เสน่ห์ของบัตตาเลียนและมีดโกนที่ให้ความเนี้ยบเป๊ะทำให้ทรงผมลุควินเทจยังคงเป็นที่นิยมอยู่ไม่สร่าง เราโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้าไปใช้บริการบาร์เบอร์อายุอานามกว่า 20 ปีอย่าง Tew’s Barber สาขาสยามสแควร์ พร้อมพูดคุยกับคุณชุมพล สังข์วิเลิศ เจ้าของร้านรุ่นที่สองผู้สืบทอดกิจการมาจากคุณติ๋ว คุณแม่ของภรรยาผู้เป็นเจ้าของร้านรุ่นแรกและคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงบาร์เบอร์มาเกือบ 40 ปี
Tew’s Barber เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ยังพยายามคงบริการแบบยุคก่อนเอาไว้ โดยราคาค่าบริการสระเซ็ตด้วยปอมเมดอยู่ที่ 300 บาท และบริการตัดผมอยู่ที่ 500 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการ Hot Towel Shave (300-500 บาท) ซึ่งเป็นการโกนหนวดที่เหมาะกับผิวหน้า เพราะจะใช้ผ้าอุ่นๆ เปิดรูขุมขนก่อนจะโกนหนวดและตบท้ายด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์กับผ้าเย็น อีกทั้งยังมีบริการอื่นๆ เช่น แคะหู (300 บาท) และนวดเท้า (300 บาทต่อชั่วโมง)
เราได้ลองใช้บริการตัดผมและเซ็ตผมของทางร้าน ซึ่งที่นี่มีปอมเมดหลากหลายสัญชาติให้เลือกใช้ตามความชอบ ส่วนใหญ่ทางร้านจะนำเข้าปอมเมดแบบ water-based ซึ่งล้างออกง่ายกว่าแบบขี้ผึ้ง แต่ก็อยู่ทรงไม่แพ้กันนะ ส่วนตัวเราชอบ Urban Primate (450 บาท) ปอมเมดสัญชาติไทยเป็นพิเศษ ขอบอกว่ากลิ่นหอมมากแล้วก็อยู่ทรงด้วย หรือถ้าใครชอบของนอก เราแนะนำแบรนด์ดัทช์อย่าง Reuzel (700 บาท) หรือแบรนด์จากเมืองลุงแซมอย่าง JS Sloane
คุณชุมพลเจ้าของร้านบอกกับเราว่า เมื่อก่อนทางร้านมีบริการขัดรองเท้าด้วย แต่ด้วยเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนไป กระแสนิยมในรองเท้าหนังแผ่วลง คนหันมาใส่รองเท้าผ้าใบกันมากขึ้น ทางร้านจึงยกเลิกบริการนี้ไป โดยปรับเปลี่ยนเป็นบริการล้างแว่นตาแทน แต่บริการพิเศษที่ยังคงมีอยู่คือบริการทำเล็บ (เริ่มต้น 200 บาท) ซึ่งเป็นบริการที่บาร์เบอร์รุ่นก่อนต้องมี แต่ปัจจุบันนี้หาได้เฉพาะที่ Tew's Barber สาขาสยามสแควร์เท่านั้น
Tew's Barber สาขาเอกมัย
ห้องส่วนตัวที่สาขาสยามแสควร์ เก้าอี้ในรูปคือเก้าอี้ไฟฟ้าที่อยู่คู่กับร้านมานานแล้ว แต่สภาพยังดีเยี่ยมและใช้งานได้ตามปกติ
ห้องส่วนตัวที่สาขาเอกมัย
“เหตุผลที่เรายอมลดเก้าอี้ลง แล้วเก็บไพรเวทรูมไว้ เพราะผมต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้รับประสบการณ์เดียวกับรุ่นพ่อเขา ว่าเมื่อก่อนบาร์เบอร์มันเป็นแบบนี้นะ เข้ามาแล้วได้รับการปรนนิบัติยังไงบ้าง” - ชุมพล สังข์วิเลิศ
Soimilk Tip Tew's Barber มีห้องส่วนตัวสาขาละ 3 ห้อง ดังนั้นควรโทรจองก่อนไปจะได้ไม่เก้อ หรือต่อให้ไม่ใช่บริการห้องส่วนตัวก็ควรโทรจองล่วงหน้า 1-2 วันอยู่ดี เพราะช่าง 1 คนรับลูกค้าเพียง 6-7 คนต่อวันเท่านั้น
Did you know? แม้สมัยนี้ช่างตัดผมในบาร์เบอร์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่สมัยก่อนช่างส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง นอกจากนี้บาร์เบอร์เปรียบเสมือนเป็นโซเชียลคลับของสุภาพบุรุษที่มาแฮงค์เอาท์ พบปะกัน และอาจจะมีดื่มสังสรรค์นิดหน่อย อย่างที่ Tew's Baber สาขาสยามสแควร์ก็มีลูกค้าประจำระดับนายทหาร ตำรวจ และลูกคนมีสตางค์มานั่งสังสรรค์กันระหว่างรอไปงานเลี้ยงต่อในตอนเย็น
Soimilk Extra นอกจาก Tew's Barber ย่านสยามสแควร์ยังมีบาร์เบอร์เก่าแก่แห่งอื่นๆ อีก เราแนะนำสกาล่าบาร์เบอร์หรือเพชรสยามบาร์เบอร์ ร้านตัดผมชายที่เปิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ณ สยามสแควร์ซอย 1 บอกเลยว่าเก่าแก่ของจริง เพราะยังมีบริการนวดเท้าเหมือนเมื่อก่อน ถ้าใครกำลังมองหาร้านราคาประหยัด เราแนะนำให้ไป David No. 5 บาร์เบอร์ขนาดย่อมซึ่งคิดค่าบริการเพียง 250 บาท (ไม่มีบริการสระ) ราคาเอื้อมถึงได้ขนาดนี้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้เนี้ยบไม่แพ้ร้านอื่นเลยนะ
Truefitt & Hill สาขา Central Embassy
หรือถ้าใครอยากลองบาร์เบอร์สมัยใหม่ ในกรุงเทพฯ ก็มีหลายร้านที่น่าไปลอง ไม่ว่าจะเป็นบาร์เบอร์ต้นตำรับจากลอนดอน Truefitt & Hill (เริ่มต้น 1,100 บาท), Blue Harbour (เริ่มต้น 1,000 บาท), Black Amber (เริ่มต้น 700 บาท), ร้านไฮเอ็นด์สไตล์ผู้ดีอังกฤษเสมือนหลุดมาจากวรรณคดีของ F. Scott Fitzgerald อย่าง Barberford (เริ่มต้น 1,100 บาท) หรือร้านรวมพลฮิปสเตอร์อย่าง Three Brother’s (เริ่มต้น 450 บาท)
Essentials
ครั้งหน้าเราจะมาแนะนำอะไร อย่าลืมติดตามนะ :-)