Skip to main content

Laliart Coffee การกลับมาของความอบอุ่นใจแห่งอารีย์ ให้เราได้ละเลียดกาแฟและขนมเค้กวีแกนกันอีกครั้ง

โลเคชันใหม่ใหญ่กว่าเดิม 10 เท่า!

Laliart Coffee การกลับมาของความอบอุ่นใจแห่งอารีย์ ให้เราได้ละเลียดกาแฟและขนมเค้กวีแกนกันอีกครั้ง
March 31, 2021 Bangkok time
ความแปลกอย่างหนึ่งของ Laliart Coffee ในโลเคชันใหม่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมุดร้านเดิมในละแวกอารีย์มากนัก คือกลิ่นอายของมวลความอบอุ่นที่แทบจะจับต้องได้ และกลิ่นความหลงใหลในวิถีการชงกาแฟของ พี่ต้น-เอกกมล ธีปฏิกานนท์ ที่หอมฟุ้งไปทั่วพื้นที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ จนเราแทบจะสูดเข้าจมูกเป็นกลิ่นแบบรูปธรรมได้พอ ๆ กับกลิ่นคั่วกาแฟหอม ๆ จากฝีมือพี่ต้นเลยทีเดียว 
 
และถ้ากลิ่นแรกของ Laliart Coffee เป็นกลิ่นกาแฟ กลิ่นหอมเตะจมูกอีกกลิ่นที่ตามมาติด ๆ ก็เห็นจะเป็นกลิ่นเบเกอรีอบใหม่ขวัญใจสายวีแกนจากฝีมือพี่ปุ๋ม-นวลวรรณ สุพฤฒิพานิชย์ ที่ร่วมกันปั้นร้านนี้มาด้วยกันตั้งแต่วันแรก จนทั้งกาแฟและเบเกอรีร้านนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่แยกกันไม่ขาด ซึ่งรวมกันจนเป็นชื่อร้านฉบับเต็มอย่าง Lilou & Laliart Coffee ที่ชาวอารีย์คุ้นหู คุ้นตา และสนิทใจกับแบรนด์นี้มาอย่างยาวนาน
 
 
 
เราชอบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบหลวม ๆ เพื่อให้บรรยากาศภายในบ้านเก่าอายุร่วม 60 กว่าปีหลังนี้ดูไม่อึดอัดเหมือนร้านกาแฟสายคอมเมอร์เชียลร้านอื่น ๆ ราวกับทำร้านขึ้นมาเพื่อให้เหล่าผู้คนได้รู้สึกเหมือนนั่งกินกาแฟอยู่ในบ้านตัวเองจริง ๆ บวกรวมกับการรีโนเวตชั้นล่างของตัวบ้านใหม่ทั้งหมดในสไตล์ประยุกต์จับนู่นผสมนี่ที่พี่ต้นเรียกการใช้เวลากว่า 1 ปี รีโนเวตบ้านหลังนี้ว่าเป็น 'การรีโนเวตแบบบ้าน ๆ' ที่ยังคงบ้านให้เป็น 'บ้าน' ไม่ใช่กลายเป็นร้านกาแฟดาษดื่นทั่วไป โดยเลือกที่จะเว้นการเก็บรายละเอียดในบางส่วนให้ไม่ต้องเรียบกริบ กล้าที่จะเปิดเผยโครงสร้างหลักของตัวบ้านที่เป็นปูนและไม้เก่า เพื่อให้วัสดุได้โชว์ความงามในแบบฉบับของมัน
 
ที่ถูกใจเราสุด ๆ เห็นจะเป็นการเลือกใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติได้อย่างลงตัวตามสัดส่วนของแต่ละมุม โดยใช้องศาของทิศทางแสงที่พอเหมาะพอเจาะกับแต่ละช่วงเวลา เลยไม่แปลกที่ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนของบ้านนี้ เราก็สามารถละเลียดความสุขผ่านแก้วกาแฟและขนมตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ เพราะมีตัวช่วยคือมุมแสงที่ดีนั่นเอง!
 
 
อีกอย่างที่ฟีลกู๊ดมาก ๆ คือเคาน์เตอร์บาร์ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้ใจกลางตัวร้าน เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถแวะเวียนมายืนด้อม ๆ มอง ๆ เค้กที่วางโชว์อยู่ได้อย่างไม่ต้องเคอะเขินว่าจะขวางทางคนอื่น หรือจะเลือกเดินไปสั่งกาแฟเอสเพรสโซ่ที่พี่ต้นคั่วเมล็ดเองที่หลังร้านได้ โดยมีให้เลือกตั้งแต่คลาสสิกเมนูฝั่งเอสเพรสโซ่บาร์ (80 - 90 บาท) ไปจนถึงแก้วซิกเนเจอร์ อาทิ Sea Salted Mocha (140 บาท) Yuzugano (120 บาท) และ Dirty Mood (150 บาท) ที่แฝงกลิ่นเปรี้ยวสไตล์ผลไม้ ไม่เหมือนเดอร์ตี้ร้านอื่นที่มักจะออกโทนคาราเมลให้เราได้เซอร์ไพรส์เล่น ๆ
 
 
ส่วนอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ก็มีไว้สำหรับสายสโลว์ไลฟ์ ที่อยากละเลียดกาแฟไปพร้อม ๆ กับนั่งแลกเปลี่ยนสนทนากับบาริสต้าที่ยืนดริปกาแฟเมล็ดคัดพิเศษแบบไม่รีบร้อน สำหรับเราแล้ว นี่ถือเป็นการวางผังร้านได้น่าสนใจมาก ๆ เพราะเจ้าเคาน์เตอร์นี้เปรียบเสมือนหัวใจหลักของร้าน ที่ไม่ใช่แค่เชื่อมทั้งประตูทางเข้าทั้งสองฝั่งและโซนที่นั่งด้านในเท่านั้น แต่ยังเชื่อมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนให้ไม่เคอะเขินด้วยทรงเคาน์เตอร์บาร์เตี้ย ๆ ที่ให้ความรู้สึกโอเพ่นแบบไม่มีอะไรมาปิดกั้น
 
 
 
นอกจากกาแฟแก้วซิกเนเจอร์ที่พี่ต้นรังสรรค์ขึ้นมาให้ผู้คนได้ลิ้มรสแพชชันในกาแฟของตัวเองแล้ว อีกหนึ่งความแพชชันของร้านนี้คือเหล่าเบเกอรีอบใหม่ทุกวันที่เป็นไฮไลต์สำคัญพอ ๆ กับกาแฟ ซึ่งก็จะแรนด้อมไปบ้างในแต่ละวัน แต่ก็มักจะมีตัวหลัก ๆ วางขาย อาทิเช่น Carrot Cake (120 บาท) และเมนูพิเศษสำหรับสายรักสุขภาพโดยเฉพาะอย่าง Vegan BaCOFFEE (220 บาท) ขนมวีแกนที่ไม่ใช่แค่บานอฟฟี่ธรรมดา แต่นักอบขนมประจำร้านอย่างพี่ปุ๋มตั้งชื่อมันว่า 'บาคอฟฟี่' จากการนำเมล็ดกาแฟดอยแม่แจ่มที่ร้านคั่วเองมาเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อความขมอันเป็นเอกลักษณ์ให้ขนมหวานตัวนี้ รวมถึง Laliart Tiramisu (220 บาท) ทีรามิสุเต้าหู้ที่มีให้เลือก 2 แบบ คือแบบที่ผสมเมล็ดกาแฟเข้ม ๆ จากแม่แจ่ม และแบบรสชาติอ่อนแสนละมุนด้วยเมล็ดโกฮาคีจากแม่ฮ่องสอน
 
 
 
Soimilk Says: ถือเป็นการรอคอยกว่า 1 ปี ที่นักดื่มกาแฟชาวอารีย์รอคอยอย่างไม่เสียเปล่าจริง ๆ เพราะไม่ใช่แค่สเปซใหม่นี้จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า (แถมรอบนี้พี่ปุ๋มมีห้องอบขนมแยกเป็นของตัวเองแล้วด้วย!) แต่บ้านหลังนี้ยังคงตอบโจทย์เหล่าคาเฟ่ฮ็อปเปอร์ด้วยความละมุนในแทบจะทุกมุม เรียกว่านั่งตรงไหนก็สามารถสัมผัสความเป็น Laliart Coffee ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราขอยกให้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่เหมาะสำหรับสายสโลว์ไลฟ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในย่านอารีย์เลยทีเดียว! และคะแนนพิเศษสุดท้ายที่จะขอมอบให้ คือความเซอร์ไพรส์ในช่วง Soft Opening นี้ ที่ได้นักวาดภาพประกอบและอาร์ตติสต์คู่รักมาช่วยเติมเต็มบ้านหลังนี้ให้อบอุ่นหัวใจยิ่งกว่าเดิม ด้วยนิทรรศการศิลปะ Nature and Time ที่ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบง่ายตามมุมต่าง ๆ ของร้าน เอาเป็นว่าเราไม่ขอสปอยล์ แต่ขอให้ทุกคนรีบพุ่งตัวตามไปละเลียดความฟีลกู๊ดนี้กันเองดีกว่า
 
Laliart Coffee ซ.อารีย์สัมพันธ์ 10 เวลาทำการ ทุกวัน 10:00 - 17:00 น. โทร. 081-556-9745 BTS อารีย์ (แล้วต่อพี่วินหรือตุ๊กตุ๊ก) fb.com/Laliartcoffee