คาเฟ่-บาร์และร้านอาหารที่ซ่อนอยู่แถวมหาทุน-เพลินจิต

 

 

 

เดินเลยเข้ามาอีกนิดจะพบกับคาเฟ่บอร์ดเกมที่เป็นที่เปิดกันเป็นเทรนด์อยู่พักใหญ่ในปีที่ผ่านมา จะพาเพื่อนสนิทไปเล่นก็ได้ หรือจะไปเจอเพื่อนใหม่คอเกมเหมือนกันก็สนุกไปอีกแบบ เดินผ่านทุกครั้งก็ดูครึกครื้นอยู่ตลอด โดยเฉพาะทุกคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ เหล่าเกมเมอร์มีตัวเลือกว่า 300 บอร์ดเกม ไม่ว่าจะเป็น Dixit, The Game of Throne และ Ticket to Ride (เช็กรายชื่อเกมต่างๆ ได้ที่ boardingtimegames.com) สามารถเล่นที่ร้านก็ได้ หรือจะซื้อกลับไปก็ไม่มีใครว่า

 

 

ร้านอาหารสเปนรสเด็ดในกรุงเทพฯ หาไม่ได้ทั่วไปนะ แต่หนึ่งในนั้นแอบซ่อนตัวอยู่ในซอยมหาทุนเช่นกัน Osito เป็นเสมือน All day diner เปิดให้บริการตั้งแต่ 7:30น. บริการเสิร์ฟอาหารเช้าตลอดวัน ซึ่งนอกจากเมนูฮอตฮิตอย่างแซนวิชรูเบ็นและพาสตรามี่แล้ว (320 บาท, 460 บาททั้งคู่) เชฟ Daniel Bucher ยังนำเมนูหลักของประเทศสเปนอย่าง Iberico ham, ข้าวผัดสเปนซีฟู้ด (ปาเอยา) และเมนูรมควันอีกหลายอย่าง เช่น สเต็กโทมาฮอว์ค (3,000 บาท/ 1กก.) หอยกาบ (180 บาท) และปลาหมึก (460 บาท) ถึงแม้ว่าบาร์อาจจะไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่ก็เต็มไปด้วยเมนูค็อกเทลสนุกๆ และเบียร์สดให้ดื่มกันด้วย

 

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะขยับขยายตัวไปเปิดสาขาที่ Emquartier และสยามพารากอนแล้ว ส่วนตัวเราคิดว่าร้านออริจินัลเนี่ยแหละที่เด็ดที่สุด แค่มองเข้าไปใน La Monita ก็รู้สึกได้ถึงความเป็นเม็กซิกันจ๋า ด้วยสีสันสดใสของโต๊ะ เก้าอี้ ผนัง จนไปถึงธงชาติเม็กซิโก เราชอบที่เมนูอาหารไม่ได้มีการนำเสนอแบบอลังการมากมาย แต่รสชาติถึงใจ ไม่ว่าจะเป็นเมนูเบอร์ริโต้แป้งบางเบาสอดไส้ด้วยเนื้อสเต็กนุ่มๆ หรือทาโก้ที่อร่อยทุกไส้ไมว่าจะเป็น กุ้ง เนื้อหรือปลา แค่ได้ชิมรสชาติกัวคาโมเล และซอสซัลซ่าที่หลากหลายให้เราเลือกตักเองได้ก็ฟินแล้ว จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่ถือว่านี่คือก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาดในกรุงเทพฯ

 

ทางร้านมักจะจัดอีเวนต์อาหารอยู่เรื่อยๆ นะ ถ้าไม่อยากพลาดก็ติดตามทางเพจเลย 

 

 

Hair of the Dog เป็นสำนวนในภาษาอังกฤษที่แปลว่ายาแก้แฮงค์นั่งเอง มองเผินๆ อาจจะไม่รู้ว่าบนชั้นสองของอาคารเดียวกันกับ La Monita จะเป็นที่ตั้งของหนึ่งในเบียร์บาร์ที่เจ๋งที่สุดในกรุงเทพฯ เลยนะ ด้านในมีการตกแต่งที่แอบหลอนนิดๆ ด้วยแสงไฟสีชมพูสลัว แต่สิ่งที่เด็ดสุดคือคราฟต์เบียร์ทั้ง 13 ประเภทที่หมุนเวียนสลับเปลี่ยนไปมาให้พวกเราได้ชิมกันให้สะใจ

 

 

ถ้าระหว่างที่ออกมานั่งด้านหน้าร้าน Hair of the Dog แล้วได้ยินเสียงดนตรีแจ๊สเบาๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะข้างๆ กันเลยคือวิสกี้บาร์ที่ลักษณะเหมือนเลานจ์ของคุณผู้ชายโดยเฉพาะ ภายในตกแต่งด้วยไม้และโซฟาหนัง ไฮไลท์ของที่นี่คือคอลเลคชั่นของวิสกี้ทั้งจากฝั่งตะวันตกและตะวันออก และซิการ์อีกกว่า 200 ประเภทให้ลองกัน แต่ถ้าชอบค็อกเทลมากกว่าก็สั่งมาจิบกับอาหารเบาๆ ได้เช่นกันนะ

  

 

 

 

ถ้าอาหารนานาชาติยังไม่ถูกใจก็กลับมาทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อกรอบบ้านเราที่วัวนู้ดก็ได้นะ เพราะสาขานี้รสเด็ดไม่แพ้ที่วิภาวดีเลย ราคาเริ่มต้นที่ 75 บาท และ 120-200 บาทสำหรับเนื้อไทย-ฝรั่งเศส ถ้าไม่อยากทานเนื้อแนะนำให้ลองต้มยำหมูอู๊ดแทนก็ได้ อร่อยแซ่บพอกัน นอกจากนี้ยังมีอาหารรองท้องอย่างเกี๊ยวทอดซอสต้มยำ และปอเปี๊ยะไว้ทานเล่น

 

 

 

อีกหนึ่งร้านที่เบรคเทรนด์อาหารอินเตอร์ในซอยนี้คือ ณ เพลินจิต ซึ่งเป็นร้านอาหารอีสานจุ่มแซ่บ มีทั้งส้มตำ ตำถาด และเมนูรสจัดจ้านที่เราคุ้นเคยกัน รวมไปถึงเมนูฟิวชั่นด้วย ถ้ากลัวอ้วนก็สามารถสั่งหม้อจุ่มแซ่บมาทานแบบคลีนๆ ได้ (หรือจะสั่งบุฟเฟต์ 200 บาทก็ไม่ว่ากัน) ภายในร้านมักจะมีกรุ๊ปใหญ่ๆ มาทานเสมอ แต่ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นั่ง เพราะด้านในมีถึง 3 ชั้นด้วยกัน รับรองว่าอยากทานต้องได้ทานแน่นอน

 

 

 

 

Casa Lapin นั้นกระจายออกไปหลายสาขามากในกรุงเทพฯ และเราเชื่อว่าหลายคนต้องติดใจรสชาติกาแฟของที่นี่แน่นอน แต่สาขาในซอยมหาทุนแห่งนี้ยังเป็นร้านอาหารจริงจังอีกด้วยนะ ทั้งเมนูอาหารเช้า แพนเค้กผลไม้ วาฟเฟิล และกราโนล่า รวมไปถึงเมนู takeaway ง่ายๆ และแน่นอนว่าบรรยากาศของร้านต้องดีงามไม่แพ้ที่อื่น ตั้งแต่ป้ายไฟนีออน การตกแต่งเน้นสีโทนไม้ และไม้ประดับชิคๆ จะไปนั่งทำงานชั้นบนนานๆ หน่อยก็ไม่มีใครว่า สามารถสั่งค็อกเทลหรือไวน์ซักแก้วมานั่งจิบตอนกลางคืนได้ด้วยนะ ได้ทุกอย่างในร้านเดียวเลย