Blue Whale การเติบโตของเจ้าวาฬสีฟ้า จากคาเฟ่สุดคอมฟอร์ต สู่ร้านกินดื่มที่พิถีพิถันที่สุดในย่านท่าเตียน

เมื่อหลายปีก่อน ชาวกรุงเทพมหานครและคนโลคอลในย่านกรุงเก่าแถวโซนท่าเตียน ได้รับการแนะนำตัวให้รู้จักกับเจ้าวาฬสีฟ้า หรือ Blue Whale Cafe ของ เบส อคพจน์ ธีรพงษกร บาริสต้ามากประสบการณ์ที่นำเสนอเครื่องดื่มสีฟ้าอันเป็นไฮไลต์ของร้าน Blue Whale ออกสู่สายตาประชาชน และพาคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นสู่หนึ่งในร้านยอดฮิตที่ใครมาท่าเตียนก็ต้องแวะ หรือแม้กระทั่ง สำหรับใครก็ตามที่อยากทดลองดื่มเจ้า Butterfly Pea Latte ก็ต้องดั้นด้นมาที่นี่เท่านั้น

 

 

 

หลังจากปิดพักผ่อนไปในช่วงโควิด เราเซอร์ไพรส์มาก ๆ กับการกลับมาครั้งนี้ เพราะคัมแบ็กสเตจของ Blue Whale Cafe ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Blue Whale Local Eatery ไม่ใช่แค่เปิดประตูหน้าร้านบานเก่าและเสิร์ฟลาเต้อัญชันกับเมนูอาหารเช้าสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดเท่านั้น แต่เขาประกาศคัมแบ็กพร้อมประตูหน้าร้านบานเดิม แต่เพิ่มเติมคือโทนสีของร้านที่เปลี่ยนไปจากสีฟ้าล้วนกลายเป็นสีขาวที่ดูมินิมอลมากขึ้น รวมถึงลิสต์เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ยกระดับความจริงจังและพิถีพิถันขึ้นกว่าเดิมอีก 100 เลเวล!

 

 

ผนังเกล็ดปลาวาฬไล่เฉดตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีน้ำเงินที่ทอดตัวยาวลงมาตั้งแต่ชั้น 3 จนถึงชั้นล่าง ยังเป็นการตกแต่งเดียวที่ถูกเก็บไว้เพื่อคงกลิ่นอายความเป็น Blue Whale ฉบับดั้งเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือพื้นที่เคาน์เตอร์บาร์ชั้นล่างที่ถูกปรับให้แขกสามารถนั่งแลกเปลี่ยนบทสนทนากับเจ้าของร้านที่ยืนง่วนทำเมนูต่าง ๆ อยู่หลังบาร์ได้แบบใกล้ชิดติดขอบ ชั้น 2 ถูกแทนที่ด้วยมู้ดเป็นส่วนตัวของโต๊ะทานอาหารไซซ์ใหญ่ และโต๊ะกินข้าว (หรือใครจะมาใช้ประชุมงานก็ได้เหมือนกัน) ขนาดยักษ์บนชั้น 3 เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่จริงจังมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และแน่นอนว่าโต๊ะขนาดใหญ่ที่เพิ่มเติมมานี้ ตอบโจทย์จานอาหารไซซ์ใหญ่ที่ร้านนี้เสิร์ฟได้เป็นอย่างดี

 

 

 

จาก All Day Breakfast ง่าย ๆ อย่างแพนเค้ก ใครที่มาเยือน Blue Whale Local Eatery อาจต้องเตรียมพื้นที่ว่างในกระเพาะอาหารมาเยอะกว่าเดิมอีกหน่อย เพราะครั้งนี้เขาอัปเกรดจากจานอาหารเช้าธรรมดา มาสู่จานหลักที่จริงจังในทุกอณู ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกสรรวัตถุดิบหลากหลายที่มา พร้อมกับการพิถีพิถันปรุงแต่งรสชาติและหน้าตาจานอาหารให้อลังการงานสร้างแบบที่ใครสั่งแล้วไม่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ต้องใจแข็งมาก ๆ 

 

อย่าง Lavender Salad (320 บาท) จานนี้ที่เหมือนเป็นซิกเนเจอร์สลัดของร้าน มีทีเด็ดอยู่ที่ยอดสดของต้นลาเวนเดอร์ที่ทำให้สลัดจานนี้แฝงกลิ่นฟลอรัลโน้ตอยู่ เข้ากันดีกับน้ำสลัดยูซุเดรสซิ่งทำเองรสเปรี้ยวหวาน และอีกจานพิเศษอย่าง Duck & Bun (430 บาท) เป็ดรมควันที่นำไปชโลมด้วยน้ำส้มสายชูและมัสตาร์ด ให้ฟีลเหมือนกินเป็ดปักกิ่งพร้อมตัดเลี่ยนด้วยหมั่นโถวทำเองสุดฟินนาเล่

 

 

ต่อกันที่จานหลักไฮไลต์อย่าง Koji Pork Chop (560 บาท) พอร์กชอปที่นำไปหมักกับชิโอะโคจิ (ข้าวหมักเกลือ) ราดด้วยซอสสาเกที่ดัดแปลงมาจากซอสไวน์แดงแบบธรรมดา แถมด้วย Puree ดอกกะหล่ำรสติดหวานที่ทำให้จานหลักจานนี้อิ่มจุกจนแทบคลานออกจากร้าน!

 

 

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มแสนเก๋อย่าง Shiso Pink Lemonade (180 บาท) น้ำมะนาวที่เป็นมากกว่าน้ำมะนาว ด้วยการเติมความแปลกใหม่ของใบชิโสะลงไป พร้อมด้วยส่วนผสมของทับทิม บีตรูต ใบเตย อบเชย และพริก! เอาเป็นว่าแค่ส่วนผสมกว่าจะมาเป็นแก้วนี้ก็คุ้มค่าที่จะนั่งรถไปชิมถึงท่าเตียนเลยทีเดียว

 

Soimilk Says: ต้องขอยกให้การกลับมาครั้งนี้ของ Blue Whale ไม่ใช่แค่การรีโนเวตร้านธรรมดา แต่เป็นการยกระดับไปสู่อีกขึ้นของร้านอาหารที่ถึงแม้สเปซจะเล็กแค่ไหน แต่ทั้งเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่เสิร์ฟออกมาคือจัดเต็มเกินเบอร์ไปมาก ๆ บวกคะแนนให้กับความคิดสร้างสรรค์ในการจับนู่นผสมนี่ มีกลิ่นอายแบบบาร์ญี่ปุ่นนิด ๆ บิสโทรแบบอังกฤษหน่อย ๆ และยังคงความสโลว์ไลฟ์ของย่านท่าเตียนไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม