านั้น) นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารคอมฟอร์ทฟู้ดอย่างฟิชแอนด์ชิพส์ด้วย แนะนำให้สั่งเฟรนช์ฟรายส์และซอสทาร์ทาร์โฮมเมด (70 บาท) มาทานคู่กัน พร้อมกับเบียร์อีกซักขวดด้วยนะ มีให้เลือกระหว่างเบียร์ลาว, Heineken, Leo หรือถ้าสนใจค็อกเทลมากกว่าก็ลองคุยกับพี่ดาวท์ที่ดูแลบาร์อยู่ได้เลย ราคาประมาณ 180 บาทจ้า บรรยากาศเป็นกันเองมากสามารถรีเควสเปิดเพลงได้นะ


ดึกแล้วถ้าไม่อยากไปไหนไกล เราแนะนำให้ไปลองดื่มคราฟต์เบียร์ที่ Brewix ร้านขนาดหนึ่งห้องแถวที่เต็มไปด้วยเบียร์นำเข้าและคราฟต์เบียร์ที่ทางร้านได้คัดเลือกมา การันตีว่าทุกคืนจะมีเบียร์สด 6 ประเภท ซึ่งจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ อาทิ Brewdog Punk IPA, Guinness ในราคา 250 บาททุกแก้ว นอกจากนี้ยังมีไซเดอร์สดของ Brothers Cider ด้วยนะสำหรับสาวๆ ที่ชอบเครื่องดื่มรสหวานมากว่า

ถ้าไม่มั่นใจว่าชอบแบบไหน ทางร้านมีบริเวณ Tasting Test ให้เราสามารถลองจิบเบียร์จากแท็ปได้ทุกประเภทก่อนจะตัดสินใจสั่งเลยแหละ ส่วนเบียร์ขวดราคาเริ่มต้นที่ 180-500 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทและความหายากของเบียร์นำเข้า เมนูอาหารจะเป็นประเภทกับแกล้มโฮมเมด ภายในร้านเปปิดไฟสลัวๆ เหมาะกับหลบฝูงชนที่วุ่นวายบนถนนข้างนอก

เปิดมุมมองใหม่ของการใช้ชีวิตที่ เดอะ ไลน์ พหล-ประดิพัทธ์ เพียบพร้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์กลางเมืองที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งชิลหรือร้านอร่อย ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งสะดวกสบาย เพียบพร้อมด้วยการเดินทางที่หลากหลาย ทั้ง BTS สะพานควาย MRT จตุจักร และทางด่วนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมทำให้เชื่อมต่อทุกความต้องการของชีวิตเมืองได้ไม่รู้จบ เข้าไปเปิดมุมมองไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ได้ที่ www.sansiri.com/condominium/theline-phahon-pradipat/th


