เข้ามาในซอยนิดนึงจะเจอกับบ้าน 2 ชั้นที่ผ่านการรีโนเวทใหม่กลายเป็นบาร์ในนาม Owl Society Whisky Saloon โดยได้ดีไซเนอร์จากลอนดอนมาดูแลเรื่องการออกแบบภายใน มีลักษณะอินดัสเตรียลเนี้ยบๆ ผสมกับการตกแต่งด้วยของวินเทจที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ดูจากชื่อร้านแล้วน่าจะเดาได้ว่าทางร้านเชี่ยวชาญเรื่องวิสกี้เป็นอย่างยิ่ง (มีให้เลือกกว่า 100 ขวดจากทั่วโลก)

 

แต่ถ้าชอบค็อกเทลก็ไม่มีปัญหา เพราะทางบาร์มีจินให้เลือกกว่า 30 ประเภท (ทุกวันพฤหัสบดีสาวๆ ดื่มจินได้แบบฟรีโฟลว์ตั้งแต่ 20:00-22:00น.) รวมทั้งยังมี signature รสชาติดีอย่าง The Great Grey (Johnnie Walker Black Label, Cynar, Port Cherry และ patron XO  cafe, 360 บาท) รสชาติเหมาะสำหรับคนรักกาแฟ นอกจากนี้ยังมีดริ๊งก์พิเศษที่เปลี่ยนไปทุกเดือนอีกด้วย

 

 

ไม่ต้องกลัวหิวไปเพราะทางร้านมีเมนูกับแกล้มที่หลากหลาย เน้นไปทางเมนูอาหารอิตาเลียน ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าบางกรอบ Thin Thin Bacon Truffle Egg (190 บาท) ทานแล้วทำให้นึกถึงสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ปีกไก่ (250 บาท) ขากบทอดขิงกับกระเทียม (400บาท) ส่วนจานหลักมีทั้งสเต็ก เบอร์เกอร์ และพาสต้า อีกข้อดีของร้านคือมีห้องส่วนไพรเวทสำหรับจัดปาร์ตี้ส่วนตัวอยู่ชั้นบน โดยมีค่าจอง 3,500 บาท (ไม่เกิน 10 คน) และ 5,000 บาท (30 คน)

 

 

ถ้ากำลังหาที่ใหม่ๆ ไปนั่งดริ๊งก์ก็ลองแวะไปแฮงค์เอาท์กับแก๊งค์เพื่อนหลังเลิกงานดู ทุกวันจันทร์-พุธมีโปรโมชั่น Drinks After Work (19:00-22:00น.) เครื่องดื่มจิน 1 แถม 1 แต่ถ้าไปวันพฤหัสบดี-เสาร์จะมีดนตรีแจ๊สและโซลให้ฟังกันด้วย

 

---

Teppen

 

 

 

แต่ถ้าชอบไปนั่งร้านญี่ปุ่นแท้ๆ มากกว่าก็แค่ต้องเดินเลยไปอีกนิด แล้วจะพบกับ Teppen ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเมเจอร์สุขุมวิท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ และภายในร้านยังคงบรรยากาศดั้งเดิมเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโตเกียวในยามค่ำคืน แสงไฟที่อบอุ่นด้านในและพนักงานที่เฟรนด์ลี่ในร้านยิ่งทำให้น่านั่งไปกว่าเดิม 

 

 

ถ้าอยากดูเหล่าเชฟแสดงฝีมือเราแนะนำให้ไปนั่งตรงบริเวณบาร์ ไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้เมนูของทอดสไตล์เกียวโตทั้งหลาย (kushiage) และข้าวหน้าไข่แซลมอน สั่งมาทานคู่กับเบียร์ Asahi เย็นๆ (160 บาท) หรือ ginger high ball (180 บาท) ซักแก้วก็ไม่ผิด หรือจะจัดเต็มกับสาเกซักขวด (1,500 บาท) เต็มๆ ไปเลยก็ได้ไม่ว่ากัน ของหวานของที่นี่ก็อร่อยนะจะบอกให้ ลองสั่งมาทานตบท้ายก่อนกลับบ้านได้ไม่เสียหาย

 

 

เวลามาที่นี่อาจจะไม่ได้ความรู้สึกดิบๆ เหมือน Imoya หรือ Teriyaki Bar Kelly’s แต่ด้วยคุณภาพอาหารและราคาที่สมเหตุสมผลในสไตล์อิซากายะ รวมทั้งบรรยากาศที่ดี เราว่าเป็นอีกที่ๆ น่าไปลองจ้า   

---

Quaint

 

 

ตรงเข้ามาในซอยแห่งนี้คงจะไม่คิดว่าจะมาเจอกับ Quaint แหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่สไตล์วินเทจย่านเอกมัย เดิมทีเคยเป็นอาคารเก่าที่ทางเจ้าของร้านได้รีโนเวทจนกลายเป็คาเฟ่สุดเรทโทร บรรยากาศดีขึ้นไปอีกด้วยไม้ประดับและของตกแต่งจุกจิกเก๋ๆ จึงไม่เป็นที่แปลกใจที่เรามักจะเห็นร้านนี้ลงนิตยสารอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังเป็นที่จัดเวิร์กช็อปงานคราฟต์อยู่เป็นประจำ

 

ส่วนเมนูอาหารของที่นี่มีตั้งแต่เคซาดีญ่า (260-320 บาท) และซุปล็อปสเตอร์ข้น (190 บาท) จนไปถึงแซลมอนรมควัน (260 บาท) และสปาเก็ตตี้ต้มยำ (280 บาท) สั่งมาทานคู่กับชาสมุนไพรเย็นๆ หรือกาแฟ (เริมต้นที่ 80 บาท) สมูทตี้และมิลค์เชค (180 บาท)   

 

 

ถ้าแวะไปที่ร้านเราแนะนำให้นั่งด้านนอก โดยเฉพาะวันอังคารเพราะจะได้จิบเครื่องดื่มโดยมิกโซโลจิสต์ประจำร้าน หรือทุกวันพุธโดยบาร์เทนเดอร์จากประเทศเยอรมัน ส่วนคอเบียร์ก็มีคราฟท์เบียร์ให้ดื่มกันคู่กับอาหารเผ็ดๆ เช่นกัน 

 

ลองเช็กเพจเรื่อยๆ จะได้ไม่พลาด Jazz Night ของที่ร้านนะ

 

---

Shugaa

 

 

คาเฟ่สีพาสเทลสบายตาแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอนโด The Residence@61 Shugaa เกิดจากการแท็กทีมของเจ้าของกิจการน้ำตาลยักษ์ใหญ่อย่าง Lin และเชฟขนมหวาน โบ๊ท วชิรวิชญ์ ก้องภพจิรภัฒน์ ที่มานำเสนอเค้กสไตล์ฝรั่งเศส ขนมหวาน เมนูอาหารเช้า และเครื่องดื่มให้เราได้มาลองชิมกัน

 

สเปซของที่นี่ได้ออกแบบโดยสตูดิโอสุดเจ๋ง party/space/design มีดีกรีรางวัลชนะเลิศจากงาน FAB Awards ครั้งที่ 18 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเชียวนะ ไม่ว่าจะเป็นผนัง โคมไฟ หรือบันไดใสๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลึกน้ำตาล รวมไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาก็ดูละมุนละไมเข้ากันไปหมด

 

 

 

สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบของหวาน เราอยากให้ลอง CrumpB’ (160 บาท) เค้กครีมวานิลลาเนื้อนุ่มสอดไส้ด้วยแอปเปิ้ลเคลือบคาราเมล ซินนามอน ครัมเบิ้ล และมีฐานเป็นคุกกี้รสเอิร์ลเกรย์ แต่ถ้าใครมาสายนิปปอนแล้วล่ะก็ ต้องลอง Shugaa (245 บาท) เค้กมัทฉะลาวาอุ่นๆ เข้ากันดีกับไอศกรีมมัทฉะโฮมเมด เราชอบเมนูนี้เป็นพิเศษเพราะมี Charcoal Crumble กรุบกรอบกับมูสเมลอนให้กินด้วยกัน

 

 

แต่ถ้าชอบอาหารคาวเราแนะนำเมนู Chaophraya (325 บาท) สปาเก็ตตี้ทะเลที่หน้าตาเหมือนคาโบนาร่า แต่จริงๆ แล้วออกรสแซ่บมันๆ ด้วยซอสเจ้าพระยาสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเอง อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มมาดับความเผ็ดกันด้วยล่ะ มีทั้งน้ำปั่นสีสวยอย่าง S.W.A.G (ผลแบล็คเคอร์แรนท์ โยเกิร์ต เลมอน นม ครัมเบิ้ล และชีสเค้ก, 165 บาท) หรือกาแฟก็ได้นะ (เริ่มต้น 70 บาท)

 

---